หลังจากหลี่เฉิงกลับไปที่ห้อง ภายในห้องเงียบสงัด เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเองอย่างชัดเจน หลี่เฉิงยื่นมือไปกุมอกของตนเอง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะอยากจะควบคุมการเต้นของหัวใจ ทว่าใบหน้าของซ่งอวี้กลับฉายขึ้นมาในความคิดไม่หยุด หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ แก้มทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะร้อนผ่าว
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นนอกหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงนี้ ความคิดอันงดงามของหลี่เฉิงพลันกระเจิงไปจนหมด สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ยามที่เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เขาเหยียดกายผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ เดินไปยังข้างหน้าต่างแล้วค่อยๆ เปิด เงาดำะโเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว แล้วคุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้น
"ข้าน้อยกลับมาช้า นายท่านโปรดลงโทษข้าน้อยด้วยขอรับ"
หลี่เฉิงเอามือไขว้หลัง มองดวงจันทร์สีเหลืองนวลบนท้องฟ้า เอ่ยถามเสียงเยือกเย็น "ตอนนี้สถานการณ์เป็เช่นไรบ้าง?"
"นายท่าน ฝ่าายังไม่ล้มเลิกความคิด เวลานี้ตามหานายท่านทั่วทุกสารทิศ อีกไม่นานท่านแม่ทัพจะสั่งการให้กองทัพลงมาทางใต้ เกรงว่า..." เยี่ยสุยยังพูดไม่จบ
มือทั้งสองข้างของหลี่เฉิงสั่นเทาเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม เขาคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาเร็วเช่นนี้
ในเวลาเดียวกัน เสียงของซ่งอวี้ก็ดังมาจากด้านนอก ความระมัดระวังวาบผ่านดวงตาของเขา "เ้าออกไปก่อน สองสามวันนี้อย่ามาหาข้าอีก จับตาดูการเคลื่อนไหวของเบื้องบนต่อไป หากมีเื่สำคัญ ให้รีบมารายงานข้า"
"ขอรับ"
เยี่ยสุยเพิ่งะโออกไป ประตูห้องก็เปิดทันที ซ่งอวี้เดินเข้ามา เห็นหลี่เฉิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย "ท่านมาดูอะไรที่นี่หรือเ้าคะ?"
หลี่เฉิงยกมุมปากขึ้นแล้วคลี่ยิ้มบางๆ "ข้ารู้สึกว่าคืนนี้ดวงจันทร์งดงามยิ่งนัก จึงอยากมองนานๆ "
ซ่งอวี้เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่งดงามราวกับแผ่นหยก นางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "งดงามจริงๆ เ้าค่ะ"
ซ่งอวี้หยุดชะงักเล็กน้อย แววตาของนางทอประกาย น้ำเสียงสั่นเครือ "เช่นนั้น… ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน ท่าน… ท่านเองก็รีบพักผ่อนเถิด"
พูดจบ นางก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วเอาผ้าห่มมาห่มตัว
เดิมทีนางคิดว่าตนจะนอนไม่หลับ แต่อาจจะเป็เพราะวันนี้เหนื่อยเกินไป นางจึงผล็อยหลับทันทีที่หัวถึงหมอน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
หลี่เฉิงได้ยินเสียงลมหายใจแ่เบาของซ่งอวี้ อาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์ มองดวงหน้าขาวอมชมพูของนาง ดวงตาลุ่มลึกเปี่ยมไปด้วยความสับสนและลังเล
แม้ชีวิตที่นี่จะยากจน แต่กลับเป็วันเวลาที่มีความสุขที่สุดใน่หลายปีที่ผ่านมาของเขา ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้อื่นวางอุบายทำลาย และไม่ต้องวางแผนทำร้ายผู้ใด
หลี่เฉิงถอนสายตากลับ มองดวงจันทร์บนฟากฟ้าต่อ ทว่าภายในใจของเขากลับหนักอึ้งยิ่งนัก คล้ายมีขุนเขาลูกใหญ่กดทับอยู่ตรงแผงอก ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจผลักขุนเขาลูกนี้ออกไปได้
วันที่สอง ยามเช้าตรู่
"ซ่งอวี้ ตื่นหรือยัง?" ป้าหวังเดินเข้ามาจากประตูที่แง้มเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ในมือถือตะกร้า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจเก็บซ่อน
ซ่งอวี้เพิ่งตื่นนอนไม่นาน นางยิ้มแล้วตอบ "ใช่เ้าค่ะ ข้าตื่นแล้ว ป้าหวัง พี่เฉี่ยวหวาเป็อย่างไรบ้าง? จะให้ข้าไปจับชีพจรนางใช่หรือไม่?"
เพราะถึงอย่างไรการคลอดลูกเมื่อวานนับว่าอันตรายยิ่ง หากนางไปช้ากว่านี้อีกเพียงครู่เดียว ก็อาจจะจบลงด้วยการสูญเสียสองชีวิต เวลานี้นางจึงอดไม่ได้ที่จะเป็ห่วง
ทว่าผู้ใดจะคาดคิด ป้าหวังกลับโบกมือ พูดด้วยรอยยิ้ม "เฉี่ยวหวาสบายดี เวลานี้กำลังนั่งดื่มน้ำแกงไก่ตุ๋นอยู่ ทั้งหมดเป็เพราะเ้าช่วยเอาไว้ มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าเฉี่ยวหวาของข้าจะเป็อย่างไรบ้างแล้ว นี่ นี่คือไข่มงคล ป้าตั้งใจเอามาให้เ้า"
ขณะที่พูด ป้าหวังก็เปิดผ้าที่คลุมตะกร้าไว้ ก่อนจะหยิบไข่ขึ้นมาสองฟอง
ซ่งอวี้ไม่ปฏิเสธ นางยิ้มแล้วรับเอาไว้ "ป้าไม่ต้องนำมาส่งให้ข้าโดยเฉพาะก็ได้ วันใดข้าเดินผ่าน ค่อยเอาให้ข้าก็ได้"
ป้าหวังอาศัยจังหวะตอนที่ซ่งอวี้ขยับเข้ามาใกล้ เปิดผ้าคลุมตะกร้าออกครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเนื้อสัตว์และอาหารอื่นๆ ที่อยู่ด้านใน
"นี่คือ?" ซ่งอวี้ฉงนเล็กน้อย "ป้าหวัง เมื่อวานข้ารับเงินมงคลมาแล้ว ของเหล่านี้ป้าเก็บกลับไปเถอะ ข้าไม่้าจริงๆ "
"รับไว้เถอะ" ประตูเรือนเปิดครึ่งหนึ่ง หลี่เฉิงยืนอยู่ที่ประตู
เมื่อเห็นซ่งอวี้มองมาที่เขา หลี่เฉิงเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มบางๆ ให้ป้าหวัง "น้ำใจของป้าหวัง พวกเรารับไว้แล้ว ท่านกลับไปบอกพวกนางเถิด เื่ในอดีตที่ผ่านไปแล้วอย่าเก็บมาใส่ใจ"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าป้าหวังก็ยิ่งจริงใจมากขึ้น นางไม่รอให้ซ่งอวี้ปฏิเสธ ป้าหวังก็วางตะกร้าลง "เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าเอาของวางไว้ที่นี่ เฉี่ยวหวายังรอข้าอยู่ ข้าต้องขอตัวลาก่อน" พูดจบป้าหวังก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ซ่งอวี้มองหลี่เฉิงด้วยความไม่เข้าใจ "ของเหล่านี้ล้ำค่ามากนัก ท่านรับไว้ได้อย่างไร"
ชีวิตในชนบทนั้นยากลำบาก มีเพียง่เทศกาลตรุษจีนเท่านั้นที่จะซื้อเนื้อกลับมาบรรเทาความอยากได้ ไม่พูดถึงสิ่งอื่น เพียงสามชั้นชิ้นใหญ่นั่น เกรงว่าป้าหวังต้องเสียเงินไปจำนวนมากแล้ว
หลี่เฉิงส่ายหน้า ยิ้มแล้วพูดอธิบาย "วางใจเถิด ของพวกนี้ไม่ใช่ของป้าหวัง"
เมื่อเห็นซ่งอวี้ยังคงไม่เข้าใจ หลี่เฉิงเม้มปากแล้วพูด "เื่ที่เ้าช่วยทำคลอดเมื่อวาน เวลานี้ย่อมลือกันทั่วหมู่บ้านแล้ว นี่เป็เพียงของที่พวกคนร้อนตัวส่งมาผูกมิตรกับเ้าก็เท่านั้น"
ความจริงเป็ไปตามที่หลี่เฉิงกล่าว การสืบทอดตระกูล ั้แ่โบราณกระทั่งทุกวันนี้ถือเป็เื่ใหญ่ เวลาเพียงชั่วข้ามคืน เื่ที่ซ่งอวี้ทำคลอดให้จังเฉี่ยวหวาก็ถูกลือไปทั่วหมู่บ้านแล้ว
เวลานี้ พวกคนที่ในอดีตเคยไม่ถูกกับซ่งอวี้จึงเริ่มร้อนใจ
หากซ่งอวี้เป็เพียงคนที่มีวิชาทางการแพทย์ พวกนางไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ในเมืองก็มีสำนักแพทย์และหมอ จ่ายเงินเพียงเล็กน้อยก็เข้ารับการรักษาได้ แต่หากซ่งอวี้ไม่เพียงรักษาคนได้ ทั้งยังทำคลอดให้กับสตรีได้ด้วยเล่า? เช่นนั้นทุกอย่างก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ยุคสมัยนี้ สตรีคลอดบุตร ถือว่าเท้าข้างหนึ่งก้าวสู่ความตาย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตนจะผ่านด่านนี้มาได้หรือไม่ ซ่งอวี้สามารถทำคลอดให้จังเฉี่ยวหวาได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทารกไม่กลับหัว ไม่ว่าอย่างไรวันข้างหน้าพวกนางก็ต้องมาขอร้องซ่งอวี้ หากซ่งอวี้ยังคงคับแค้นเื่ในอดีต เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาพวกนางก็ยากที่จะพูดกับซ่งอวี้แล้ว
ครั้งนี้อาศัยโอกาสตอนที่ป้าหวังมากล่าวขอบคุณ พวกนางไปหาป้าหวังที่เรือนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฝากของให้ซ่งอวี้ เพื่อคลี่คลายเื่บาดหมางในอดีต
คนละเล็กคนละน้อย เมื่อรวมกัน จึงกลายเป็ของขวัญราคาแพง
หลังจากฟังคำอธิบายของหลี่เฉิง ในที่สุดซ่งอวี้ก็เข้าใจ นางไม่รู้จะพูดเช่นไร "โบราณกล่าวไว้ หมอมีความเมตตากรุณา วันข้างหน้าหากเกิดเื่ขึ้นกับพวกนางจริงๆ ข้าจะไม่สนใจได้อย่างไร ไม่..."
ไม่รู้ว่าจะเอาคำใดมาเปรียบเปรยพวกนางแล้วจริงๆ น่าคับแค้น? น่าสงสาร? น่าขัน? เกรงว่ามีคำว่า น่า อยู่ละเล็กละน้อยแทบทุกน่า
"ข้ารู้จักนิสัยใจคอของเ้าเป็อย่างดี แค่ว่าหากเ้าไม่รับเอาไว้ เกรงว่าพวกนางคงจะไม่สบายใจ วันข้างหน้าก็เกรงใจที่จะมาขอร้องเ้า"
อุปนิสัยใจคอของซ่งอวี้ หลี่เฉิงย่อมรู้ แม้กระทั่งคนที่ไม่รู้จักกันเช่นเขา ซ่งอวี้ยังยื่นมือมาช่วย จึงอย่าพูดถึงคนในหมู่บ้านที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพบเจอกันเลย
ซ่งอวี้เม้มริมฝีปาก อยากจะคืนของให้พวกนาง แต่คำพูดของหลี่เฉิงก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน นางจึงตัดสินใจรับของเอาไว้
เหมือนกับที่หลี่เฉิงกล่าว รับของไว้ เพื่อให้พวกนางสบายใจ
"ได้ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ จริงด้วย วันนี้ข้าต้องขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนหุบเขา ท่านพักผ่อนที่เรือนให้ดี" ซ่งอวี้เก็บของในตะกร้า คว้าตะกร้าสะพายหลังที่เตรียมไว้ั้แ่แรกขึ้นมา เตรียมจะออกจากเรือน
"ข้าไปกับเ้า" สีหน้าของหลี่เฉิงฉายความอับจนปัญญา ทว่าความรู้สึกอบอุ่นกลับปะทุขึ้นในใจ "เมื่อวานข้าบอกเ้าแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เอาร่างกายของตนเองมาล้อเล่น เ้าวางใจได้"
เมื่อเห็นว่าซ่งอวี้จะเอ่ยปากพูด หลี่เฉิงก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที "ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่มีวันยอมให้เ้าขึ้นไปบนหุบเขาตามลำพัง หากเ้าทิ้งข้าแล้วไปลำพัง เช่นนั้นข้าจะแอบตามเ้าขึ้นเขาไป"
ซ่งอวี้ทั้งโมโหและทั้งตลก ทว่าไม่ปฏิเสธเขาแล้ว "ก็ได้"