หลี่ฝูคัง หลี่อิงฮว๋า และหลี่ิ่หานกล่าวว่า “พวกเราเคยมาขายฟืนที่ตลาด่ฤดูร้อน เพราะอยากหาเงินทุนให้น้องห้า แต่น้องห้าฉลาดมาก พวกเราจึงไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้นเลย”
หลี่ิ่หานกล่าวอย่างตื่นเต้น “น้องห้าหาเงินทุนได้จากการขายไส้ทอดก่อนแล้ว”
หลี่อิงฮว๋ามองไปยังหลี่หรูอี้ผู้เป็น้องสาว ซึ่งมีรูปร่างผอมบาง กล่าวเสียงเบาว่า “ที่ครอบครัวเรามีชีวิตดีๆ เช่นทุกวันนี้ล้วนเป็เพราะความคิดอันยอดเยี่ยมของน้องห้าทั้งสิ้น”
เด็กหนุ่มเห็นหลี่ฝูคังเดินจากไปโดยที่เขาไม่ได้ซื้อฟืน ก็มีสีหน้าผิดหวัง
หญิงชราหน้าดำสวมเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะชุนผู้หนึ่งเห็นคนแต่งตัวดีเดินผ่านมา จึงชี้ไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่บนถนน กล่าวด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ว่า “นี่คือหลานสาวของข้า ปีนี้อายุเจ็ดขวบ เย็บปักได้ ทำงานหนักได้ แต่กินน้อยมาก ขายเพียงสามทองแดงเท่านั้น”
สตรีร่างอ้วนที่กำลังถือเนื้ออยู่ในมือคนหนึ่ง เห็นเด็กหญิงผู้นั้นน่าสงสารจึงกล่าวด้วยสีหน้าเวทนา “เ้าเป็ย่าแท้ๆ ของนางหรือ”
หญิงชราหน้าดำคิดว่าสตรีวัยกลางคนผู้นี้้าจะซื้อเด็กหญิงจึงรีบตอบด้วยท่าทีจริงจัง “ใช่แล้ว หากไม่เชื่อก็ไปถามที่หมู่บ้านของข้าได้”
สตรีวัยกลางคนกล่าวเสียงเย็น “ข้าว่าเ้าไม่ใช่หรอก บนโลกใบนี้จะมีย่าแท้ๆ ที่ไหนขายหลานสาวแท้ๆ ของตนเล่า?”
เดิมทีหญิงชราหน้าดำต้องมาขายดรุณีน้อยเช่นนี้ก็รู้สึกโศกเศร้าอยู่แล้ว เมื่อเห็นทุกคนมองมาด้วยสายตาดูแคลนก็เกือบจะร้องไห้ออกมา กล่าวไปว่า “ที่บ้านของข้ามีสิบสองปากท้อง ทว่ามีที่นาเพียงห้าหมู่ เลี้ยงทุกคนไม่ไหว ตอนนี้ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว แต่ยังไม่มีเงินซื้อเสบียง หากเป็เช่นนี้ต่อไปคงจะอยู่ไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเป็แน่”
สตรีวัยกลางคนเข้าใจกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน จ้องมองด้วยสายตาที่เห็นใจ และถามขึ้นว่า “อ้อ... บ้านเ้ามีคนมากเพียงนี้ เหตุใดจึงมีที่นาเพียงห้าหมู่เล่า?”
“ตาเฒ่าบ้านข้าไม่อยู่แล้ว ลูกชายของข้าก็ป่วย เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอดหลายปี จึงต้องขายที่ดินสิบหมู่เพื่อนำไปซื้อยา” เมื่อหญิงชราหน้าดำนึกถึงเื่ที่โศกเศร้าก็ร้องไห้ออกมา
ชายชราร่างผอมในชุดผ้าไหมดวงตาแหลมคมผู้หนึ่ง เดินเข้ามา ยื่นมือไปลูบศีรษะดรุณีน้อยเบาๆ จากนั้นจึงเชยคางขึ้น พบว่าเด็กน้อยมีผิวดำ คิ้วสั้น จมูกใหญ่ ปากหนา ใบหน้าอัปลักษณ์เล็กน้อยคล้ายกับหญิงชราหน้าดำ
นี่เป็คนแรกที่สนใจสภาพของเด็กหญิง หญิงชราหน้าดำคิดว่าชายชราร่างผอม้าจะซื้อหลานสาวของตนจริงๆ จึงเช็ดน้ำตาให้แห้งแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ท่านจะซื้อหรือ”
ชายชราร่างผอมจ้องมองไปยังหญิงชราหน้าดำ กล่าวด้วยท่าทีครุ่นคิด “เด็กหญิงตัวเล็กเพียงนี้จะทำอะไรได้ เ้าขายตนเองไปเป็บ่าวให้ครอบครัวใหญ่ยังจะดีเสียกว่า”
มีคนชี้ไปที่แผ่นหลังของชายชราร่างผอม กล่าวว่า “ตาเฒ่านั่นคือพ่อบ้านของหอคณิกาในอำเภอฉางผิง เขาจะมาเลือกเด็กหญิงที่นี่ทุกครั้งที่มีตลาด”
“หอคณิกาคือนรกดีๆ นี่เอง”
“โชคดีที่นางหนูนี่หน้าตาอัปลักษณ์ มิเช่นนั้นคงต้องถูกเขาซื้อตัวไปที่หอคณิกาฉางผิงแล้ว”
“ไม่ ครอบครัวพวกเราทำงานสุจริต ไม่ยอมไปทำงานที่หอคณิกาเด็ดขาด ต่อให้พวกเราหิวตายก็จะไม่ยอมไปทำงานที่หอคณิกา” หญิงชราหน้าดำได้ยินบทสนทนาเ่าั้ก็ไม่คิดที่จะขายเด็กอีก รีบจูงดรุณีน้อยเดินจากไปทันที
“ย่าหลานคู่นี้น่าสงสารจริงๆ”
“ครอบครัวมีคนมากแต่เสบียงน้อย ไม่รู้ว่าจะผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างไร”
“มีผู้ใดใจดีจะซื้อดรุณีน้อยไปหรือไม่ ถือเป็การสั่งสมบุญกุศล”
เสียงพูดคุยถกกันของผู้คนดังเข้าหูสี่พี่น้องบ้านหลี่ ทำให้ความคิดที่จะซื้อลาเริ่มแปรเปลี่ยนไป
แคว้นต้าโจวเป็สังคมศักดินา ค้ามนุษย์ได้อย่างถูกกฎหมาย มิได้ห้ามการค้ามนุษย์
ในตลาดแห่งนี้มีการค้ามนุษย์มากมาย มีกระทั่งสถานที่ที่ทางอำเภอฉางผิงจัดไว้สำหรับการค้ามนุษย์โดยเฉพาะ สี่พี่น้องบ้านหลี่คุ้นชินแล้ว ทุกอย่างล้วนเกิดจากความยากจน หากในบ้านมีเงินเหลือพอก็ยังจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ไม่มีใครอยากเสียชื่อจากการขายลูกหลานกินหรอก
หลี่ฝูคังกําหมัดแน่น “ครอบครัวของเราต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น”
หลี่หรูอี้พูดกับตนเอง “ดูถูกโสเภณีได้ แต่อย่าหัวเราะเยาะคนจน” แต่ในโลกก่อนอาจตรงกันข้าม
หลี่อิงฮว๋าเห็นสีหน้าที่หดหู่ของหลี่หรูอี้แล้วก็ครุ่นคิด จากนั้นจึงชี้นิ้วไปอีกทาง และกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจเป็พิเศษว่า “น้องห้าเ้าดู หูยาว หางยาว ตาทั้งสองกลมโต ผิวสีน้ำตาลเทา นั่นคือลาที่พวกเรา้าซื้อ ไม่ใช่หรือ!”
หลี่อิงฮว๋ารีบกล่าวผสมโรง “เป็ลาจริงๆ ด้วย มีอยู่สองตัว พวกมันเป็คู่กันหรือไม่”
หลี่หรูอี้เคยเห็นสัตว์มามากมายหลายชนิดที่สวนสัตว์ในโลกก่อน สัตว์อย่างลานั้นนางไม่เพียงแค่เคยเห็น ทั้งยังเคยขี่และเคยกินอีกด้วย เมื่อมาถึงแคว้นต้าโจวแล้ว ก็เคยเห็นลาตอนที่นางเดินทางไปที่ตำบลจินจี จึงไม่ได้รู้สึกว่าลาเป็สัตว์ที่น่าสนอกสนใจอันใด ทว่าน้ำใจของพวกพี่ชายที่อยากทำให้นางอารมณ์ดีเช่นนี้ต่างหากที่ทำให้นางดีใจ
หลี่ฝูคังดึงแขนหลี่หรูอี้ให้เดินก้าวไปข้างหน้า “น้องห้าพวกเรารีบไปดูเถิด!”
“เอ้อร์หนิวจื่อ เหตุใดเ้าจึงดื้อรั้นเพียงนั้น เหตุใดจะต้องขายลาสองตัวนี้พร้อมกันให้ได้?”
“เอ้อร์หนิวจื่อ เ้าไปที่ในอำเภอมาห้าวันติดแล้ว ก็ยังขายลาคู่นี้ไม่ได้ เหตุใดจึงดันทุรังเช่นนี้ ไม่ยอมแยกขายอีกหรือ”
ชายขายผักสองคนกำลังโน้มน้าวชายวัยกลางคนที่มีชื่อเล่นว่า เอ้อร์หนิวจื่อ ผู้เป็พ่อค้าขายลาอยู่
เอ้อร์หนิวจื่อมีรูปร่างธรรมดา ใบหน้าเหลี่ยม จมูกทรงกระเทียม ดวงตาทั้งสองไร้แวว เขาขมวดคิ้วแน่น เพียงมองก็รู้ว่าเป็ใบหน้าของคนสิ้นหวังไม่สมใจปรารถนา เขาส่ายหน้าพลางพูดกับทั้งสองว่า “ลาคู่นี้เป็ตัวผู้กับตัวเมีย ท่านพ่อของข้ากำชับไว้ว่าไม่ให้แยกขายพวกมัน”
“ลาคู่นี้ราคาแปดตำลึง ผู้ใดจะซื้อไหว?”
“หากเ้าแยกขายพวกมัน ตัวผู้ขายสี่ตำลึง ตัวเมียขายห้าตำลึง จะได้เงินเพิ่มอีกหนึ่งตำลึง จากนั้นก็กลับไปบอกกับพ่อของเ้าว่า ขายออกไปเป็คู่ เช่นนี้ก็หมดเื่แล้ว”
เอ้อร์หนิวจื่อโบกมือ “ไม่ได้ ข้าจะโกหกท่านพ่อไม่ได้”
เมื่อเหล่าพี่น้องบ้านหลี่เดินเข้ามาดูลาสีน้ำตาลเทาคู่นี้ เอ้อร์หนิวจื่อเห็นพวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน พลันก็คิดไปว่า พวกเขาคงจะมาดูเฉยๆ จึงไม่ได้พูดอะไร
หลี่อิงฮว๋าดูลักษณะฟันของลาทั้งสองตัว ดูหางของพวกมัน ดูว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่ที่ทวารหรือไม่ หากดูแล้วพบว่าอาจมีอาการท้องเสียจะซื้อกลับไปไม่ได้เด็ดขาด เขาจึงถามว่า “ท่านอาขอรับ ลาของท่านอายุเท่าใด ตัวเมียเคยคลอดลูกหรือไม่”
เอ้อร์หนิวจื่อปรายตามองหลี่อิงฮว๋า ตอบเสียงเรียบว่า “ตัวผู้อายุห้าปี ตัวเมียอายุหกปี ตัวเมียเคยมีลูกมาแล้วสองครอก”
ลามีอายุขัยประมาณยี่สิบปี ลาอายุประมาณห้าถึงหกปีก็เท่ากับคนวัยหนุ่ม
หลี่อิงฮว๋าถามอย่างสงสัย “เหตุใดท่านจึงขายพวกมัน?”
เอ้อร์หนิวจื่อตอบว่า “ภรรยาของข้าตั้งท้อง นางคลอดยากจึงต้องกินโสมเพื่อรักษาชีวิต บ้านข้าเป็หนี้ร้านขายยาอยู่สิบห้าตำลึง หากไม่ขายลา หรือจะให้ขายที่กันเล่า?”
หลี่ฝูคังกล่าวอย่างประหลาดใจ “ใช้เงินขนาดนี้เชียว!”
“โสมแพงกว่าทองคำเสียอีก” เอ้อร์หนิวจื่อถอนใจยาว แม้เขาจะได้บุตรชายมาหนึ่งคน ทั้งยังสามารถรักษาชีวิตภรรยาไว้ได้ แต่ก็ต้องขายลาที่เลี้ยงมาั้แ่เล็กคู่นี้ไป ในใจจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์และโศกเศร้ายิ่งนัก
หลี่อิงฮว๋าถามต่อ “ลูกลาที่แม่ลาคลอดออกมา ท่านขายไปแล้วหรือเลี้ยงไว้ที่บ้าน?”
เอ้อร์หนิวจื่อตอบว่า “ขายไปแล้ว”
จากนั้นหลี่อิงฮว๋าก็ถามเอ้อร์หนิวจื่ออีกหลายประโยค เอ้อร์หนิวจื่อก็ตอบโดยไม่ได้รำคาญหรือหงุดหงิดใจ หลี่อิงฮว๋าพยักหน้าให้หลี่หรูอี้อย่างพึงพอใจ
ลาตัวเมียที่ยืนอยู่ใกล้เอ้อร์หนิวจื่อใช้หัวดุนแขนของเขาเพื่ออ้อนขออาหาร เอ้อร์หนิวจื่อยื่นมือไปลูบหัวของมัน ในใจรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตัดหญ้ามาด้วย
หลี่ิ่หานพูดขึ้นว่า “บ้านเราต้องซื้อลาไปสองตัวเชียวหรือ จะซื้อลาไปสองตัวทำไม”
.............................