เสียงของหรงซิวเ็า ใบหน้าของเขาก็เฉยเมย ราวกับจะมีเกล็ดน้ำแข็งกระเด็นออกจากดวงตาคู่นั้น
อวิ๋นอี้ที่อยู่ข้างเขาก็ััได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังที่มาจากตัวเขาได้อย่างชัดเจน
เยือกเย็น ชวนให้หายใจไม่ออก
นางหดคอแล้วมองไปทางหรงซิว
มือที่ถูกเขาจับอยู่ โดนเขาเอานิ้วเขี่ยเล่นที่ฝ่ามือ
ใแทบตาย
อวิ๋นอี้รู้ว่าเขาไม่มีทางโกรธนาง จึงวางใจลง ก่อนจะหันไปมองสตรีที่อยู่้า
ใบหน้าของซูเมี่ยวเออร์เปลี่ยนเป็ซีดเซียว ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย “ท่านพี่ซิว...เมี่ยวเออร์...เมี่ยวเออร์ไม่ได้ตั้งคำถามกับอดีตพระชายาเพคะ เพียงแต่เป็ห่วงและอยากรู้เพียงเท่านั้น จึงได้มีคำถามมากมาย ท่านพี่ซิว อย่าทรงกริ้วเมี่ยวเออร์ได้หรือไม่เพคะ”
“อดีตพระชายาหรือ?” หรงซิวจับคำ ยิ้มอย่างสง่างาม แต่น้ำเสียงของเขากลับยิ่งเ็าขึ้นไปอีก “ผู้ใดบอกเ้าว่านางเป็อดีตพระชายา ข้าคนนี้มีพระชายาแค่องค์เดียว ก็คือนาง ไม่มีคำว่าอดีต!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นอี้ก็ตกตะลึง
จากการรู้จักมักจี่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทำให้นางรู้ว่าหรงซิวห่วงใยนางยิ่งนัก และบางคราก็มากเกินไป จนทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกแปลกประหลาด แต่ในยามนี้ต้องบอกเลยว่าที่เขาออกหน้าแทนนางเช่นนี้ ได้คะแนนคนรักเต็มไปเลย!
ฝั่งทางซูเมี่ยวเออร์ได้ยินเช่นนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา มันชัดเจนมากบนหน้าบานๆของนาง
องค์ไทเฮาที่อยู่ด้านข้างได้เห็น ก็ทรงโกรธหรงซิวยิ่งนัก "ซิวเออร์! ไม่ว่าเมี่ยวเอ๋อร์จะพูดอย่างไร แต่นางก็เป็ถึงพระชายาที่ยังไม่ได้เข้าเรือนของเ้า เ้าทำกับนางเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!”
"ท่านย่าถ้าซิวเออร์จำไม่ผิด งานอภิเษกของข้ากับเมี่ยวเออร์ยกเลิกไปแล้วนะขอรับ" หรงซิวพูดเตือน
เมื่ออวิ๋นอี้ได้ยินอย่างนั้น เสียงอ๋อก็ผุดขึ้นในใจ
สาวหน้ากลมคนนี้ ก็คือหญิงงามมากความสามารถคนนั้นนั่นเอง
จะเชื่อข่าวลือไม่ได้จริงๆ
หญิงคนนี้จะมีความสามารถหรือไม่ แค่ชั่วยามคงบอกไม่ได้ แต่เื่งามหรือไม่นั้นนางไม่ได้ตาบอด
ไม่งาม
หน้ากลมแบบนี้ เกรงว่าชาตินี้จะตัดสัมพันธ์กับบ้านเมืองชิงไปตั้งนานแล้วสินะ [1]
“ถึงจะถูกยกเลิก เ้าก็ปฏิบัติต่อเมี่ยวเออร์แบบนี้ไม่ได้” เหมือนว่าองค์ไทเฮาจะไร้คำตอกกลับ ทำได้เพียงพูดข่มด้วยเสียง
หรงซิวได้ยินแต่ไม่ตอบโต้
องค์ไทเฮาเหมือนจะไม่พอใจกับท่าทีเช่นนี้ของเขา จากนั้นจึงเพิกเฉยต่อพวกเขาและพูดคุยกับซูเมี่ยวเออร์ตลอดเวลา
ต่อมา หญิงสาวในชุดสวยสดใสกว่าสิบคนก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
มีเพียงอวิ๋นอี้และหรงซิวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่กับที่ไม่พูดอะไร
อวิ๋นอี้ยืนอยู่นานก็ขยับมือที่ถูกเขากุมไว้อยู่ ทว่ากลับถูกหรงซิวกำมือแน่นขึ้นทันที
นางต้องหันหน้ามา ถามเบาๆว่า “ควรทำเยี่ยงไรดีเพคะ?”
“รอ”
ผลของการรอ ก็คือต้องรอทั้งบ่าย
หญิงกลุ่มนั้นเอ่ยว่าคอแห้งไปหมด ท้องหิวแล้ว องค์ไทเฮายังรับสั่งให้พักผ่อน ครึ่งชั่วยามให้หลังจะประรับทานอาหารกันที่โถงด้านข้าง
อวิ๋นอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางผละกายจากหรงซิวอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที
อั้นมาทั้งบ่าย แทบจะราดอยู่แล้ว
หลังจากปลดปล่อยตัวเอง แก้ไขปัญหาทางกายเสร็จแล้วก็ไม่มีสิ่งใดสบายไปกว่านี้แล้ว
อวิ๋นอี้เดินออกมาอย่างสดชื่น แล้วมุมปากของนางก็ต้องคว่ำลง นางเห็นซูเมี่ยวเออร์ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
ราวกับว่าได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว นางหันกลับมา ใบหน้าบานที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกกำลังร้องไห้
“......”
แย่แล้ว
อวิ๋นอี้พึมพำในใจ แต่ภายนอกทำเหมือนไม่มีอะไร
นางเดินผ่านไปโดยไม่หรี่ตามอง ตอนที่เดินผ่านแม่สาวหน้าบาน นางก็ไม่ได้ลดความเร็วลง
แต่อย่างไร มันก็ไม่เป็ผล
ซูเมี่ยวเออร์เรียกนางไว้ "พระชายาเจ็ด!"
อวิ๋นอี้จำเป็ต้องหยุด หันไปมองนาง ยิ้มอย่างสง่างาม “คุณหนูซูนี่เอง เรียกข้าหรือ?”
เมื่อมองนาง ใจของซูเมี่ยวเออร์ก็เอ่อล้นด้วยอารมณ์นับไม่ถ้วน
ทั้งสองคนเป็คู่แข่งกันมาั้แ่เด็ก ไม่ว่าในด้านใด นางถือว่าอวิ๋นอี้เป็ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของนางเสมอ
ภายหลังพวกนางก็ตกหลุมรักหรงซิวเหมือนกัน
อวิ๋นอี้ช่างหน้าหนา ไล่ตามผู้ชายอย่างดื้อรั้นไม่มียางอาย ในฐานะหญิงงามมากความสามารถ ก็ต้องสงวนตัวเป็ธรรมดา ไม่รู้ว่าอวิ๋นอี้ใช้วิธีใด บังคับให้หรงซิวอภิเษกกับนาง ซูเมี่ยวเออร์ริษยาทั้งเกลียดชังนางยิ่ง
นางตายไป ทุกสิ่งที่นางก็จะเป็ของตน!
คิดว่าอวิ๋นอี้จะไปแล้วไปลับ คิดว่านางจะได้มีความสุขแล้ว แต่กลับมาตอนใดไม่กลับ จงใจกลับมาในวันก่อนที่นางจะอภิเษก ทำให้เื่ของนางกลายเป็เื่ตลกทั่วเมืองหลวง เื่แบบนี้นางจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร!
ซูเมี่ยวเออร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา ในขณะที่สายตาของอวิ๋นอี้เต็มไปด้วยความสงสัย
“......”
อวิ๋นอี้พูดด้วยความตื่นตระหนก “คุณหนูซู เ้าเป็อะไรไป เ้า...เ้าเป็เช่นนี้...ข้าทำตัวไม่ถูกนะ"
“พระชายาเจ็ด" ซูเมี่ยวเออร์คุกเข่าลง “ข้าขอร้อง ได้โปรดเมตตาให้ข้ามีทางรอดชีวิตด้วยเพคะ!”
อวิ๋นอี้ใท่าทีคิดจะคุกเข่าก็ทำทันทีของนาง ครู่หนึ่งก็ได้สติกลับมา “เดี๋ยวก่อน คุณหนูอย่าทำเช่นนี้ มีอันใดก็พูดกันดีๆ ข้าจะไม่เว้นทางรอดให้เ้าได้อย่างไร เ้าลุกขึ้นก่อนอย่าได้คุกเข่าเลย”
“ถ้าพระชายาไม่รับปาก ข้าก็จะไม่ลุกขึ้น!” ซูเมี่ยวเออร์พูดอย่างหนักแน่น
“......” ยังขู่ด้วยหรือนี่
อวิ๋นอี้หมดคำพูด "เ้าต้องบอกให้ข้ารู้ก่อนว่าเื่อันใด ข้าจะได้พิจารณาว่าจะรับปากดีหรือไม่ เ้าพูดมาก่อนเถิด"
อยากจะคุกเข่าก็นั่งต่อไปเถอะ อวิ๋นอี้กล่าวอย่างปวดหัว
ซูเมี่ยวเออร์สะอื้น พูดเบาๆ "พระชายาเจ็ด ได้โปรดให้ข้าได้อภิเษกเข้าจวนองค์ชายด้วยเถอะเพคะ! ข้ากับองค์ชายหมั้นกันแล้ว งานอภิเษกก็เป็ความ้าขององค์ไทเฮา ท่านก็รู้ว่าชื่อเสียงของสตรีนั้นสำคัญเพียงใด ตอนนี้คนทั้งสำนักทั้งบนล่างกว่ากี่แสนคน รู้กันทั่วแล้วเื่ที่ข้าโดนยกเลิกงานอภิเษก ต่อไปชื่อเสียงของข้าจะเป็เช่นไร? จะมีใครแต่งงานกับข้าอีก?”
เป็ปัญหาจริงๆ
“พี่หญิงพระชายาเพคะ สงสารข้าเถิด ท่านมิต้องกังวลนะเพคะ หากข้าเข้าจวนแล้ว ข้าจะไม่แย่งชิงความโปรดปรานกับพี่หญิงแน่นอน เมี่ยวเออร์แค่อยากจะรับใช้องค์ชายกับพี่หญิงเท่านั้น ได้โปรดเมตตาให้เมี่ยวเออร์อภิเษกเข้าจวนเถิดนะเพคะ มิเช่นนั้น เพื่อเป็การรักษาชื่อเสียง เมี่ยวเออร์...เมี่ยวเออร์คงทำได้เพียงแขวนคอตายเท่านั้น!” ซูเมี่ยวเออร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น โขกหัวลงกับพื้น
อวิ๋นอี้ฟังจนประทับใจยิ่ง
ไม่ใช่เพราะเห็นใจ แต่นางคิดได้ว่า หากเมี่ยวเออร์อภิเษกเข้าไปในจวน งานบริการยามวิกาลก็ไม่ต้องใช้อวิ๋นอี้คนนี้แล้วน่ะสิ!
ส่วนเื่แย่งชิงความโปรดปราน นางยิ่งอยากให้หรงซิวไปชอบคนอื่น!
อวิ๋นอี้มีแผนอยู่แล้ว ในใจคิดจะช่วยซูเมี่ยวเออร์ “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะพยายามพูดกับองค์ชายเื่นี้เอง เ้ารอฟังข่าวดีเถิด”
ซูเมี่ยวเออร์เชื่อ เคารพนางอย่างมีความสุข “ขอบพระทัยท่านพี่เ้าค่ะ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านทั้งงามทั้งจิตใจดี!"
อวิ๋นอี้โบกมือ แล้วซูเมี่ยวเออร์ก็จากไปอย่างมีความสุข นางมองหาหรงซิวจากทุกที่ เตรียมจะพูดเื่นี้กับเขา
แต่เดินหาหลายรอบแล้วก็ยังไม่พบ จึงทำได้เพียงเดินกลับไปที่โถงด้วยอารมณ์บูดบึ้ง
หรงซิวนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้ว กำลังรอกินอยู่เลย
กิน กิน กิน รู้แต่เื่จะกิน เป็หมูหรือยังไงกัน!
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว ก่อนจะรีบเดินไปนั่งอย่างรวดเร็ว
“อวิ๋นเออร์ เหตุใดเ้าถึงหายไปนานนัก ข้าเป็กังวลว่าเ้าจะตกลงไปด้านล่างแล้ว”
“......” หันหน้าไปทางโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ เื่นี้ขอหยุดไว้ก่อน
อวิ๋นอี้ส่งสัญญาณให้เขาหุบปาก กำลังคิดว่าจะพูดเื่ของซูเมี่ยวเออร์อย่างไรดี แต่ดันเห็นซูเมี่ยวเออร์เข้าจากทางหางตาเสียก่อน นางหน้าผากเขียว เดินกะเผลกเข้ามา
ไม่เพียงแต่อวิ๋นอี้เท่านั้นที่สังเกตเห็น แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็เห็น
องค์ไทเฮาะโดังลั่น ถามด้วยความทุกข์ใจ “เมี่ยวเออร์ของข้า เ้าเป็อันใดไป”
ซูเมี่ยวเออร์ถูกองค์ไทเฮาจับมือไว้ นางไม่ยิ้มเลย แลดูน้อยเนื้อต่ำใจแต่ยังแสร้งทำเป็คนดี “ไม่เป็ไรเพคะองค์ไทเฮา เมื่อครู่ข้าเดินอยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง พบพระชายาเจ็ดเข้า บังเอิญเกิดเื่เล็กน้อย เป็เมี่ยวเออร์เองที่โง่ ล้มลงโดยไม่ได้ระวัง เื่ไม่เกี่ยวกับพระชายานะเพคะ องค์ไทเฮาอย่าได้ทรงกริ้วไปเลย”
สายตาทุกคู่ล้วนหันมามองที่อวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้เข้าใจได้ในทันที นางจ้องไปที่ซูเมี่ยวเออร์ ดียิ่งนัก ที่แท้นางหน้ากลมยังมีสองหน้าอีก!
ต่อหน้านาง ก็แกล้งทำเป็สาวน้อยน่าสงสารมาขอความช่วยเหลือ ต่อหน้าองค์ไทเฮาก็แสร้งเป็สาวน้อยคนดีที่ถูกรังแก
ซูเมี่ยวเออร์หน้าหนายิ่งนัก จะเอาผลประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยหรือ?
ทางนี้นางก็กำลังเดือดจัด ทางนั้นองค์ไทเฮาก็โกรธจนเอ่ยนามตำหนิ "อวิ๋นอี้ข้าไม่คิดเลยว่าเ้าจะร้ายกับเมี่ยวเออร์ได้ถึงเพียงนี้ ดูที่เ้าผลักนางสิ ดูหน้าผากนาง ซิวเออร์ ครานี้เ้าจะปกป้องชายาตัวดีของเ้าอย่างไร!”
อวิ๋นอี้ลุกขึ้นยืนอย่างเรียบร้อย “องค์ไทเฮาเพคะ เื่นี้เป็ไปตามที่คุณหนูซูพูดไม่มีผิดเพคะ นางโง่เอง ล้มลงกับพื้นจึงทำให้เกิดแผลที่หน้าผาก มิใช่ข้า อวิ๋นอี้ ถึงท่านจะไม่เชื่อข้าก็ควรเชื่อว่าคุณหนูซูจะไม่พูดเท็จสิเพคะ!”
หรงซิวฟังจบ มุมปากของเขาก็หยักโค้งขึ้น
เขาเหลือบมองไปที่อวิ๋นอี้ นางสวมหมวกคนพูดเท็จให้ซูเมี่ยวเออร์ได้อย่างไม่ไยดี
ด้วยเหตุนี้ ซูเมี่ยวเออร์จึงต้องยอมรับว่าสิ่งที่นางเพิ่งพูดไปนั้นเป็ความจริง
มิเช่นนั้นก็จะเป็การพูดปดมดเท็จ
ซูเมี่ยวเออร์ไม่คิดเลยว่า แผนร้ายของตัวเอง จะถูกทำลายด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของนาง
ทำให้นางกระอักจนพูดไม่ออก ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ
เยี่ยม!
ซูเมี่ยวเออร์เป็คนทันการณ์ ในสถานการณ์เช่นนี้ นางทำได้แค่ตามน้ำไปได้จริงๆ “จริงเพคะ! เสด็จย่าก็รู้ว่าเมี่ยวเออร์นั้นโง่ ครานี้ข้าบังเอิญล้มเองจริงๆ ข้ากังวลว่าเสด็จย่าจะโกรธโทษพระชายาเจ็ดเพคะ!”
องค์ไทเฮาถูกนางอ้อนจนพระทัยเย็นลง ตบมือของนาง “เอาล่ะ คราหน้าระวังตัวด้วย ถ้าหน้างามๆ นี้ล้มลงไปอีก จะทำเช่นไร?”
บทความสั้น [2] ก่อนอาหารผ่านไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นอี้มีสีหน้าแน่นิ่งไม่มีอารมณ์ใดๆ แต่ในใจของนางกลับลุกเป็ไฟ
นางมองออกว่าซูเมี่ยวเออร์มองนางเป็ศัตรู
นางดันคิดว่านางอยากจะขอความช่วยเหลือจากตนจริงๆ
ความบาดหมางของทั้งสอง ผูกเป็ปมก็คราวนี้ อวิ๋นอี้มีความคิด ต่อไปใครจะเข้าจวนมาเป็ชายาเป็นางสนมก็ย่อมได้ แต่ซูเมี่ยวเออร์นั้นอย่าหวัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็กระทืบเท้าของหรงซิวที่อยู่ใต้โต๊ะ
หรงซิวทนเจ็บ มือใหญ่ๆของเขายังคงโอบเอวของนางต่อไม่หยุดนิ่ง สองคนกระดุกกระดิกไปมา ต่อสู้ขัดขืนกันอยู่ลับๆ เฮฮายิ่งนัก
คนที่นั่งข้างอวิ๋นอี้ บังเอิญเป็ซูเมี่ยวเออร์
นางเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆของทั้งสองคน มือที่จับตะเกียบ บีบแน่นจนข้อนิ้วเปลี่ยนเป็สีขาว
แผนก่อนหน้านี้ไม่ได้ผล นางยังมีอีก
นาง้าให้องค์ไทเฮาและคนทั้งราชสำนักรู้ว่า อวิ๋นอี้ไม่คู่ควรกับหรงซิวเลยสักนิด คนเดียวที่สามารถยืนเคียงข้างเขาได้ ย่อมมีแค่นางคนเดียว!
ซูเมี่ยวเออร์ตัดสินใจแน่วแน่ นางปรนนิบัติองค์ไทเฮาอย่างเชื่อฟังทุกกระบวน แต่สายตาไม่ได้ลืมที่จะสอดส่องอวิ๋นอี้
เมื่อเห็นว่านางกำลังตักน้ำแกง ตอนที่กำลังจะนำเข้าปาก ซูเมี่ยวเออร์ก็เตะเก้าอี้ของนาง
เก้าอี้โยกเยก อวิ๋นอี้ที่นั่งไขว่ห้างอยู่แต่เดิมนั้น ร่างกายพลันเอนเอียง ถ้วยน้ำแกงในมือของนางก็กระเด็นออกไป สาดลงบนร่างของซูเมี่ยวเออร์พอดิบพอดี
หรงซิวช่วยพยุงอวิ๋นอี้ สีหน้าของเขามืดมน อวิ๋นอี้ตะลึงงัน กอดแขนของหรงซิวไว้ พวกเขามองไปที่ซูเมี่ยวเออร์พร้อมกัน ร่างนางเต็มเป็ด้วยคราบแกง แลน่าสมเพช หนังหน้าบานๆ แดงก่ำไปทั่ว นางร้องไห้ออกมาในที่สุด กล่าวได้ว่านางตั้งคำถามทั้งน้ำตา “พระชายาเจ็ด เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้กับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า? ข้าทำอันใดผิดไปหรือเพคะ?”
เชิงอรรถ
[1] บ้านเมืองชิง 倾国倾城 หมายถึง ประเทศที่พังทลายเพราะหญิงงาม ใช้พรรณนาผู้หญิงที่มีความงามเป็เลิศ
[2] บทความสั้น 小插曲 หมายถึง เื่ที่แทรกเข้ามากลางคัน