ย้อนเวลากลับมาเป็แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%
Chapter 2
/
โครม!
ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มทรุดลงกับพื้นถนนด้วยความใ ก่อนจะเริ่มมองสำรวจร่างกายของตัวเองและเมื่อพบว่าไม่ได้รับาเ็อะไรมากมายนอกเสียจากข้อศอกที่ถลอกเล็กน้อยจากการล้มกระแทกอย่างรุนแรงเมื่อครู่นี้
“มึงเดินข้ามถนนประสาอะไรวะ! ไม่แหกตาดูหรือไงว่ารถกำลังวิ่งอยู่น่ะ” ชายร่างท้วมสวมแว่นดำราวกับพวกเก็บเงินกู้เดินลงจากรถเก๋งสภาพกลางเก่ากลางใหม่ด้วยท่าทีหัวเสีย เพราะต้องเหยียบเบรคกะทันหันเลยทำให้รถที่ขับตามมาพุ่งชนท้ายอย่างแรงจนส่งเสียงดังโครม
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้มอง” แซคเอ่ยขอโทษแต่สายตากลับโฟกัสไปยังมินิมาร์ทฝั่งตรงข้ามซึ่งนั่นทำให้คู่กรณีไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง อีกฝ่ายจึงเดินเข้ามากระชากคอเสื้อของเขาให้ยืนขึ้นด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“นี่มึงจงใจกวนตีนกูใช่ไหม”
“ปล่อย” น้ำเสียงเรียบนิ่งชวนขนลุกถูกหยิบขึ้นมาใช้ในสถานการณ์ดังกล่าว แต่
แซคกลับลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ต่างเกรงกลัว
ตอนนี้เขาเป็เพียงแซค หรือไอ้เหี้ยแซคที่เพื่อนเรียกขานไม่ใช่คุณชยพัทธ์ที่มีใบหน้าอยู่บนปกนิตยาสารแทบทุกฉบับอีกแล้ว...
“กูไม่ปล่อย มึงจะทำไมกู?”
“...”
“นี่ น้องชายกูจะบอกอะไรให้นะ จ่ายมาห้าหมื่นแล้วทุกอย่างจะจบ”
“ผมจะจ่ายให้ แต่ต้องเรียกตำรวจไม่ก็ประกันมาคุย” เื่เงินเป็เื่เล็กมากสำหรับแซค แต่คนเดี๋ยวนี้แม่งเม็ดเยอะถ้าจ่ายแบบขอไปทีในอนาคตเขาเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาเอาได้
“นี่มึงจะเบี้ยวกูใช่ไหมฮะ”
“ผมบอกตอนไหนว่าจะเบี้ยว?”
“...”
“ถ้าหูเพี้ยนไปเองก็อย่าหาเื่” พยายามอย่างหนักในการเป็แฟนหนุ่มที่ใจเย็นแต่ดูเหมือนว่าหมาในปากจะชนะทุกสิ่งเพราะตอนนี้ร่างท้วมของคนตรงหน้าเริ่มควันออกหูก่อนจะใช้สองมือผลักเข้าที่อกอย่างแรงจนเขาเซไปด้านหลังอยู่หลายก้าว...
ผลัวะ!
กำปั้นหนัก ๆ หวดเข้าที่ใบหน้าหล่ออย่างเต็มแรงจนแซคได้กลิ่นคาวเืที่คละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก เขาเงยหน้ามองไอ้เวรนั่นด้วยความโมโห มันต้องโดนสักทีสินะ ถึงจะได้จำว่าวันหลังอย่าไปต่อยปากใครมั่วซั่ว
เหอะ ชีวิตนี้กูยอมแค่เมียเท่านั้นแหละ ส่วนมึงเดี๋ยวเจอกัน
“แก่จนจะลงโลงอยู่แล้วยังไม่เลิกทำตัวควยถอกอีกเหรอ”
“ไอ้สัด มึงอยากโดนอีกหมัดใช่ไหม”
“มาดิ ใกล้ ๆ นี่มีสนามมวย ถ้าอยากตัวต่อตัวกับกูก็ตามมา” หากเป็เมื่อก่อนเขาคงกระทืบมันตรงนี้ให้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อแต่ด้วยความที่มาจากอนาคตเลยรู้ว่าภาพลักษณ์เป็สิ่งสำคัญฉะนั้นจะปล่อยให้มันเป็ Digital footprint ไม่ได้เด็ดขา—
“แซค!”
น้ำเสียงหวานล้ำที่มีจังหวะหอบหายใจปะปนอยู่ เอ่ยชื่อกันดังลั่นจนชายหนุ่มที่ยืนเผชิญหน้ากับคู่กรณีอยู่หันไปมองด้วยความใ...จานินยังคงสวมเสื้อยืดสีขาวดั่งเดิมแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับหยิบคาดิแกนสีครีมขนาดพอดีตัวมาคลุมทับเอาไว้
ขอนอกเื่แป๊บนึงนะ—ไอ้แซค ไอ้ระยำสัดหมา มีวาสนาได้เมียงามเบอร์นี้มึงก็ยังจะทำตัวหำเคียวเนาะ
“เธอมาได้ไง”
“เมื่อกี้นิติโทรมาบอกว่าเธอโดนรถชน าเ็ตรงไหนหรือเปล่า หมุนตัวให้เราดูหน่อย” ร่างบางมองสำรวจร่างกายของเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสังเกตเห็นว่าตรงโหนกแก้มของคนรักขึ้นสีเขียวช้ำอย่างน่ากลัว
“แซค หน้าไปโดนอะไรมา”
“เค้าโดนไอ้เหี้ยนี่ต่อยครับเธอ” แซคโวยวายออกมาอย่างไม่อายใคร อีกทั้งยังชี้นิ้วไปยังร่างท้วมที่ขมวดคิ้วมุ่นเพราะเห็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปภายในเสี้ยววินาที...
เค้ากับหน้ามึงสิ เมื่อกี้ยังท้ากูตัวต่อตัวอยู่เลย
“กระจอก แค่นี้ฟ้องเมีย”
“แล้วมึงมีให้ฟ้องเหมือนกูไหม?” แซคร้องเหอะในลำคอเมื่อคู่กรณีหุบปากฉับเพราะเถียงไม่ได้ หากจานินมาช้ากว่านี้เขากับไอ้หมอนี่ได้วางมวยกันสักยกเป็แน่
“เอ่อ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เสียงนุ่มนวลของร่างบอบบางดังขึ้นแทรกกลางบทสนทนาของคนทั้งสอง ชายคู่กรณีเมื่อเห็นว่ามีโอเมก้าสวย ๆ เข้ามาเจรจาอารมณ์คุกรุ่นก็เริ่มเย็นลงราวกับถูกน้ำสาดก็มิปาน
“อะแฮ่ม!...ก็ไอ้หมอนี่มันข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือ พี่เลยต้องเบรกกะทันหันแถมรถคันหลังยังมาชนท้ายอีก” จานินฟังที่อีกฝ่ายเล่าก่อนจะเดินไปดูรถของคู่กรณี ซึ่งด้านหลังบุบลงเพียงเล็กน้อยไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย ส่วนรถอีกคันที่เป็ฝ่ายชน น้องนักศึกษา (ดูจากชุดที่สวมใส่) ยังนั่งตัวสั่นระริกไม่ยอมลงจากรถอยู่ท่าเดียว
“แล้วโทรเรียกประกันหรือยังครับ”
“จะเรียกทำไมให้เสียเวลา แค่จ่ายก็จบแล้วไหม”
“ข้ามขั้นตอนไปไหมครับ อีกอย่างคู่กรณีของคุณก็ไม่ได้มีแค่ฝ่ายเดียว...”
“...”
“หากให้พูดกันตามตรง คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกเงินจากพวกผมด้วยซ้ำ นู้นคู่กรณีของคุณคือคนที่นั่งอยู่ในรถแต่เพราะสาเหตุมันมาจากแฟนผม ผมเลยอยากรับผิดชอบค่าใช่จ่ายในบางส่วน” จานินอธิบายอย่างใจเย็นให้ชายตรงหน้าได้รับฟัง แต่เหมือนไปกระตุกต่อมอะไรของอีกฝ่ายสักอย่างอาการหัวร้อนที่เพิ่งมอดดับไปก็เริ่มมีประกายขึ้นอีกครั้ง
“กูเหลือจะเชื่อกับพวกมึงสองผัวเมียจริง ๆ ถ้าไม่จ่ายก็บอกไม่จ่ายสิวะจะดึงเกมทำห่าอะไร”
“ผมไม่เคยพูดนะครับว่าจะไม่จ่าย แค่อยากทำให้มันถูกขั้นถูกตอนก็เท่านั้น”
“ถูกขั้นถูกตอนเหี้ยอะไรล่ะ ผัวมึงน่ะผิดเต็ม ๆ —”
พลั่ก!
“มึงเก่ง มึงเจ๋งมาจากไหนถึงได้กล้าขึ้นเสียงใส่เมียกู?” ท่าทีที่พร้อมกระโจนเข้าหาจานินอยู่ตลอดเวลาบวกกับคำพูดหมา ๆ ทำให้แซคอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายเท้ายันหน้าอกของมันอย่างแรงจนร่างกระเด็นล้มลงนอนกับพื้นถนนข้าง ๆ รถขี้ฮ้างของมันนั่นแหละ
สายตาคุกคาม ปลายลิ้นที่เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองแทบจะตลอดเวลาล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในสายตาของแซค—ไอ้เวร แม่ง น่าต่อยให้ตาหลุด
“แซคใจเย็น อย่ามีเื่”
“เดินมาหลบตรงนี้ ส่วนไอ้เวรนี่เดี๋ยวแซคเคลียร์เอง” เขาเอ่ยพร้อมกับใช้แขนดันร่างของคนรักให้มาอยู่ด้านหลังเพราะเกรงว่าหากมีเื่กันขึ้นมาจริง ๆ จานินอาจจะโดนลูกหลงไปด้วย
“เท่าที่จำได้ กูเดินบนทางม้าลายอีกอย่างเสาไฟตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ ถ้าไม่เชื่อเอาลงมาเปิดดูได้ แต่กูบอกไว้ก่อนนะว่ามึงจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยไม่ใช่แค่ทำผิดกฎจราจรเพียงอย่างเดียว...”
“ทำร้ายร่างกายเหี้ยอะไร เมื่อกี้มึงก็ถีบกู”
“อันนั้นเรียกป้องกันตัว ถ้าไม่เชื่อ...ที่รัก โทรแจ้งตำรวจทีครับ—”
“เออ ๆ กูผิดเองนั่นแหละ ค่าทำขวัญห่าอะไรกูไม่อยากได้แล้ว ขอแค่ค่าซ่อมรถก็พอ”
“มึงก็ยังจะหน้าด้านขออีกเนาะ” แซคกรอกตามองบนพร้อมกับส๋ายหน้าน้อย ๆ อย่างจนใจ คราแรกก็จะจ่ายเต็มจำนวนที่อีกฝ่ายเรียกมานั่นแหละแต่แม่งกวนส้นตีนไง ทำร้ายร่างกายเขาไม่พอ ยังสร้างมลภาวะทางเสียงใส่จานินด้วยการพูดดังเกินแปดสิบเดซิเบลอีก
ทำร้ายร่างกายยังพอหยวนได้
แต่เสียงดังจนเมียกูใอันนี้ยอมไม่ได้จริง ๆ ว่ะ
“เอาเมียมึงมาคุย กูไม่อยากคุยกับมึง”
“ฝันเอา” แซคยังคงยืนบดบังร่างของคนรักไม่ได้ขยับออกห่างหรือเบี่ยงหลบแต่อย่างใด เขาตั้งใจจะยืนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะจัดการปัญหาได้แต่ดูเหมือนว่าจานินจะไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะอีกฝ่ายดึงชายเสื้อของเขาเบา ๆ เป็เชิงบอกให้หลบไป
“เดี๋ยวคุยเอง”
“ไม่เอา—”
“แซค” น้ำเสียงแ่เบากับสายตาออดอ้อนที่ช้อนมองกันมีหรือคนที่รักเมียที่สุดในโลกอย่างไอ้หมาแซคจะไม่ยอม
“ผมจะจ่ายค่าซ่อมรถให้คุณสองหมื่น โอเคไหมครับ”
“สองหมื่นจะเอาไปทำส้นตีนอะไรได้!”
“แล้วคุณจะเอาเท่าไร”
“ห้าหมื่นขาดตัว”
“แซค โทรเรียกตำรวจเลย”
“เออ ๆ สองหมื่นก็สองหมื่นวะ! เงินสดนะเว้ย ไม่รับโอน ไม่เอาเช็ค”
“เธอจ่ายให้ก่อนได้ปะ เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วแซคโอนคืน”
“เดี๋ยวไปกดมาให้” จานินไม่รอให้อีกฝ่ายพูดพร่ำทำเพลงเขารีบข้ามถนนไปยังหน้าร้านมินิมาร์ทซึ่งมีตู้เอทีเอ็มหลากหลายธนาคารติดตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน...
แซคเลิกให้ความสนใจกับร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ของตัวเองมาดูคู่กรณีอีกคนที่ไม่ยอมลงจากรถมาพูดคุยกัน—ดูท่าแล้วอีกฝ่ายน่าจะยังไม่ขับไม่เก่งหรือไม่ ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยร้อนลนทำอะไรไม่ถูก
ก๊อก ๆ
มือหนาเคาะกระจกรถเรียกสติคนด้านใน ไม่ลืมที่จะปรับสีหน้าของตัวเองให้ยิ้มแย้มเพราะเกรงว่าอีกคนจะหวาดกลัวแล้วเตลิดเสียยิ่งกว่าเก่า
“โอเคไหมครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มที่คาดว่า น่าจะมีเพศเป็เบต้าลดกระจกลงมาด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อกี้อยู่มากโข
“อ...โอเคครับ”
“น้องหน้าซีดมากเลย ลงจากรถก่อนไหมครับ?”
“ครับ” มือหนาเปิดประตูให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทุกการกระทำของตัวเองล้วนตกอยู่ในสายตาของคนรักทั้งสิ้น
แพรวพราวนักนะพ่อคุณ
“เธอเป็อะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้างั้นอะ”
“เปล่า” จานินตอบปฏิเสธแต่คิ้วยังคงขมวดมุ่นอยู่ดั่งเดิม นี่ยังไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ สันดานเก่าก็โผล่ออกมาเสียแล้ว ดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้คาดหวังกับอีกฝ่ายั้แ่แรกเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าให้ตายยังไงแซคก็ไม่มีวันเปลี่ยน
“นี่เงิน”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวแซคคืนให้นะ” ไม่ว่าเปล่าร่างสูงยังยกมือไหว้เมียรักอย่างนอบน้อมจนจานินใยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน—ชายหนุ่มหลุดยิ้มกับท่าทางเลิ่กลั่กนั่น ก่อนจะยื่นเงินให้คู่กรณีร่างใหญ่และไม่ลืมที่จะบังคับให้มันหันหน้าไปทางกล้องวงจรปิดเพื่อสร้างพยานหลักฐานป้องกันการถูกเหลี่ยมใส่ในอนาคต
“พอใจแล้วนะ คราวหลังขับรถก็หัดแหกตาดูคนด้วย”
“บอกตัวเองเถอะไอ้เหี้ย ข้ามถนนหัดดูรถบ้างเดี๋ยวสักวันเมียมึงจะเป็ม่ายเอา” มันชูนิ้วกลางเป็การตัดจบ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วเหยียบคันเร่งอย่างสุดแรงเป็เชิงประชดประชัน
โอเค แล้วกูจะจำทะเบียนรถมึงไว้
เมื่อเคลียร์กับคู่กรณีคนแรกเสร็จสิ้น แซคก็หันมามองคู่กรณีอีกคนซึ่งเป็ฝ่ายชนท้าย...น้องมันช้อนตามองเขาสลับกับหลุบตามองพื้นด้วยท่าทีเหนียมอาย ซึ่งมองจากดาวอังคารก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“าเ็ตรงไหนหรือเปล่าครับ” แซคเริ่มไถ่ถามโดยที่มือก็เอื้อมมากำแขนเสื้อของจานินเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“เจ็บหัวไหล่นิดหน่อยครับ ไม่ได้เป็อะไรมาก”
“ไปให้หมอตรวจหน่อยก็ดีนะ เผื่อช้ำใน...เอ้อ ส่วนค่าซ่อมรถเดี๋ยวพี่ช่วยออกครึ่งหนึ่ง ไปให้ช่างตีราคาแล้วส่งใบเสร็จมาเดี๋ยวพี่โอนให้” ความจริงแซคไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบด้วยซ้ำแต่เพราะเห็นว่าเด็กมันยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่ และน่าจะยังไม่มีงานทำเพราะฉะนั้นให้ไอ้แก่อย่างเขาช่วยรับผิดชอบน่ะดีแล้ว
“แบบนั้นก็ได้ครับ แต่ว่าผมยังไม่มีคอนแท็กพี่เลย”
น่านนนน กูว่าแล้ว
“อา พี่จำเบอร์ตัวเองไม่ได้แหะ”
“ไลน์ก็ได้นะครับ สะดวกดี”
“งั้นเอามือถือน้องมา เดี๋ยวแอดไลน์แฟนพี่ไปแทนก็แล้วกัน” อีกฝ่ายยิ้มแห้งก่อนจะยื่นมือถือให้เขาและแซคก็ถือวิสาสะคว้ามือถือของจานินมาปลดล็อกแล้วกดแสกนคิวอาร์โค้ดเพื่อแอดเฟรนด์บุคคลตรงหน้า
“ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับที่ช่วยจ่ายค่าซ่อม” แซคไม่ตอบอะไรเขาทำเพียงยิ้มรับบาง ๆ ก่อนจะหันไปสนใจคนข้างกายที่มองกันอยู่ก่อนหน้านี้ด้วยสายตาอึ้ง ๆ
อึ้งในความหล่อของผัวตัวเองชัวร์
“มองไรคะ”
“เมื่อกี้เธอล้มหัวกระแทกเหรอ หรือเพราะเห็นว่าเรายืนอยู่ตรงนี้เลยรู้สึกเกรงใจ?” หากเป็คนอื่นคงคิดว่าอีกฝ่ายพูดประชด แต่กับแซคแล้วเขารู้ดีว่าจานินหมายความเช่นนั้นจริง ๆ
“ว่าไปนั่น แซคทำตัวดีขึ้นเธอไม่ชอบเหรอ”
“...” จานินเบือนหน้าหนี ตีเนียนไม่ยอมตอบคำถาม
“ขึ้นห้องกันครับ ยืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ เดี๋ยวก็เกิดเื่อีก” ร่างสูงพูดติดตลก ก่อนจะกุมมือคนรักเอาไว้แล้วออกแรงดึงรั้งให้อีกฝ่ายไปด้วยกัน แต่ทว่าจานินดันขืนตัวเองไว้อีกทั้งยังหลุบตามองพื้นไม่ยอมสบสายตากันอีก
“เป็อะไรครับ”
“ทำไมไม่สวมรองเท้า” แซคที่ทั้งวิ่งลงจากบันได ไหนจะยืนเถียงกับคู่กรณีเกือบครึ่งชั่วโมงไม่เห็นจะรู้สึกเจ็บฝ่าเท้าแต่อย่างใด ทว่าพอจานินทักขึ้นมาเท่านั้นแหละอาการแสบสะท้านก็ผุดขึ้นมาจนเขาเผลอร้องโอ๊ยเสียงหลง
“แซครีบอะเธอ เลยลืมใส่”
“แล้วมันจะรีบอะไรขนาดนั้น พอส้นเท้าแตกเดี๋ยวก็มาบ่นอีก” ประโยคแรกพูดกับเขาเสียงดังฟังชัดส่วนประโยคถัดมาอีกฝ่ายเอ่ยงึมงำในลำคอแต่ทว่าแซคก็พอจะจับใจความได้ว่าคนรักหมายถึงเขา
ขอโทษได้ไหมล่ะ ที่ห่วงหล่อยันฝ่าเท้าอะ :- (
“ก็แซคในี่ ตื่นมาแล้วดันไม่เจอเธออยู่ในห้อง ไอ้เราก็อุตส่าห์นอนเฝ้าหน้าประตูดีแล้วแท้ ๆ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เพื่อข่มความหวาดกลัวที่ยังคงกระจัดกระจายอยู่ในจิตใจของตัวเอง
แซคกลัวจานินหายไป
เขากลัวเสียยิ่งกว่าทุกอย่างบนใบโลกนี้อีก
“เวอร์ แค่ลงมาซื้อของเองไหม”
“...”
“เราต่างหากที่ควรใ กลับห้องมาไม่เจอใครแถมนิติยังโทรมาบอกว่าเธอถูกรถชนอีก” พอนึกถึงเื่นี้ทีไรจานินก็ขอบตาร้อนผ่าว ยิ่งเห็นสภาพคนรักที่เนื้อตัวฟกช้ำเขาก็พาลหงุดหงิดจนอยากอาละวาดใส่อีกฝ่ายว่าทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี
“โอ๋ แซคขอโทษ ขวัญมานะครับ” มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของจานิน ก่อนจะโยกเบา ๆ เป็เชิงปลอบประโลม–ร่างบางหน้ามุ่ยเพราะไม่ชอบให้เล่นหัวแต่ทว่าอีกฝ่ายก็ทำตัวเหมือนแมวด้วยการยืนอยู่นิ่ง ๆ ถึงแม้สายตาอยากจะกระโจนมาข่วนหน้าเต็มทีก็เถอะ
เราทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในลิฟท์ โดยที่ก่อนหน้านี้จานินเป็ฝ่ายเดินข้ามถนนไปซื้อรองเท้ามาให้แซคสวมใส่เพราะสังเกตเห็นว่าส้นเท้าเริ่มแตก เขาน่ะอยากจะกราบเมียวันละหลาย ๆ รอบ มีปัญหาเมียก็เคลียร์ให้ ขอยืมเงินเมียก็ยื่นให้ ไหนเมื่อครู่จะเดินฝ่าแดดร้อน ๆ ไปซื้อรองเท้ามาให้ใส่อีก
เฮ้อ รักจานินว่ะ
เมื่อมาถึงห้องสิ่งแรกที่แซคทำคือการหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดฝ่าเท้า ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดอีกหนึ่งรอบเพื่อสุขอนามัยที่ดี—เขาโกหก ความจริงแค่กลัวจะถูกจานินบ่นเพราะหน้าที่ถูพื้นน่ะมันเป็ของอีกฝ่าย ไม่ได้จะว่านะ ที่ตัวเองลืมเทเศษอาหารลงถุงดำแซคยังไม่เคยบ่นสักคำเลย โถ่
“ผอมลงหรือเปล่าเนี่ย” ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นข้าง ๆ โซฟาก่อนจะวางปลายคางลงบนต้นขาขาวเนียนเป็เชิงออดอ้อน
“ไม่รู้” แม่ตัวดีตอบโดยที่สายตายังไม่ยอมละจากหน้าจอทีวี...เขาเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายด้วยการประคองฝ่าเท้ามาวางเอาไว้บนตักก่อนจะใช้สองแขนโอบกอดเรียวขา แล้วจึงเริ่มแตะริมฝีปากหนาลงบนหัวเข่าที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อ จากนั้นก็ไต่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง...
หมับ
ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นตามแรงกระชากของเส้นผม แซครู้สึกแสบบริเวณหนังหัวเป็อย่างมาก แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าการที่ถูกจานินกระทำใส่เช่นนี้มันเร้าใจเป็บ้า
เขาจำรสชาติเซ็กส์ระหว่างเราได้ดีเพราะมันทั้งจืดชืด ไร้ความตื่นเต้นไม่เหมือน่ที่คบกันแรก ๆ และนี่เป็อีกหนึ่งเหตุผลที่แซคต้องไขว้คว้าหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนในส่วนที่ตัวเองขาด
ครั้งแรกที่ถูกจานินจับได้ว่าเขานอกกายไปนอนกับคนอื่น แซคบึ่งรถไปหาเพื่อนสนิทที่คิดว่าพึ่งพาได้ที่สุดอย่างไอ้ฟากก่อนจะเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มระหองระแหงไปจนถึงเื่บนเตียงที่นับวันเริ่มน่าเบื่อหน่าย...
จานินไม่เด็ด
เอาไม่มันส์เหมือนเมื่อก่อน
แซคบอกกล่าวกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ สลับกับยกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะกลับมาหัวเสียอีกครั้งเมื่อฟากหรือไอ้สัดฟากตอบกลับขึ้นมาหน้าตาเฉยว่า ‘มึงเย็ดไม่เก่งเองหรือเปล่า’ พร้อมกับปิดท้ายด้วยการฉอดเื่ศีลธรรม จนเขาทนไม่ไหวหนีไปเปิดโรงแรมนอนเพราะรำคาญนิสัยลูกอีช่างสอนของมัน...
“อย่ามารุ่มร่าม” ชายหนุ่มได้สติกลับมาอีกครั้งก็ตอนที่ถูกคนรักดุ ถามว่าหยุดก็ไม่...หมายถึงไม่เหลือ โดนหยุมหัวขนาดนี้ถ้าดันทุรังทำต่อได้ก็เก่งเกินคนแล้ว
“รุ่มร่ามอะไร แค่จุ๊บนิดเดียวเอง”
“ถามจริงนะแซค ไปทำใครท้องมาหรือเปล่า”
“โหเธอ ช่วยมองแซคในแง่ดีหน่อยเถอะ”
“...” แล้วมันมีดีให้มองบ้างไหม จานินคิดในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปนอกเสียจากคลายมือที่กำเส้นผมของอีกฝ่ายแล้วเปลี่ยนเป็ดันให้ออกห่างจากต้นขาแทน
“เย็นนี้เธออยากกินอะไร” แซคเลิกวอแวแต่ทว่าสองแขนยังคงกอดขาของเขาเอาไว้แน่น และครั้งนี้จานินก็เลือกที่จะปล่อยเบลอเพราะบ่นไปยังไงอีกฝ่ายก็มึนใส่อยู่ดี
“อยากกินไข่เจียวกับยำวุ้นเส้น เธอทำนะ สั่งที่ร้านไม่อร่อย”
“ไข่เจียวใส่เนื้อปูด้วยไหม เธอชอบนี่” คนที่นั่งอยู่บนพื้นข้างโซฟาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น—่แรกที่เลิกกับจานินเขาไม่สามารถกะปริมาณอาหารสำหรับทานคนเดียวได้ แซคทำเหลือบ้าง ไม่พอกินบ้างจน่หลัง ๆ เขาหลีกเลี่ยงการเข้าครัวหากไม่จำเป็จริง ๆ
“เนื้อปูยังเหลืออยู่เหรอ นึกว่าคราวก่อนเธอเอามาใส่ข้าวผัดหมดแล้ว”
“ยังมีอยู่ในช่องฟรีซประมาณครึ่งถุงครับ เมื่อเช้าแซคเปิดเจออยู่”
“งั้นใส่ เอาหมดถุงเลยนะเดี๋ยวหมดอายุก่อน”
“ครับผม” ริมฝีปากหนากดจูบลงบนหัวเข่าคนรักเป็ครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออกไป เพื่อเตรียมทำมื้อเย็น...ได้เจียวไข่ให้เธออีกครั้ง แม่งเหมือนฝันจริง ๆ นะ
“เออนี่ จานิน” ปลายเท้าหยุดชะงักเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับแล้วโผล่แค่เพียงใบหน้าหล่อ ๆ ออกจากห้องครัว แล้วจึงะโเรียกชื่อคนรักที่ตั้งอกตั้งใจดูรายการโปรดบนหน้าจอทีวี
“หือ ว่าไง”
“แซคโอนเงินที่ยืมให้แล้วนะ เธอเช็คหน่อยครับว่าเข้าหรือยัง”
ร่างบางไม่ตอบแต่หยิบมือถือที่วางทิ้งอยู่ข้างกายขึ้นมาดู ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ถูกโอนเข้ามาในบัญชีตัวเอง
“ทำไมโอนมาตั้งสองแสน” จะว่ากรอกตัวเลขผิดก็ไม่น่าใช่เพราะดูยังไงนี่มันก็จงใจชัด ๆ
“ก็สองหมื่นที่แซคยืมเธอไง”
“อันนั้นรู้ แต่แสนนึงเนี่ยค่าอะไร
“อ๋ออออ”
“...”
“อันนั้น ข้ารักเอ็ง”
“...”
“...”
“มึงเต็มไหมแซค?”
นี่ไง นอกจากไม่เขินแล้วยังว่าร้ายผัวตัวเองอีก
เฮ้อ นอยด์ว่ะ :- (
Tbc
คอมเมนท์, #แซคจานิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้