หญิงชราร่างผอมยื่นมือไปดึงชายแขนเสื้อของหลี่หรูอี้ไว้ พลางกล่าวอ้อนวอน “แม่หนูน้อย เ้าอย่าเพิ่งไปดูเสี่ยวซวนจื่อของข้าเลย รีบพาลูกชายข้าไปรับเงินที่บ้านเ้าเถิด เสี่ยวซวนจื่อของข้ายังรอความช่วยเหลือจากท่านหมออยู่”
หลี่ฝูคังเอ่ยขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจ “น้องสาวข้ารู้วิชาแพทย์ขอรับ”
หลี่อิงฮว๋าอธิบายเสริม “ท่านยาย บิดาของคนขายเนื้อแซ่จางที่ตำบลจินจี ก็ได้น้องสาวข้าช่วยชีวิตไว้นะขอรับ”
หลี่ิ่หานกลัวว่าครอบครัวเอ้อร์หนิวจื่อจะไม่เชื่อ จึงกล่าวเพิ่มเติมไปว่า “น้องสาวข้ายังช่วยรักษาพิษผึ้งบนใบหน้าเ้าลูกพลับน้อยในหมู่บ้านด้วยนะขอรับ”
หลี่หรูอี้มองไปทางเอ้อร์หนิวจื่อ “ท่านอา ลูกชายคนเล็กของท่านเป็ลมหมดสติไปแล้ว หากไม่รีบช่วยจะมีอันตรายถึงชีวิต หมอที่ตำบลจินจีอยู่ห่างจากที่นี่สิบลี้ ไม่ทันแน่”
เอ้อร์หนิวจื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่หลี่หรูอี้พูดระหว่างเดินทางมาที่นี่ คำพูดเ่าั้ต้องเป็คนที่รู้วิชาแพทย์เท่านั้นจึงจะกล่าวออกมาได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงรีบดึงมือหญิงชราร่างผอมเอาไว้ ก่อนเอ่ยขอร้อง “แม่หนูน้อย รีบเข้าไปดูลูกชายข้าหน่อยเถิด”
หลี่หรูอี้เดินเข้าไปในบ้าน พบว่ามีเตียงหลังหนึ่งวางติดอยู่กับกำแพง บนเตียงมีสตรีนางหนึ่งไม่ทราบว่าหมดสติหรือกำลังหลับลึกกันแน่ ทั้งยังมีหญิงอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีสวมเสื้อผ้าสีเทาดำมวยผมเป็ทรงกลมนั่งอยู่อีกคนหนึ่ง
สตรีนางนั้นกำลังมองไปยังทารกในอ้อมกอดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ส่วนทารกสวมเสื้อผ้าสีฟ้าสภาพใหม่อยู่เล็กน้อย เนื่องจากยามนี้เป็ฤดูใบไม้ร่วงอากาศไม่หนาวนัก จึงมิได้ห่อตัวเด็กด้วยผ้าอ้อม
หลี่หรูอี้มองไปยังสตรีนางนั้น และกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นโดยไม่เปิดโอกาสให้ถามในสิ่งใด “ท่านวางทารกนอนราบลงบนเตียงเถิด”
เอ้อร์หนิวจื่อที่เดินตามเข้ามาพูดกับสตรีนางนั้นด้วยท่าทางร้อนรน “น้องสาว เด็กบ้านหลี่ผู้นี้รู้วิชาแพทย์ เ้าทำตามคำพูดของนางก็พอ”
ในแววตาของสตรีนางนั้นเต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด ทว่ายังคงปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
หลี่หรูอี้เดินไปข้างเตียง พบว่าใบหน้าเล็กๆ ของทารกน้อยมีสีเหลือง หากสังเกตให้ละเอียดจะเห็นว่า ใบหน้าเริ่มมีสีเขียวปรากฏแล้ว ริมฝีปากแดงก็เริ่มกลายเป็สีม่วง “ั้แ่เด็กคลอดจนถึงตอนนี้ เด็กถ่ายขี้เทาบ้างหรือไม่”
สตรีนางนั้นเอ่ยถาม “ขี้เทาคือสิ่งใด”
หลี่หรูอี้เลิกคิ้วตอบ “ถ่ายอุจจาระบ้างแล้วหรือไม่”
สตรีนางนั้นจึงตอบว่า “ไม่”
หลี่หรูอี้ขมวดคิ้วพลางเอื้อมมือไปัับริเวณหน้าผากของทารก
สตรีนางนั้นยืนอยู่ตรงข้างเตียง ดวงตาอันงดงามจับจ้องไปยังทารกพลางกล่าวว่า “ข้าคอยจับหน้าผากเสี่ยวซวนจื่ออยู่บ่อยๆ หน้าผากเขาไม่ร้อน ไม่มีไข้เ้าค่ะ”
หลี่หรูอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พยุงทารกน้อยขึ้นมา จากนั้นจึงยื่นมือไปอังตรงหลังคอของเขา พบว่ามันร้อนตามที่นางคาด “หากทารกเป็ไข้ มิอาจตรวจโดยการััที่หน้าผากเพียงอย่างเดียว ต้องลองตรวจโดยััที่ด้านหลังคอดูด้วยเ้าค่ะ”
สตรีนางนั้นมีสีหน้าไม่อยากที่จะเชื่อ แต่ก็ยื่นมือไปลูบที่หลังคอของเสี่ยวซวนจื่อ และพบว่ามันร้อนจริงๆ ทำให้นางรู้สึกผิดยิ่งนัก ถึงกับร้องไห้และพูดพร่ำออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ “ข้าไม่รู้ว่าต้องจับที่หลังคอด้วย ข้าไม่รู้ว่าเสี่ยวซวนจื่อเป็ไข้”
หลี่หรูอี้ตรวจสอบบริเวณศีรษะของเสี่ยวซวนจื่อ จากนั้นจึงถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบบริเวณรูทวารเป็พิเศษ
ในโลกก่อน ตอนที่นางเป็หมอทหารประจำการอยู่ที่ชายแดน เคยไปรักษาชาวบ้านที่เขตปศุสัตว์ครั้งหนึ่ง ยามนั้นทารกของครอบครัวหนึ่งเพิ่งคลอดแต่ไม่มีรูทวาร ส่วนพ่อแม่ของเด็กก็สะเพร่านัก เด็กคลอดออกมาสองวันเต็มแล้วก็ยังไม่รู้เลย นอกจากนี้ยังมีทารกของครอบครัวหนึ่งเกิดอาการอักเสบเนื่องจากตัดสายสะดือไม่ดี จนทำให้ต้องผ่าตัดอีกด้วย
หญิงชราร่างผอมเดินเข้ามาในห้อง ใช้สายตาคมกริบราวกับมีดจ้องมองไปยังสตรีนางนั้นอย่างดุดัน จากนั้นจึงเอื้อมมือไปจับบริเวณหลังคอของเสี่ยวซวนจื่อ เมื่อได้ััก็ถึงกับมือสั่นเทา ร้องห่มร้องไห้พูดพล่ามว่า “์ เหตุใดจึงไม่มีตาเช่นนี้ ไม่ยอมให้คนแก่อย่างข้าป่วยแทน ทำให้เสี่ยวซวนจื่อป่วยทำไมกัน”
หลี่หรูอี้จับชีพจรของเสี่ยวซวนจื่ออีกครั้ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นกล่าวกับเอ้อร์หนิวจื่อว่า “ท่านอาเ้าคะ เสี่ยวซวนจื่อไม่ได้ถ่ายขี้เทา ทำให้ขับสารพิษออกจากร่างกายไม่ได้ อีกทั้งไม่มีน้ำนมให้ดื่มภูมิคุ้มกันจึงต่ำจนเป็ไข้และหมดสติไป”
เอ้อร์หนิวจื่อกล่าวถามเสียงเครียด “เช่นนั้นจะทำอย่างไร”
หลี่หรูอี้ตอบว่า “ต้องขับพิษด้วยการถ่ายขี้เทาก่อน เมื่อพิษถูกขับออกแล้วก็จะไม่เป็ไข้อีก จากนั้นค่อยให้เขาดื่มนมแพะ เมื่อดื่มนมแพะแล้วจะมีภูมิคุ้มกันดีขึ้นและจะไม่เป็ลมอีก”
หญิงชราร่างผอมกล่าวด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “จะมีนมแพะที่ไหนกัน?”
หลี่หรูอี้พูดต่อ “ที่อำเภอฉางผิงน่าจะมีแพะตัวเมียที่ผลิตน้ำนมได้ขายอยู่ เอาเงินนี่ไปจ่ายเถิดเ้าค่ะ”
หญิงชราร้องไห้ “จ่าย เพื่อหลานคนดีของข้า ข้าจะจ่ายเงิน”
“เช่นนั้นข้าจะปรุงยาเพื่อกระตุ้นให้เขาถ่ายขี้เทาออกมา ที่บ้านท่านมีหม้อดินหรือไม่” หลี่หรูอี้กล่าวถามพลางเดินออกไป
“มี” เอ้อร์หนิวจื่อหรี่ตามองบุตรชายคนเล็กครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบเดินตามออกไป
“พวกท่านควรส่งคนไปซื้อแม่แพะที่ผลิตน้ำนมได้จากตัวอำเภอ มิเช่นนั้นก็ควรหาดูว่าใกล้ๆ นี้มีสตรีบ้านใดมีน้ำนมบ้าง เชิญนางมาให้นมเสี่ยวซวนจื่อสักหลายวันก่อน รอให้มารดาของเขามีน้ำนมก่อนแล้วค่อยให้นางไป” เมื่อหลี่หรูอี้กล่าวถึงภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อ ก็พาลนึกไปถึงคนหลายคนในห้องที่ร้องห่มร้องไห้เมื่อครู่นี้ นึกดูแล้วภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อคงยังไม่ได้สติ จึงอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ท่านอา ภรรยาของท่านเป็คนหลับลึกหรือ”
เอ้อร์หนิวจื่อตอบเสียงเบา “นางมีอาการหูตึง ตอนนอนหลับไม่ได้ยินหรอก”
เด็กชายทั้งสามของบ้านหลี่พากันเดินเข้ามาหาก่อนกล่าวว่า “น้องห้า บุตรชายคนเล็กของบ้านท่านอาเป็อย่างไรบ้าง”
“อาการไม่ค่อยดีนัก ข้าต้องรีบไปปรุงยากระตุ้นให้เสี่ยวซวนจื่อถ่ายขี้เทาออกมา” ระหว่างเดินทางหลี่หรูอี้เห็นสมุนไพรหลายชนิดที่อยู่ข้างทางแล้ว
ในโลกก่อน พืชพรรณข้างทางถูกควันจากท่อไอเสียรถยนต์จนทำให้เป็พิษไม่อาจเก็บมาใช้ได้ ทว่าตอนนี้ไม่มีรถยนต์ พืชพรรณสมุนไพรข้างทางไม่ปนเปื้อนสารพิษใดๆ ก็สามารถเด็ดมาใช้ได้
ขณะที่หลี่หรูอี้ไปเก็บสมุนไพร ครอบครัวของเอ้อร์หนิวจื่อก็หารือกัน โดยตัดสินใจว่า จะใช้เงินจ้างแม่นมจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาให้เสี่ยวซวนจื่อ
พ่อแพะตัวหนึ่งราคาสองตำลึง แม่แพะราคาสองตำลึงกับอีกหกสิบทองแดง แม่แพะที่อยู่ใน่ผลิตน้ำนมราคาสองตำลึงกับอีกแปดสิบทองแดง
จ้างแม่นมไม่กี่วัน อย่างมากก็ใช้เงินร้อยกว่าทองแดง
ครอบครัวของเอ้อร์หนิวจื่อมีหนี้มากมาย จึงทำได้เพียงเลือกจ้างแม่นมซึ่งถูกที่สุด จากนั้นได้แต่หวังว่าภรรยาของเอ้อร์หนิวจื่อจะมีน้ำนมหลังจากที่แม่นมไปแล้ว
หลี่หรูอี้ที่ออกไปเก็บสมุนไพรตลอดจนพืชพรรณดีๆ ที่ขึ้นอยู่ระหว่างสองข้างทางบนถนนใกล้ๆ นี้ กลับมาถึงบ้านของเอ้อร์หนิวจื่อแล้ว นางใช้หม้อดินต้มยาสมุนไพร เมื่อต้มยาเรียบร้อยและวางทิ้งไว้จนอุ่น ก็ใช้กิ่งกกดูดยาขึ้นมากรอกใส่รูทวารของเสี่ยวซวนจื่ออย่างระมัดระวัง
ประสิทธิภาพของยาคล้ายกับยาระบายชนิดสวนหรือชนิดเหน็บแผนปัจจุบันของโลกก่อน แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่ามาก
เสี่ยวซวนจื่อเป็เพียงเด็กทารก ไม่อาจใช้ยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรงเกินไปได้ จึงใช้ได้เพียงยาแผนจีนโบราณเท่านั้น
กระทั่งหญิงชราร่างผอมพาแม่นมผิวดำร่างอ้วนคนหนึ่งมาจากหมู่บ้านใกล้เคียง เสี่ยวซวนจื่อก็ตื่นมาขับถ่ายแล้ว
นี่เป็การขับถ่ายครั้งแรก หลังจากที่เสี่ยวซวนจื่อคลอดออกมา คราแรกคือ ขี้เทา ที่มีสีดำอมเขียว กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว ต่อมาเป็อุจจาระสีดำ ที่มีลักษณะค่อนข้างแข็งคล้ายมูลแกะ เห็นได้ชัดว่าอาหารไม่ย่อย
เมื่อเอ้อร์หนิวจื่อจับให้เสี่ยวซวนจื่อถ่ายจนเสร็จ หลี่หรูอี้ก็ให้ใช้น้ำร้อนทำความสะอาดร่างกายของเสี่ยวซวนจื่อ
ตอนนี้น้องสาวของเอ้อร์หนิวจื่อเห็นหลี่หรูอี้เป็หมอเทวดาไปแล้ว จึงรีบไปยกน้ำร้อนออกมาจากห้องครัวโดยพลัน
หลี่หรูอี้กำชับไว้ว่า “ต่อไปต้องใช้น้ำอุ่นทำความสะอาดตัวให้เสี่ยวซวนจื่อทุกวัน ขณะอาบน้ำต้องระวังไม่ให้ถูกบริเวณสายสะดือ หากเป็ฤดูหนาวให้อาบน้ำ่กลางวันที่อากาศร้อนที่สุด”
เมื่อเสี่ยวซวนจื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มกินนมของแม่นมด้วยความหิวโหยอย่างมาก สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เขาทั้งกัดและดูดดื่มอย่างกระหาย
แม่นมเจ็บจนร้องออกมา ถึงกับบ่นเสียงดังว่า เสี่ยวซวนจื่อเป็ลูกหมาป่า กินเก่งกว่าบุตรวัยหกเดือนของนางเสียอีก ไม่เหมือนทารกที่เพิ่งคลอดและมีอาการป่วยแม้แต่น้อย
หลังจากมื้ออาหารเลิศรสผ่านไป เสี่ยวซวนจื่อก็พ่นฟองนมออกมาสองครั้ง และหลับไปทั้งๆ ที่ปากยังคาอยู่ที่อกของแม่นม
แม่นมดึงเต้านมของตนออกจากปากของเสี่ยวซวนจื่อ เมื่อก้มลงมองก็พบว่า มีเืไหลซิบๆ ออกมา จึงกล่าวด้วยความโกรธและร้อนใจว่า “เด็กบ้านเ้ากินเก่งเหลือเกิน ห้าวันเจ็ดสิบทองแดงคงไม่พอ อย่างน้อยต้องแปดสิบทองแดง”
หลี่หรูอี้กล่าวกับน้องสาวของเอ้อร์หนิวจื่อว่า “ลองเอามือไปจับที่หลังคอของเสี่ยวซวนจื่อดูเถิด ว่ายังร้อนอยู่หรือไม่”
.............................