อวิ๋นอี้ไม่เคยยอมใครทั้งสิ้น จะยอมก็แต่ปากพล่อยๆ ของตนเองเท่านั้น นางพูดเื่ดีคราใดไม่เคยเกิดผล พูดเื่ร้ายล่ะสมพรปากทุกครั้ง เมื่อครู่เพิ่งบ่นว่าหนีไม่พ้น แล้วก็ได้ยินเสียงของพ่อบ้านทันใด นางหันหน้าไป พ่อบ้านก็เข้ามาทักทายนางอย่างอบอุ่นทันที
เ้าเงาตามติดมาอีกแล้ว แถมเื้ัเขายังมีทหารตามมาอีกเป็โขยง
อวิ๋นอี้มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ พยายามกล่าวออกไปอย่างใจเย็นว่า “คนพวกนี้คือ...”
“มาเฝ้าที่นี่ขอรับ” พ่อบ้านพูดอย่างสุภาพ "ฝ่าาตรัสว่า พระชายาอยู่ในจวน จะต้องดูแลความปลอดภัยให้ถี่ถ้วน ฝั่งตะวันออกได้รับการคุ้มกันอย่างแ่า แต่ฝั่งตะวันตกค่อนข้างหละหลวม จึงจัดกำลังคนจากกองทัพมาเฝ้าจวนขอรับ”
“......”
แผนการหลบหนีที่ยังไม่ได้เริ่ม ล้มเหลวไม่เป็ท่าเสียแล้ว
อวิ๋นอี้ไม่รู้ว่าจะพูดอันใดอยู่เป็เวลานาน
ตรงกันข้าม พ่อบ้านที่ดูก็รู้ว่าผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ถือโอกาสพูด “พระชายาขอรับ ฝ่าาทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อท่านนะขอรับ ท่านเข้าใจความลำบากของฝ่าาหน่อยเถิดขอรับ”
เหอะ เหอะ เหอะ
นางเข้าใจดีเลยล่ะ
ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก จุดที่พอหลบหนีได้หายวับไปกับตา หรงซิวไอ้องค์ชายบ้านั่นไม่ยอมให้นางหนีไปได้
มันช่างเจ็บใจนัก
อวิ๋นอี้กัดฟันมองดูพ่อบ้านจัดตำแหน่งให้ทหารไปยืนเฝ้า ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเข้าใจฝ่าาแน่นอนอยู่แล้ว ไม่รู้จะต้องขอบพระทัยฝ่าาเช่นไรดี!"
“พระชายาขอรับ อยากขอบพระทัยฝ่าาล่ะก็ ข้าน้อยคิดว่า ท่านสามารถทำเื่บางอย่างตอบแทนได้นะขอรับ”
“......” ถุ้ย!
เช่นนี้คุยกันต่อไปไม่ได้แล้ว นางเบิกตากว้าง แทบอยากจะะโออกไปจ้องหน้าเขา “เ้าเป็ห่วงแค่เื่ตนเองก็พอ!”
อวิ๋นอี้ออกมาจากลานตะวันตกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ยังไม่ทันจะเริ่มก็พังไม่เป็ท่าเสียแล้ว มารดามันเถิดเอ้ย!
เพราะความรู้สึกโกรธ อวิ๋นอี้จึงเดินไปอย่างไร้จุดหมายแล้วจู่ๆ ก็กลับมาถึงลานเรือนของนางกับหรงซิว
กลับมาถึงที่เรือนบ้านี่ได้อย่างไรกัน?
อวิ๋นอี้กำลังจะกลับออกไป แต่ก็เห็นชายตัวเล็กๆ อยู่ในเรือนเข้าเสียก่อน เป็เสี่ยวมู่อวี่ที่ไม่ได้เจอมาหนึ่งวันแล้วนั่นเอง
นางดีใจขึ้นมาทันที รีบเดินเข้าไปในเรือน ะโเรียกเสี่ยวมู่อวี่มาั้แ่ไกล “ลูกราคาถูกจ๋า!” [1]
เสี่ยวมู่อวี่ที่กำลังเขย่งเท้ามองเข้าไปในเรือน เมื่อเขาได้ยินเสียงของอวิ๋นอี้ก็หันกลับมาอย่างมีความสุขทันทีเช่นกัน “แม่ราคาถูกจ๋า!”
เขารีบลงบันไดและกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของอวิ๋นอี้ทันที
อวิ๋นอี้กอดเขาไว้ พร้อมกับลูบหน้าของเขา “เป็อย่างไรบ้าง? เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่? อาหารถูกปากหรือไม่?”
เสี่ยวมู่อวี่ยิ้มแป้น พยักหน้ารัวๆ “ดีขอรับ! ดีทุกอย่างเลย แม่อวิ๋นอี้รู้หรือไม่ว่าเตียงที่นี่ใหญ่ยิ่งนัก ใหญ่กว่าเตียงของข้าอีก”
“แน่ล่ะสิ เขาเป็ถึงองค์ชายนี่นา! เตียงเล็กๆ จะไปสมศักดิ์ศรีได้อย่างไร?”
เสี่ยวมู่อวี่ฟังดูเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง “อาหารก็อร่อย! ขนมก็อร่อย! แม่อวิ๋นอี้ ท่านเป็พระชายาแล้ว พวกเราก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเลยเถิด ดีหรือไม่ขอรับ?”
“......” อวิ๋นอี้หน้ามุ่ยมองเขา
นางอุ้มเขาขึ้นบนเก้าอี้ ชี้ไปที่จมูกของเขาแล้วพูดว่า “เ้านี่มันไร้ศักดิ์ศรีจริงเชียว เตียงกับอาหารไม่กี่มื้อก็ซื้อเ้าได้แล้วหรือ? เ้าจะไม่ตามหาท่านพ่อท่านแม่แท้ๆ แล้วหรืออย่างไร? จะกลับบ้านหลังใหญ่ของเ้าหรือไม่?”
หัวของเสี่ยวมู่อวี่ก้มลงเรื่อยๆ ยอมรับว่าเขาผิดไปแล้ว
“อีกอย่างนะ พอพระชายาองค์ใหม่แต่งเข้ามา พวกเราสองคนจะไปเหลืออันใด? ข้าก็เป็แค่ชายาตกกระป๋อง เ้าก็เป็เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า น่าสมเพชจริงๆ ข้านึกถึงวันนั้นแล้วก็รู้สึกแย่จนอยากจะร่ำไห้...” อวิ๋นอี้พูดพลางน้ำตาคลอเบ้าจมูกแดงขึ้นมาจริงๆ
เสี่ยวมู่อวี่รีบเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาที่ไม่ได้ไหล “แม่จ๋าอย่าร้องไห้ แต่เสี่ยวมู่อวี่ได้ยินมาว่าฝ่าา เหมือนจะไม่แต่งพระชายาองค์ใหม่แล้วนะขอรับ”
“เ้าไปฟังผู้ใดพูดมา?” อวิ๋นอี้รู้สึกสงสัย ไม่ร้องไห้แล้วถามเขาอย่างตื่นตระหนก เสี่ยวมู่อวี่จึงบอกนางไปตามตรง หลังจากฟังจบ อวิ๋นอี้ก็ใเล็กน้อย
เมื่อวานตอนที่หรงซิวบอกกับนางว่าเขาจะไม่อภิเษกอีก นางมองว่ามันเป็คำพูดหวานชื่นของบุรุษเท่านั้น ถึงเวลาอย่างไรก็ต้องแต่ง ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็ชายาที่ไทเฮาทรงเลือก อีกทั้งพระชายาองค์ใหม่ยังเป็หญิงงามผู้มากความสามารถอีกด้วย
คงไม่มีบุรุษคนใดต่อต้านได้ คิดไม่ถึงเลยว่าหรงซิวจะเข้าไปในวัง และขอยกเลิกงานอภิเษกเอง
ไม่เพียงเท่านั้น เื่ที่ทุกคนพูดกันเช้านี้เกินไปกว่านั้นอีกว่า หรงซิวกล่าวคำสัตย์ต่อหน้าไทเฮาว่าชีวิตนี้ถ้าไม่ใช่อวิ๋นอี้เขาจะไม่อภิเษกกับผู้ใดอีก มิเช่นนั้นจะขอให้ฟ้าฝ่าปลิดชีพ ทุกคนล้วนทราบว่าไทเฮาทรงโปรดหลานชายคนมากนี้ที่สุด การที่หรงซิวทำเช่นนี้ ย่อมทำให้ไทเฮาหวาดกลัวไปตามกัน ด้วยเหตุนี้ งานอภิเษกจึงถูกยกเลิกได้สำเร็จ
อวิ๋นอี้ตะขิดตะขวงใจ รู้สึกว่าเื่ยังไม่จบแค่นี้แน่
แล้วก็เป็เช่นนั้นจริงๆ ตอนเที่ยง หรงซิวก็มาหานาง
นางกอดอก มองดูคนย้ายเครื่องเรือนใหม่เข้ามาในห้อง
“อวิ๋นเออร์” เสียงของหรงซิวดังมาก่อนที่เ้าตัวจะมาถึงเสียอีก อวิ๋นอี้หันไปมองเขา พูดอย่างเ้าคิดเ้าแค้น "โอ๊ะ ฝ่าาก็มาด้วยหรือเพคะ?"
ดูเหมือนว่าหรงซิวรู้ว่านางกำลังคิดอันใด เขาจึงตั้งใจพูดให้นางโกรธ “ใช่ ยุ่งมาั้แ่เช้า จึงอยากดูว่าพระชายาของข้าหนีไปหรือยัง?”
“......” อวิ๋นอี้ยังคงยิ้ม "ฝ่าาส่งคนมาเฝ้าเช่นนี้ แมลงวันสักตัวก็คงบินออกไปไม่ได้หรอกเพคะ"
"ก็ดี" หรงซิวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ถ้าเยี่ยงนั้นพระชายาจะยอมแพ้ได้หรือยัง?”
ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาเช่นนั้น แต่ตอนนี้อวิ๋นอี้กลับอยากที่จะข่วนหน้าเขาให้เป็รอยเสียจริง
เมื่อเห็นนางไปไม่เป็ รอยยิ้มของหรงซิวก็ยิ่งระรื่นขึ้น “อวิ๋นเออร์ เป็เด็กดีอยู่เคียงข้างข้าเถิด ข้าจะดูแลเ้าอย่างดี ข้าจะทำให้เ้าได้ััถึงความอบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ”
“ข้าััได้เพียงแต่ความกระสันแรกแย้มเพคะ” อวิ๋นอี้กลอกตาขาวมองบน ไม่อยากที่จะพูดด้วย
หรงซิวมองนางอย่างมีเลศนัย “งั้นคืนนี้มาบรรจุะุจริงซ้อมกันดีหรือไม่?” [2]
“ขอปฏิเสธเพคะ” นางเบือนหน้าหนี “ฝ่าามีธุระอันใดกับข้าหรือ?”
เมื่อเห็นอาการต่อต้านจากนาง หรงซิวก็เลิกแสดงท่าทีหยอกล้อ เขาปรบมือ ทันใดนั้นคนรับใช้ก็แบกกล่องใหญ่เดินเข้ามา ก่อนจะวางกล่องลง หรงซิวเปิดมันออก ที่แท้ก็เป็เครื่องประดับอัญมณีเงินทอง ระยิบระยับจนแทบจะทำให้นางตาบอด
อวิ๋นอี้ใจนต้องอุดปากไว้ กลัวจะอ้าปากจนกรามค้าง
เงิน...เงิน...เงินเยอะมากเลย!
นางไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน ได้เห็นทีตาก็แทบลุกวาว
“ฝ่า...ฝ่าา...นี่มันหมายความว่าอย่างไรเพคะ?" อวิ๋นอี้มองหรงซิว จากความห่างเหินกลายเป็รอยยิ้มสนิทสนม
เมื่อเห็นท่าทางเสแสร้งเช่นนั้นก็มิได้เอ่ยติงนาง ไม่นานเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทั้งหมดนี่ข้าให้เ้า”
"ฝ่าาดีที่สุดเลยเพคะ!" อวิ๋นอี้รีบวิ่งเข้าไปกอดเขาอย่างตื่นเต้น แล้วก็ก้มหน้าลงมองเครื่องประดับอัญมณี เงินทอง
แต่ใครจะคิดว่าตอนที่เพิ่งหยิบกำไลข้อมือหยกออกมา กลับได้ยินหรงซิวพูดออกมาว่า "อย่ารีบดีใจไป ถ้าเ้าอยากได้สมบัติกล่องนี้ ต้องสัญญากับข้ามาก่อนอย่างหนึ่ง”
“......”
จริงๆ เลย นางคิดอยู่แล้วว่ามันไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้น!
อวิ๋นอี้มองเขาอย่างโกรธเคือง "มีกระไรก็รีบพูด ใคร่ผายลมก็รีบผายเพคะ!"
"มากับข้า"
หรงซิวพานางไปที่ห้อง แล้วคนรับใช้สี่ห้าคนก็เข้ามา ให้นางนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ คนรับใช้เริ่มเข้ามาแต่งตัว ลงแป้งทาหน้า หลังจากแต่งหน้าเสร็จนางก็โดนให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลง อวิ๋นอี้กลับมายืนอยู่ข้างหน้าหรงซิวและเลิกคิ้วมองเขา "หมายความอย่างไรเพคะ?"
"ท่านย่าได้ยินว่าเ้ายังไม่ตายจึงรับสั่งให้ข้าพาเ้าเข้าวัง ข้าขออย่างเดียว เป็เด็กดีแล้วให้ความร่วมมือกับข้า ข้าพูดอันใดก็ตามน้ำไป แล้วกล่องเครื่องประดับนี้ก็จะเป็ของเ้า”
อวิ๋นอี้คิด ตอนนี้ยังหนีไปไหนไม่ได้ กอบโกยได้เท่าไหร่ก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน
“ตกลงเพคะ!”
จากจวนองค์ชายไปถึงวัง ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีโดยรถม้าเร็วเมื่อเข้าไปในวัง ก็ได้เห็นกำแพงสีแดงสูงปูกระเบื้องสีเหลือง ความรู้สึกคุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง
อวิ๋นอี้เม้มริมฝีปากของนางอย่างระงับอารมณ์ เดิมตามหลังหรงซิวไปติดๆ เมื่อมาถึงประตูฟ้าดิน หรงซิวก็หยุดเดินและเอื้อมมือออกไปหานาง
อวิ๋นอี้มองไปที่เขา ถามออกมาโดยไร้เสียงว่าอันใด?
“จับมือข้า” เขาพูด “ร่วมมือกับข้า”
“......” เพื่อกล่องเครื่องประดับ อดทนไว้
มือเล็กๆ ของอวิ๋นอี้ถูกโอบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ของเขา มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ความรู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่เดิมในใจพลันหายไปปลิดทิ้ง
หรงซิวลูบมือเล็กๆ ของนางและยิ้มในใจ
น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริงๆ
อวิ๋นอี้ในตอนนี้ช่างดูมีชีวิตชีวา เมื่อเทียบกับคนนิ่งๆ เมื่อก่อนแล้วตอนนี้นางน่าสนใจนัก เขายิ้มเล็กๆ เมื่อเห็นว่ามาถึงห้องโถงใหญ่แล้ว ก็มีท่าทีที่สงบลง
ห้องโถงมีความโอ่อ่า หรูหรา อวิ๋นอี้ที่ถูกสั่งให้ทำตัวเป็มนุษย์ไม้ เมื่อเข้าไปในวัง นางย่อกายโค้งคำนับ ทำทุกอย่างตามหรงซิวแล้วก็ยืนก้มหน้า ไม่ว่อกแว่ก คิดว่าจะอยู่เงียบๆ ไปจนจบ แต่ก็มีคนที่ไม่ปล่อยให้นางได้ทำตามใจ
องค์ไทเฮาที่อยู่เบื้องบน จ้องเขม่นมาที่อวิ๋นอี้ไม่วางตา
เดิมทีนางก็ไม่ได้ชอบสตรีนางนี้อยู่แล้ว ตอนนางยังเด็กนางไม่โดดเด่นอันใดเลย แต่หรงซิวกลับหลงใหลนางเด็กคนนี้ สตรีดีๆ ที่นางชอบ เขาก็ไม่้า เขายืนกรานจะแต่งกับอวิ๋นอี้ เลือกสตรีที่นางไม่ถูกชะตาอยู่ท่าเดียว หลังจากที่พวกเขาอภิเษกกัน นางก็ยังไม่ชอบอวิ๋นอี้ อยากจะหานางสนมให้หรงซิว สตรีดีๆ ที่นางเลือกให้เขาดีกว่านางมากมายนัก
แต่สุดท้ายก็ถูกหรงซิวปฏิเสธไปเสียหมด
หลังจากนั้นที่อวิ๋นอี้ตกหน้าผาไปแล้ว นางถึงจะจับคู่ให้หรงซิวได้เสียที เื่ดีๆ กำลังจะเกิดอยู่แล้วเชียว อวิ๋นอี้ก็ดันกลับมาเสียได้ ไม่ถูกชะตานี่ก็ยังขัดหูขัดตาอยู่วันยังค่ำ ตั้งใจจะต่อต้านนางชัดๆ
เมื่อคิดถึงเื่นี้ไทเฮาก็โกรธจนหน้าบูดเบี้ยว นางเอ่ยอย่างเ็า ตั้งใจจะทำให้อวิ๋นอี้อับอาย “อวิ๋นอี้ เงยหน้าขึ้น เ้าไม่ได้พูดอันใดเลยั้แ่เข้ามา? ตกหน้าผามาทำให้สมองพังไปแล้วหรือ? มารยาทน่ะรู้จักหรือไม่?”
อวิ๋นอี้หน้าเสีย พลางคิดอยู่ว่ากล่องเครื่องประดับได้มาไม่ง่ายเสียแล้ว ดูสิ คนจับผิดโผล่มาแล้วหนึ่งคน นางเงยศีรษะขึ้นและมองไปทางไทเฮาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ท่าทีเช่นนั้น ใช่เลย ต่อกรยากเป็แน่
ถึงจะยากแต่ก็ต้องทำแล้วล่ะ
นางคำนับอย่างเชื่อฟัง พูดอย่างนุ่มนวลว่า “คารวะไทเฮา อวิ๋นอี้สมองพังจริงๆ เพคะ ไทเฮาทรงหยั่งรู้ได้ราวกับเทพเซียนเลยเพคะ”
"เ้า!" องค์ไทเฮาทรงกริ้ว "เ้ากำลังยียวนข้ารึ?”
อวิ๋นอี้หน้ามึน “อวิ๋นอี้มิบังอาจเพคะ องค์ชายเป็พยานให้ข้าได้ อวิ๋นอี้ไม่มีเจตนายียวนอย่างแน่นอน”
“จริงอย่างที่นางว่าขอรับ” หรงซิวประสมโรงไปกับนาง “ท่านย่าขอรับ อวิ๋นเออร์ลื่นล้มจนสมองพังจริงๆ นางจำเื่มากมายในอดีตไม่ได้ขอรับ เมื่อวานหมอหลวงมาตรวจดูแล้ว บอกว่าต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นฟูความทรงจำ”
แม้ว่าจะได้ฟังคำอธิบายแล้ว แต่เมื่อได้เห็นหรงซิวออกหน้าเข้าข้างอวิ๋นอี้ องค์ไทเฮาก็โกรธจนเดือดจัด
ในเวลานั้นเอง สตรีที่ยืนอยู่ข้างๆ องค์ไทเฮาก็เอ่ยเบาๆ ว่า "เสด็จย่า อย่าโกรธไปเลยเพคะ ถึงจะไม่เชื่อพระชายา แต่ก็ควรเชื่อท่านพี่ซิวนะเพคะ"
ท่านพี่ซิวหรือ?
อวิ๋นอี้แทบจะอาเจียนออกมา
นางมองดูสตรีผู้นั้น ช่างดูบอบบาง แต่นางมีใบหน้ากลมโตที่เป็เอกลักษณ์ โชคดีที่ส่วนประกอบบนใบหน้าดูดี ดูรวมๆ นับว่าสวยใช้ได้ ไม่เช่นนั้นจะดูเหมือนขนมแป้งทอดงา
องค์ไทเฮาถูกสาวเ้าพูดกล่อม ทำให้ความโกรธบรรเทาลง “ต้องเป็เช่นเมี่ยวเออร์นี่สิที่ข้าชอบ”
“ท่านย่า อย่าหยอกข้าเลยเพคะ” สตรีหน้ากลมที่ชื่อเมี่ยวเออร์ยิ้มขึ้นมา ดูมีความสุขยิ่งนัก อวิ๋นอี้ก้มศีรษะลงกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะ แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะพูดขึ้นมาอีก แถมยังพูดกับนางเสียด้วย
“อดีตพระชายาเพคะ ท่านรอดมาได้อย่างไร? แล้วกลับมาเมืองหลวงได้อย่างไรเพคะ? หากท่านสูญเสียความทรงจำตามที่บอก ท่านรู้ตัวว่าเป็พระชายาได้อย่างไรเพคะ?” สาวหน้ากลมถามคำถามมานับไม่ถ้วน ทำเอาอวิ๋นอี้ไปไม่เป็
ดูท่าแล้วสาวหน้ากลมคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ นางเรียกองค์ไทเฮาว่าเสด็จย่า เรียกหรงซิวว่าท่านพี่ซิว นางน่าจะเป็องค์หญิงหรือกระไรสักอย่าง
อวิ๋นอี้พิจารณาถึงตัวตนของอีกฝ่ายในใจ ในตอนที่นางกำลังจะพูด ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงพูดเยาะเย้ยเ็าของหรงซิวที่อยู่ข้างๆ “ซูเมี่ยวเออร์ เ้าเป็ใครกัน ถึงกล้าตั้งคำถามกับพระชายาของข้า?”
เชิงอรรถ
[1] ลูกราคาถูก 便宜儿子 หมายถึง ลูกที่ไม่ได้คลอดเอง ลูกที่มีโดยไม่ต้องทุ่มเท ทำนองเดียวกัน พ่อหรือแม่ราคาถูก จึงหมายถึงพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเืกับบุตร
[2] บรรจุะุจริงซ้อม 枪荷弹练一练 หมายถึง เอาจริงเอาจัง