หลี่ฝูคังกระซิบข้างหูหลี่หรูอี้ “พวกเราเพิ่งสร้างห้องใหม่อีกสามห้องที่ลานด้านหลัง ทุกห้องล้วนมีขนาดใหญ่พอที่จะเลี้ยงลาได้ห้องละสองตัว”
หลี่อิงฮว๋าดึงหลี่หรูอี้เข้ามาด้วยดวงตาเป็ประกายพลางกระซิบเสียงเบาว่า “น้องห้า ลาสองตัวนี้เป็ตัวผู้และตัวเมีย สามารถให้ลูกลาได้ทุกปี พวกเราก็เอาลูกลาไปขายได้อีก”
หลี่หรูอี้จึงพูดขึ้นว่า “ท่านอาเ้าคะ ท่านมีอานและเกวียนลาเก่าๆ หรือไม่”
เอ้อร์หนิวจื่อใจร้อนอยากจะได้เงินเร็วๆ จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ไม่มีอาน แต่มีเกวียน หากซื้อลาบ้านข้าคู่หนึ่ง ข้าจะมอบเกวียนลาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
ชายขายผักผู้เป็สหายร่วมหมู่บ้านของเอ้อร์หนิวจื่อที่ตั้งร้านอยู่ข้างๆ ไม่เห็นด้วยนัก จึงรีบกล่าวเสียงดัง “เอ้อร์หนิวจื่อ เกวียนลาของบ้านเ้ายังมีสภาพใหม่ คิดราคาได้ถึงสามร้อยทองแดงเชียว!”
หลี่หรูอี้แอบยินดีอยู่ในใจ รีบเอ่ยต่อว่า “ท่านอาเ้าคะ ท่านอยู่หมู่บ้านใดหรือ”
“หมู่บ้านตระกูลฟาง”
หลี่อิงฮว๋ารีบกล่าวขึ้นโดยพลัน “น้องห้า หมู่บ้านตระกูลฟางไม่ไกลจากที่นี่ ห่างกันราวห้าลี้ ไม่ต้องเดินทางข้ามูเาด้วย”
หลี่หรูอี้กระซิบตอบ “เช่นนั้นพวกเราตามไปที่หมู่บ้านตระกูลฟางเถิด ทดสอบฝีเท้าของลาสองตัวนี้เสียหน่อย และถือโอกาสทำความรู้จักบ้านนั้นด้วย”
หลี่ฝูคังเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น “น้องห้า เ้าจะซื้อลาสองตัวจริงหรือ”
หลี่หรูอี้แย้มยิ้ม “จริงเ้าค่ะ”
การค้าที่จะทำในฤดูหนาวนั้นนอกจากจะต้องมีลาแล้ว ยัง้าอุปกรณ์อย่างอื่นอีกด้วย เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าลาสองตัวนี้ก็คงไม่พอใช้งาน
ในที่สุดเอ้อร์หนิวจื่อก็รู้แล้วว่า สี่พี่น้องมีความคิดที่จะทำการค้า ทว่าดูจากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่กลับไม่เหมือนคนมีเงิน อีกอย่างมีตระกูลใดบ้างที่คิดจะซื้อสัตว์ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ในบ้านไม่มา กลับมีเพียงแค่เด็กน้อยสี่คนเล่า?
ในฐานะที่หลี่ฝูคังเป็เด็กที่มีอายุมากที่สุดในสี่พี่น้อง จึงพูดกับเอ้อร์หนิวจื่อด้วยเสียงดังฉะฉาน “ท่านอาขอรับ พวกเราจะซื้อลาของท่านคู่หนึ่ง ท่านก็พาพวกเราไปรับเกวียนลาที่บ้านท่านเถิด”
เอ้อร์หนิวจื่อเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “พวกเ้ามีเงินหรือ”
หลี่หรูอี้ชิงเดินไปข้างหน้าหลี่ฝูคังก่อนที่จะตอบว่า “พวกเราอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ ไม่ไกลจากที่นี่ ประเดี๋ยวไปดูเกวียนลาที่บ้านท่านก่อนแล้วค่อยเรียกผู้ใหญ่ไปจ่ายเงินซื้อลาที่บ้านท่านเ้าค่ะ”
ด้วยเหตุนี้เอ้อร์หนิวจื่อจึงเร่งคุมลาสองตัว และพาสี่พี่น้องไปยังหมู่บ้านตระกูลฟาง ท่ามกลางสายตาที่ค่อนข้างสับสนของคนในหมู่บ้าน
ตลาดตั้งอยู่บริเวณที่ราบตรงสามแยกแห่งหนึ่ง หากเดินไปทางใต้จะเป็เส้นทางไปสู่อำเภอฉางผิงและเมืองเยี่ยน ทางเหนือคือหมู่บ้านหลี่และตำบลจินจี หากไปทางทิศตะวันตกจะเป็หมู่บ้านตระกูลฟาง
ถนนเส้นนี้เป็ถนนหลวง สองข้างทางมีต้นไหว ต้นหลิว และต้นท้อป่า พื้นหญ้าใต้ต้นไม้ประดับประดาไปด้วยดอกเก๊กฮวยสีเหลืองและสีขาว
ระหว่างทางหลี่หรูอี้พบว่า เมื่อคนในหมู่บ้านตระกูลฟางเห็นเอ้อร์หนิวจื่อ ไม่ว่าจะเป็บุรุษหรือสตรี เด็กน้อยหรือคนชราก็ล้วนเข้ามาทักทายเขาทั้งสิ้น ดูแล้วครอบครัวของเขาคงจะเป็ที่รู้จักมากทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถามเกี่ยวกับภรรยาและบุตรธิดาของเขาด้วย
เอ้อร์หนิวจื่อขมวดคิ้วกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ภรรยาของข้าแทบเอาชีวิตไม่รอด ตอนคลอดไม่มีน้ำนม ลูกชายคนเล็กได้ดื่มแต่น้ำแกงแต่ก็กินไม่อิ่ม เอาแต่ร้องไห้ตลอดคืนทั้งยังอึไม่ออกอีกด้วย”
หลี่หรูอี้บอกไปว่า “หากให้นางกินขาหมูอบถั่วเหลือง จะทำให้มีน้ำนมได้เ้าค่ะ ขาหมูไม่แพง ส่วนถั่วเหลืองก็มีปลูกกันทุกบ้าน”
เอ้อร์หนิวจื่อตอบว่า “เช่นนั้นหรือ นี่คือใบสั่งยาตามตำรับของบ้านเ้าหรือ”
หลี่หรูอี้อธิบาย “ท่านปู่ของข้าเป็ซิ่วไฉ ตอนท่านแม่ข้าอยู่บ้านเดิมเคยอ่านเทียบยาจากหนังสือมาไม่น้อยเลยเ้าค่ะ”
ในที่สุดเอ้อร์หนิวจื่อก็เผยรอยยิ้มออกมา “หากวันนี้ข้าขายลาได้จะไปซื้อ”
หลี่หรูอี้กล่าวต่อ “บุตรชายคนเล็กของบ้านท่านเกิดได้กี่วันแล้วเ้าคะ”
“เจ็ดวัน”
“ถ่ายขี้เทาแล้วหรือไม่”
“ขี้เทาคืออะไร”
“ขี้เทาคือ อุจจาระสีเขียวแกมดำ ที่ทารกถ่ายออกมาครั้งแรกหลังคลอด เป็อุจจาระที่ติดตัวออกมาจากครรภ์มารดา”
เอ้อร์หนิวจื่อมีแววตาสับสน “ข้าไม่รู้ ตอนนั้นภรรยาของข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด ครอบครัวเราสับสนอลหม่านมาก บุตรชายคนเล็กก็ให้น้องสาวดูแล ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปถามนางดู”
หลี่หรูอี้รู้สึกเป็ห่วงทารกผู้นี้อยู่บ้าง ทว่าหากพูดอะไรออกไปตอนนี้มีแต่จะทำให้เอ้อร์หนิวจื่อร้อนใจจนหวาดกลัวเสียเปล่าๆ รอให้ถึงบ้านเอ้อร์หนิวจื่อและตรวจทารกน้อยผู้นั้นเสียก่อนค่อยว่ากันเถิด
หลี่อิงฮว๋าเอ่ยถาม “ท่านอาขอรับ ท่านบังคับเกวียนลาเป็หรือไม่”
เอ้อร์หนิวจื่อตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ต้องเป็อยู่แล้ว ประเดี๋ยวไปถึงบ้าน ข้าจะสอนพวกเ้าบังคับเกวียนลาเอง”
เพียงไม่นานก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลฟาง บ้านของเอ้อร์หนิวจื่อคือบ้านหลังที่สามจากปากทางเข้าหมู่บ้าน ในลานมีต้นแพร์ที่เต็มไปด้วยลูกแพร์สีเหลือง มีทั้งรั้วไม้ไผ่ กระท่อม และต้นแพร์ คล้ายกับที่บ้านหลี่ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นแพร์
เอ้อร์หนิวจื่อนำลาสองตัวไปผูกไว้ที่ข้างรั้วไม้ไผ่ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว จากนั้นจึงพาสี่พี่น้องตระกูลหลี่เข้าไปในลานบ้าน พาเดินไปหาชายหน้าดำผู้มีผมหงอกเต็มหัว และหญิงชราร่างผอมผู้มีรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่เป็เด็กจากครอบครัวหลี่ของหมู่บ้านหลี่ขอรับ พวกเขา้าซื้อลาของพวกเรา ข้ารับปากเขาไปแล้วว่า หากซื้อลาจะให้เกวียนลาโดยไม่คิดเงิน ประเดี๋ยวข้าจะไปนำเกวียนลาออกมานะขอรับ”
ชายชราหน้าดำเอ่ยขึ้นทันควัน “บ้านหลี่จะซื้อลาสองตัวหรือ”
เอ้อร์หนิวจื่อตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ใช่”
หญิงชราร่างผอมที่กำลังใช้ผ้าเก่าๆ มาทำเป็เสื้อผ้าของทารกลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาพูดกับเอ้อร์หนิวจื่อด้วยท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง โดยไม่สนใจว่ายังมีคนบ้านหลี่อยู่ด้วย “เกวียนลามีค่าหลายร้อยทองแดง เ้ามอบให้โดยไม่คิดเงินเช่นนั้นหรือ”
“หรือจะปล่อยไว้ในห้องเก็บของให้ปลวกให้แมลงกินเล่า” ใจจริงแล้วเอ้อร์หนิวจื่อไม่อยากเห็นของที่มีความเกี่ยวข้องกับลาสองตัวนั้น
หญิงชราร่างผอมถลึงตาใส่ รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ ไม่คิดเงินไม่ได้! หากคนบ้านหลี่้าเกวียนลาก็ต้องจ่ายเงินสี่ร้อยทองแดง”
เอ้อร์หนิวจื่อกระซิบด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ท่านแม่ ข้ารับปากคนบ้านหลี่ไปแล้ว”
ตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงทารกร้องแ่ๆ ราวกับเสียงลูกแมวดังแว่วออกมาจากบ้าน หญิงชราร่างผอมนึกเป็ห่วงจึงยื่นมือไปตีแขนเอ้อร์หนิวจื่อสองครั้ง “แม่เ้ายังอยู่ ยังไม่ถึงคราวที่เ้าจะตัดสินใจเื่ในบ้าน ห้ามมอบเกวียนลาให้ผู้อื่นเด็ดขาด”
จากนั้นก็มีเสียงร่ำไห้ของสตรีนางหนึ่งดังแว่วออกมาจากในบ้าน “ท่านแม่ พี่รอง แย่แล้ว เสี่ยวซวนจื่อตาเหลือก พวกท่านรีบเข้ามาดูเร็ว!”
“หลานคนดีของข้า” หญิงชราร่างผอมรีบวิ่งเข้าไปโดยมีเอ้อร์หนิวจื่อตามเข้าไปติดๆ
ชายชราหน้าดำมีสีหน้ากังวล ชะเง้อมองไปทางประตูห้องนอนที่ถูกเปิดออกและปิดลงอีกครั้ง แล้วก็ทอดถอนใจ
หลี่ฝูคังกล่าวเสียงเบา “ลูกชายคนเล็กของท่านอาดูท่าอาการจะไม่ค่อยดีเลย”
หลี่อิงฮว๋ากระซิบตอบว่า “น้องห้า แม่ของท่านอาไม่อยากมอบเกวียนลาให้พวกเราโดยไม่คิดเงิน ครอบครัวเรามีลาตัวเดียวก็พอแล้วกระมัง เช่นนั้นพวกเราไปดูที่อำเภอฉางผิงกันดีหรือไม่”
หลี่ิ่หานเอ่ยขึ้นบ้าง “น้องห้า ดูเหมือนบ้านของท่านอาจะมีปัญหา หากพวกเรารออยู่ที่นี่ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าใด”
มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของสตรีดังออกมาจากบ้าน “พี่รอง เสี่ยวซวนจื่อแย่แล้ว ท่านรีบไปเชิญหมอจากตำบลมาเร็วเข้า”
ชายชราหน้าดำรีบผุดลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเ็ป วิ่งไปยังหน้าต่างบ้าน เคาะหน้าต่างพลางกล่าวว่า “เสี่ยวซวนจื่อเป็อย่างไรบ้าง เขาเป็อย่างไรบ้าง”
“หลานคนดีของข้า เหตุใดชะตาชีวิตเ้าจึงย่ำแย่เพียงนี้ เพิ่งคลอดออกมาไม่กี่วันก็จะหมดลมหายใจเสียแล้ว” ใบหน้าของหญิงชราร่างผอมเต็มไปด้วยน้ำตา นางรีบวิ่งมาหาสี่พี่น้องบ้านหลี่ก่อนที่จะกล่าวอย่างร้อนใจ “ลาสองตัวนี้ขายให้พวกเ้าแล้ว เกวียนลาพวกเราก็ไม่คิดเงิน มอบให้พวกเ้าไปเลย พวกเ้ารีบจ่ายเงินมาเร็วเข้า”
“ท่านแม่ พวกเขาไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วย เงินอยู่ในมือผู้าุโของครอบครัว ประเดี๋ยวข้าจะไปที่หมู่บ้านหลี่กับพวกเขาเอง” เอ้อร์หนิวจื่อวิ่งออกมาจากห้องนอนด้วยใบหน้าเศร้า ตอนนี้ที่บ้านไม่มีเงินแม้แต่ทองแดงเดียว ทั้งยังติดหนี้ก้อนโตไว้กับร้านขายยาอีก หากไม่มีเงินไปจ่ายก็เชิญหมอมาไม่ได้
“ลาของท่านพวกเราต้องซื้อแน่ เื่นี้เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถิด ตอนนี้ให้ข้าไปดูทารกผู้นั้นก่อน” หลี่หรูอี้กล่าวจบก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที
.............................