พอได้พบกับมู่หรงสือ ต่อให้มู่หรงฉือจะเจริญอาหารมากเพียงใดก็หมดอารมณ์จะทานต่อ เสียดายอาหารน่ารับประทานที่วางเรียงรายบนโต๊ะ
มู่หรงสือยืนอยู่ตรงนั้น เห็นอาหารหน้าตาน่าลิ้มลองละลานตา ก็อดตาลุกวาวพลางกลืนน้ำลายไม่ได้
“องค์หญิงยังไม่ได้ทานอาหารหรือ? มาทานด้วยกันสิ” ใบหน้าของมู่หรงฉือประดับรอยยิ้มสดใส
“ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ย”
มู่หรงสือนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะทานน้ำแกงในถ้วยกระเบื้องหลิวหลี ต่อมาก็หยิบช้อนเงินขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย
ฉินรั่วกับหรูอี้มองหน้ากันไปมา เตี้ยนเซี่ยถึงกับเชิญองค์หญิงตวนโหรวมาทานอาหารด้วยกัน!
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วหรือ?
ครั้นเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของเตี้ยนเซี่ย พวกนางจึงลอบคิดอยู่ในใจ เตี้ยนเซี่ยคงไม่ได้คิดจะเล่นงานองค์หญิงตวนโหรวอีกใช่หรือไม่
วันนี้มู่หรงสือสวมเสื้อฤดูร้อนสีชมพูปักดิ้นทอง ด้านล่างเป็กระโปรงสีเดียวกันปักลายดอกบัว ทั้งตัวดูนุ่มนิ่ม เส้นผมสีดำเงางามปักปิ่นผีเสื้อระยิบระยับเอาไว้ ใบหน้างดงามราวอัญมณี ริมฝีปากแดงฟันขาว ภาพลักษณ์น่ารักสดใส
“องค์หญิงมีธุระอะไรถึงมาหาเปิ่นกงหรือ?” มู่หรงฉือถามเสียงเรียบพลางคลี่ยิ้ม
“เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันท่องคัมภีร์สามอักษรมาแล้ว จะให้ท่องกลับหลังก็ยังได้นะเพคะ” มู่หรงสือคิดถึงเป้าหมายในวันนี้ก็คลี่ยิ้มเบิกบาน
“อ้อ? ท่องคัมภีร์สามอักษรกลับหลังได้ก็ไม่ถือว่ามีอะไรมากนัก องค์หญิงจะต้องพยายามมากกว่านี้”
“หม่อมฉันไปเรียนกับท่านอาจารย์ทุกวัน เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันไม่ได้แอบี้เีเลยนะเพคะ” มู่หรงสือพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง “อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะท่องให้เตี้ยนเซี่ยฟัง”
“เปิ่นกงมีเื่หนึ่ง เป็เื่ที่สำคัญมากๆ มีเพียงองค์หญิงที่สามารถช่วยเปิ่นกงได้” มู่หรงฉือยิ้มแล้วมองไปทางนาง “ไม่ทราบว่าองค์หญิงอยากจะช่วยเปิ่นกงหรือไม่?”
องค์รัชทายาทเอ่ยปากขอความช่วยเหลือนางด้วยตนเอง อีกทั้งมีเพียงนางที่สามารถช่วยได้ มีหรือมู่หรงสือจะไม่ยอม?
นางตอบรับอย่างตื่นเต้น
หลังจากทานอาหารเสร็จ มู่หรงฉือจึงให้นางนั่งให้เรียบร้อย ให้หรูอี้หยิบเอาเครื่องประทินโฉมออกมา
มู่หรงสือเห็นเครื่องประทินโฉมพวกนั้นก็อดแปลกใจไม่ได้ “เตี้ยนเซี่ยอยากจะให้หม่อมฉันทำอะไรหรือเพคะ? แต่งหน้าหรือ?”
มู่หรงฉือยักคิ้วอย่างลึกลับ “อีกเดี๋ยวองค์หญิงก็จะรู้”
หรูอี้แต่งหน้าให้มู่หรงสือตามความ้าของเตี้ยนเซี่ย อันที่จริงหน้าตาของมู่หรงสือก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แก้มอมชมพู ผิวนุ่มนิ่มและใสสะอาด
เพียงไม่นานการแต่งหน้าก็เสร็จสิ้น
มู่หรงสืออยากรู้มาก “เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันอยากจะดูใบหน้าของตัวเองเพคะ”
มู่หรงฉือส่งสายตาให้หรูอี้ นางก็หยิบกระจกขึ้นมาให้มู่หรงสือส่องดูใบหน้าของตนเอง
ในกระจกสะท้อนใบหน้าเล็กที่แต่งแต้มสีสัน ดวงตาสุกใสราวคลื่นน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ริมฝีปากแดงราวอาทิตย์อัสดง ใบหน้าสีชมพูอ่อน สีสันงดงาม ทำให้สายตาของบุรุษในใต้หล้าตกตะลึงพรึงเพริดไป
หมู่มวลผกาเบ่งบานงดงาม แต่กลับไม่อาจเทียบกับความเฉิดฉันของนางได้แม้แต่นิด
มู่หรงสือเองก็ทั้งประหลาดใจ ทั้งดีใจ ทั้งหลงใหล ถูกภาพตรงหน้าทำให้ใจริงๆ “เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันไม่เคยแต่งหน้าเข้มขนาดนี้มาก่อนเลยเพคะ”
“องค์หญิงแต่งหน้าเช่นนี้ นับไดว่าเป็สตรีที่งดงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแล้ว” ฉินรั่วยิ้มแล้วพูด แต่ว่าในหัวใจของนาง เตี้ยนเซี่ยยังงดงามกว่าองค์หญิงอยู่มาก
“เื่นี้แน่นอนอยู่แล้ว จะเอาคุณหนูจากบรรดาตระกูลสูงมาเทียบก็ยังไม่ได้” หรูอี้พูดเสริม
“เื่ที่เตี้ยนเซี่ยอยากจะให้หม่อมฉันทำคือเื่นี้หรือเพคะ?” มู่หรงสือคิดถึงสิ่งที่องค์รัชทายาทพูดเมื่อครู่แล้วหลุบตาลงอย่างเอียงอาย
หรือแท้จริงแล้วองค์รัชทายาทอาจจะอยากเห็นนางตอนประทินโฉมเต็มที่
เช่นนั้นก็แสดงว่าองค์รัชทายาทมีใจให้นาง อยากจะแต่งนางเป็พระชายาหรือ?
นางปรายตามองไปทางองค์รัชทายาทเล็กน้อย เห็นเพียงองค์รัชทายาทที่ทำท่าทางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มพลางมองมาที่ตน
มู่หรงฉือลุกขึ้นเดินไปด้านนอก หรูอี้พยุงมู่หรงสือขึ้นพลางกล่าว “องค์หญิง ทรงติดตามเตี้ยนเซี่ยไปด้านนอกเถิดเพคะ”
มู่หรงสือดีใจราวได้ลิ้มรสสุราหวานล้ำ
องค์รัชทายาทให้หรูอี้แต่งตัวให้นาง ตอนนี้ย่อมต้องพานางไปเดินเล่นในวัง หรือเดินไปชมดอกไม้
คิดถึงว่าต่อไปจะได้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับองค์รัชทายาท ไม่แยกจากกันไปไหน หัวใจของนางก็เบิกบาน
ฉินรั่วเห็นใบหน้าเขินอายดีใจของนางก็ส่ายหน้าหัวเราะ องค์หญิงเอ๋ยองค์หญิง ต่อไปท่านก็ยิ้มไม่ออกแล้ว
แม้นางไม่รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยตั้งใจจะทำอะไร แต่ว่าต้องไม่ใช่เื่ดีแน่
มู่หรงฉือหยุดฝีเท้าที่บันไดขั้นล่างสุดหน้าตำหนัก
อากาศในฤดูร้อนอบอ้าว แสงแดดร้อนแรงปกคลุมไปทั่ว เมื่อสาดส่องมาแล้วก็ให้รู้สึกแสบผิว
มู่หรงสือมึนเบลออยู่เล็กน้อย เหตุใดเตี้ยนเซี่ยถึงมายืนอยู่ใต้แสงแดดอันร้อนแรงเช่นนี้?
“องค์หญิง เปิ่นกง้าความช่วยเหลือจากเ้า เ้ายินดีใช่หรือไม่?” มู่หรงฉือเลิกคิ้วถาม
“หม่อมฉันยินดี เตี้ยนเซี่ยอยากให้หม่อมฉันทำอะไรหม่อมฉันก็จะทำเพคะ” มู่หรงสือรีบแสดงความจริงใจของตัวเองออกมา
“ต่อไป ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น องค์หญิงอย่าโวยวาย จะขยับก็ไม่ได้ ให้ยืนอยู่ที่นี่ดีๆ เป็พอ”
“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
นางกำนัลสองคนแบ่งกันถือถังน้ำสองถังเข้ามา วางเอาไว้ด้านข้าง ในถังน้ำแต่ละใบมีที่ตักน้ำทรงน้ำเต้าอยู่อันหนึ่ง
ฉินรั่ว หรูอี้ยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่ เตี้ยนเซี่ยคิดจะทำอะไรกันแน่?
มู่หรงสือคิดในใจ เตี้ยนเซี่ยมิได้อยากจะไปสวนอวี้ฮวาหรือ?
“องค์หญิงจำเอาไว้ให้ดี ห้ามขยับเด็ดขาด”
มู่หรงฉือกำชับอีกครั้ง ก่อนจะหยิบที่ตักทรงน้ำเต้าขึ้นมาพลางสั่งฉินรั่ว “เปิ่นกงทำอะไร เ้าก็ทำแบบนั้น”
ฉินรั่วรับคำ หยิบที่ตักทรงน้ำเต้าจากอีกถังขึ้นมา
เห็นเพียงมู่หรงฉือตักน้ำขึ้นมา ยกมือขึ้นสูงแล้วราดน้ำลงบนศีรษะของมู่หรงสือ
ฉินรั่ว หรูอี้ตกตะลึงตาค้าง
“กรี๊ด...”
แม้ว่าจะยืนอยู่ใต้พระอาทิตย์ที่แสงแดดเจิดจ้าและร้อนแรงมากก็ตาม แต่ถูกน้ำเย็นราดรดลงบนหัวนั้นเป็เื่ที่คิดไม่ถึงจริงๆ มันน่าใเกินไป ด้วยเหตุนี้ มู่หรงสือจึงใจนกรีดร้องเสียงหลง แล้วหลบหลีกตามสัญชาตญาณ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำที่ศีรษะ ใบหน้าและตามเสื้อผ้า
มู่หรงฉือพูดด้วยสีหน้าเ็า “องค์หญิงลืมคำพูดของเปิ่นกงไปแล้วหรือ? เช็ดไม่ได้ ขยับไม่ได้”
“แต่ว่าตัวหม่อมฉันเปียกไปหมดแล้วนะเพคะ” มู่หรงสือมีสีหน้าทุกข์ใจ อยากจะร้องไห้ ถึงแม้จะรู้สึกเย็นสบาย แต่บนใบหน้ากลับชื้นเหนอะหนะไปหมดจนรู้สึกทรมาน
“นี่คือเื่ที่เปิ่นกงจะให้องค์หญิงทำ หรือว่าองค์หญิงรู้สึกเสียใจภายหลังเสียแล้ว?”
“ไม่ใช่นะเพคะ...แต่เพราะเหตุใดถึงต้องรดน้ำใส่หัวของหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ?” มู่หรงสืออยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
ฉินรั่วกับหรูอี้ทำได้เพียงแสดงท่าทีเห็นใจออกมา
มู่หรงฉือพูดเสียงเย็น “หากองค์หญิงไม่เต็มใจ เปิ่นกงก็ไม่บังคับ เชิญองค์หญิงกลับไปได้”
หยดน้ำไหลลงมาจากหน้าผาก เพียงไม่นานชุดของมู่หรงสือก็เปียกชื้นไปหมด โชคดีที่นางปิดตาดวงตาคู่งามเอาไว้จึงไม่เป็อะไร เพียงแต่เครื่องประทินโฉมที่เติมแต่งสีสันพากันไหลลงมา เหมือนดินน้ำมันละลาย
มู่หรงฉือจ้องใบหน้าของนาง แล้วก็มองอย่างสนอกสนใจราวกับกำลังค้นหาคำตอบบางอย่าง
มู่หรงสือถูกมองจนรู้สึกขัดเขินจนต้องก้มหน้าลง ตอนนี้นางคงจะเหมือนแมวลายพร้อย ดูน่าเกลียดมากแน่ๆ
เห็นใบหน้ารูปไข่ถูกย้อมไปด้วยสีสันต่างๆ ฉินรั่วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วพูดด้วยความดีใจ “เตี้ยนเซี่ยกำลังทำการทดลองหรือเพคะ?”
“ทดลองอะไร?” หรูอี้ถามออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เตี้ยนเซี่ย เสร็จแล้วหรือไม่เพคะ?” มู่หรงสือถามเสียงน่าสงสาร ตัวเปียกไปหมดเช่นนี้จะสบายตัวได้อย่างไร?
ราดน้ำไปสองถัง เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าของนางก็ถูกน้ำชะล้างลงมาหมดแล้ว หลงเหลือสีสันอยู่เพียงเล็กน้อย
มู่หรงฉือส่งสัญญาณ หรูอี้ก็พูดทันที “หนูฉายจะพาองค์หญิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะเพคะ”
ฉินรั่วตามองค์รัชทายาทมาที่ห้องตำรา แล้วถาม “เตี้ยนเซี่ยทดลองสถานการณ์ฝนเืที่ตำหนักชิงหยวนหรือเพคะ?”
มู่หรงฉือนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ดวงตาเป็ประกายในห้องตำราที่กึ่งมืดกึ่งสว่าง “เ้าส่งคนไปเรียกจือเหยียนมาที่วังบูรพาที”
...
เสิ่นจือเหยียนมาถึงวังบูรพาพูดคุยกับมู่หรงฉืออย่างลับๆ ครึ่งชั่วยามก่อนจะลากลับไป
สองวันที่ผ่านมานี้ ศาลต้าหลี่สืบคดีมาตลอด น่าเสียดายที่ตรวจไม่พบเบาะแสใหม่ การสืบสวนจึงต้องหยุดชะงักไป
มู่หรงฉือเดินทางไปเยี่ยมพระบิดา บังเอิญกับที่เซียวกุ้ยเฟยก็อยู่ด้วย
มู่หรงเฉิงยังคงนอนรักษาตัวอยู่บนเตียง แต่สีหน้าดีขึ้นมาบ้างแล้ว ดวงตาก็เป็ประกายกว่าหลายวันก่อนมาก
เห็นองค์รัชทายาทมาเยี่ยม ฮ่องเต้ก็ยินดีปรีดาจนสรวลเบาๆ
มู่หรงฉือลอบถอนหายใจ หากเสด็จพ่อรู้เื่ที่เกิดขึ้นใน่นี้จะต้องตกพระทัยมากเป็แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะโกรธจนกระอักเื
ดังนั้น นางจึงตัดสินใจที่จะปกปิดเสด็จพ่อต่อไป
เซียวกุ้ยเฟยยกถ้วยกระเบื้องหลิวหลีเข้ามา คลี่ยิ้มสดใสราวกับดอกไม้สีแดงในฤดูร้อน “ฝ่าา นี่เป็จินซือเสวี่ยหลัน[1]ที่หม่อมฉันทำเองกับมือ ลองชิมดูสักหน่อยสิเพคะ”
มู่หรงเฉิงยิ้มแล้วพูด “เอาสิ”
มู่หรงฉือเดิมนั่งอยู่ริมเตียง เซียวกุ้ยเฟยนั่งอยู่ตรงหน้าเบียดอยู่ที่ขาของนาง ทำให้นางทำได้เพียงลุกไปยืนอยู่ด้านข้าง
เซียวกุ้ยเฟยปรนนิบัติมู่หรงเฉิงด้วยตนเอง “ฝ่าาคิดว่ารสชาติเป็อย่างไรบ้างเพคะ? ดีหรือไม่?”
“ดีๆๆ ชิ้นเล็ก ัันุ่มลื่น สดชื่นยิ่งนัก ทั้งหวานแต่ก็ไม่เลี่ยน เจิ้นชอบ” เขายิ้มตาหยี “เ้านี่ทำอย่างไรหรือ?”
“ผลเสวี่ยหลันเป็ผลไม้ที่เกิดในหิมะที่ตกสะสมหลายหมื่นปีบนยอดเขาว่านจางเสวี่ยซานที่แคว้นซีฉิน สิบปีจะบานแล้วออกผลหนึ่งครั้ง ดอกเสวี่ยหลันดอกหนึ่งให้ผลเจ็ดแปดผล ดังนั้นจึงเป็ของล้ำค่ามาก ราชวงศ์แคว้นซีฉินอยากจะทานก็ต้องรอสิบปี ผลเสวี่ยหลานก็เหมือนกับไข่ไก่ฟองใหญ่ เนื้อของมันใสวาว เหมือนกับรอยยิ้มของเฟยจื่อ[2]แห่งแคว้นหนานเยว่ แต่กลับไม่ได้หวานเหมือนรอยยิ้มของสาวงามแม้แต่น้อย ทว่าเป็ของแก้พิษได้ หม่อมฉันจึงส่งคนไปสอบถามที่แคว้นซีฉินลับๆ ต้องเสียทั้งกำลังเสียทั้งเวลาไปอยู่มากถึงจะได้มาสามลูกเพคะ”
“กุ้ยเฟยช่างมีความสามารถจริงๆ ของที่แม้แต่ราชวงศ์ซีฉินยากจะได้ทานก็ยังหามามอบให้เสด็จพ่อได้” รอยยิ้มของมู่หรงฉือแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน
“สามารถทำให้ฝ่าามีพระพลานามัยที่ดีขึ้นได้ เปิ่นกงยอมทำทุกอย่าง” ดวงตาของเซียวกุ้ยเฟยหรี่ลงครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามาเป็แช่มชื่นในชั่วพริบตา “ฝ่าาเพคะ หม่อมฉันกังวลว่าโรงครัวจะทำไม่เป็จนทำให้เสียผลเสวี่ยหลันแสนล้ำค่าไป ดังนั้นั้แ่เมื่อคืนจนถึงวันนี้หม่อมฉันก็อยู่แต่ในโรงครัวตั้งหลายชั่วยามถึงทำจินซือเสวี่ยหลันมาได้”
“น้ำใจที่เ้ามีต่อเจิ้น เจิ้นเข้าใจดี” มู่หรงเฉิงตบลงบนมือเนียนนุ่มของนางเบาๆ อย่างซาบซึ้งใจ
“ฝ่าา จาวฮวากลับเมืองหลวงแล้ว” นางหลุบตาลงด้วยความเอียงอาย จู่ๆ ก็เหลือบตาขึ้นมายิ้มดีใจ “ฝ่าานับวันพระวรกายก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จาวฮวากลับเมืองหลวงมาแล้ว หม่อมฉันจึงคิดว่า ่นี้ในวังไม่ค่อยครึกครื้นรื่นเริง จึงคิดจะจัดงานเลี้ยงที่ตำหนักเหวินฮวา เชิญบรรดาพระญาติและขุนนางคนสำคัญในราชสำนักมารื่นเริงด้วยกัน หากฝ่าาดีขึ้นแล้ว ก็อยู่ที่งานเลี้ยงนานสักหน่อย อยู่กับเหล่าเฟยผิน พูดคุยกับเหล่าข้าราชบริพาร”
เชิงอรรถ
[1] จินซือเสวี่ยหลัน คือขนมที่ทำจากบัวหิมะ โดยรอบๆ บัวหิมะจะทำให้มีแป้งเป็ฝอยๆ เล็กๆ ห่อเอาไว้
[2] เฟยจื่อ คือคำเรียกสนม ตำแหน่งเฟย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้