เยว่เฟิงเกอไม่เคยไปเยือนหอแปดทิศมาก่อน เพราะที่นั่นลึกลับมาก ตั้งอยู่ข้างๆ ตำหนักเย็น
แน่นอนว่านางไม่เคยมาที่ตำหนักเย็นมาก่อน จึงไม่รู้ว่าจวนอ๋องยังมีสถานที่ที่เรียกว่าหอแปดทิศอยู่ด้วย
เมื่อนางติดตามเฉียวเฟยจนมาถึงหอแปดทิศ ก็เห็นว่าถานอี้วางม่อหลิงหานลงบนฟูกนอนนุ่มแล้ว
ถานอี้และเฉียวเฟยสบตากันไปทีหนึ่ง และได้เห็นว่าเฉียวเฟยพยักหน้าน้อยๆ ถานอี้ถึงได้กล่าวขึ้นว่า “พระชายาทรงอยู่เป็เพื่อนท่านอ๋องที่นี่สักครู่เถิด พวกเราจะไปตามคุณชายหนานเสียนมารักษาอาการให้ท่านอ๋อง”
ถึงแม้เยว่เฟิงเกอจะไม่รู้ว่าชายที่ชื่อหนานเสียนผู้นั้นคือใคร แต่นางก็ไม่คิดห้ามคนทั้งสองไม่ให้ไปตามหาเขา
ตอนนี้ถานอี้และเฉียวเฟยต่างก็คิดว่าในเมื่อท่านอ๋องของพวกเขาตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพระชายาแล้ว อีกทั้งพระชายาเองก็ได้เห็นตอนที่พิษในร่างท่านอ๋องกำเริบแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็ต้องปิดบังอะไรต่อพระชายาอีก จึงพร้อมใจกันเปิดช่องลับที่กำแพงต่อหน้าเยว่เฟิงเกอ ไม่นานประตูบานหนึ่งก็เปิดออก เผยให้เห็นเส้นทางดำมืดที่ทอดยาวไม่เห็นปลายทาง
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่าหอแปดทิศจะมีค่ายกลเช่นนี้อยู่ด้วย
ถานอี้และเฉียวเฟยมองเยว่เฟิงเกอไปทีหนึ่ง แล้วจึงเดินหายเข้าไปในทางลับนั้น
ตอนที่คนทั้งสองจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้มีโอกาสจับชีพจรให้ม่อหลิงหาน
นางตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าม่อหลิงหานเองก็ต้องพิษไฟหนาวเช่นเดียวกับฮองเฮา เพียงแต่พิษในร่างเขานับว่ารุนแรงกว่าฮองเฮาหลายเท่า
ยิ่งกว่านั้น เดิมทีพิษนี้ควรต้องกำเริบในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงหรือก็คือคืนพรุ่งนี้ แต่ม่อหลิงหานกลับกำเริบล่วงหน้าถึงหนึ่งวัน
ยิ่งเยว่เฟิงเกอจับชีพจรของม่อหลิงหานก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึง นางค้นพบว่าในร่างกายของเขายังมีพิษอีกชนิดอยู่ด้วย ซึ่งพิษอีกชนิดที่ว่านี้เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในร่างกายเขาได้ไม่นาน
ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าเหตุใดพิษไฟหนาวของม่อหลิงหานถึงได้กำเริบล่วงหน้า เดิมทีพิษชนิดใหม่นี้มีฤทธิ์คานกันกับพิษไฟหนาว แต่เมื่อพิษทั้งสองชนิดมาเจอกัน บวกกับม่อหลิงหานใช้กำลังภายใน จึงทำให้อาการกำเริบขึ้นมาก่อนเวลา
ใครกันนะที่คิดจะทำร้ายม่อหลิงหานและฮองเฮา?
คำถามนี้ปรากฏขึ้นในสมองเยว่เฟิงเกอ แต่นางไม่มีเวลาให้คิดมาก เพราะตอนนี้ต้องทำในสิ่งที่ควรทำคือรีบถอนพิษให้ม่อหลิงหาน
แม้ในตัวนางตอนนี้จะมีแค่ยาที่ใช้ถอนพิษไฟหนาว แต่ก็ไม่มีเวลามาสนใจอะไรให้มากมายอีกแล้ว นางหยิบขวดกระเบื้องเคลือบใบนั้นออกมา
เยว่เฟิงเกอมองชายที่หลับตาแน่น หากยังไม่ช่วยถอนพิษให้เขา เกรงว่าหากปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีกสักหนึ่งชั่วยาม เขาคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อีก
เยว่เฟิงเกอบีบปากม่อหลิงหาน อยากจะฝืนเปิดปากเขา
มิคาดอีกฝ่ายจะมีกลไกป้องกันตัวเองเช่นนี้ กัดริมฝีปากไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของม่อหลิงหานยิ่งไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเริ่มม่วงคล้ำขึ้นบ้างแล้ว เยว่เฟิงเกอก็ร้อนใจแล้วจริงๆ นางไม่สนว่าในขวดนั้นเป็ยาพิษหรือไม่ รีบเทใส่ปากตน จากนั้นโค้งกายลงไปประกบปากม่อหลิงหาน
คล้ายว่าม่อหลิงหานรับรู้ได้ถึงััจากริมฝีปากของเยว่เฟิงเกอ เขาค่อยๆ เปิดปากออก
เยว่เฟิงเกอส่งต่อยาพิษในปากให้ม่อหลิงหาน บังคับเขาให้กลืนยาลงคอ
เมื่อม่อหลิงหานกลืนยานั้นลงไปจนหมดแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้รีบร้อนวิ่งออกไปอาเจียน
โชคดีที่นางไม่ได้กินพิษนั่นเข้าไป ยามนี้นางสำรอกพิษที่หลงเหลืออยู่ในปากทั้งหมดออกมาจนหมดสิ้น
เมื่อเยว่เฟิงเกอกลับมา ก็เห็นว่าม่อหลิงหานไม่นอนขมวดคิ้วอีกแล้วเช่นเดียวกับรอยม่วงคล้ำตามใบหน้าที่เริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติ
เยว่เฟิงเกอผ่อนลมหายใจออกด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าพิษไฟหนาวนี้คงจะถูกถอนออกไปได้เกินครึ่งแล้ว เพียงแต่ม่อหลิงหานยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอทำได้แค่เฝ้าอยู่ข้างกายม่อหลิงหาน นางไปที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้นด้วย้าจะอยู่ดูจนกว่าม่อหลิงหานจะฟื้นขึ้นมา
เยว่เฟิงเกอนั่งอยู่ข้างกายม่อหลิงหานพร้อมจับมือเขาไว้พลางจับชีพจรให้เขาไปด้วย
อันที่จริงตอนเยว่เฟิงเกอป้อนยาให้ม่อหลิงหาน เขาก็เริ่มฟื้นสติแล้วจึงรับรู้ได้ว่านางกำลังจุมพิตเขา อีกทั้งตอนที่เขากำลังจะโต้ตอบอะไรกลับไป กลับมีรสขมบางอย่างไหลลงคอ
ม่อหลิงหานไม่รู้ว่าเยว่เฟิงเกอป้อนอะไรให้เขากิน แต่เมื่อยานั่นไหลเข้าสู่ร่างกายเขา ความร้อนหนาวที่ผสมปนเปกันในร่างกายกลับดีขึ้นกว่าครึ่งทันที
ม่อหลิงหานคิดอย่างตื่นตะลึงว่า เยว่เฟิงเกอเป็ใครกันแน่ แล้วนางรู้วิธีถอนพิษไฟหนาวนี้ได้อย่างไร?
ทว่า ตอนที่ม่อหลิงหานกำลังตกตะลึงอย่างยิ่งนั้น กลับบังเอิญได้ยินเสียงฝีเท้าเยว่เฟิงเกอรีบร้อนวิ่งออกไป
เขาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เห็นว่านางกำลังอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง
ตอนแรกม่อหลิงหานยังคิดว่านางคงกำลังรังเกียจเขา แต่แล้วเขาก็ลบความคิดนี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว เพราะได้เห็นว่าสุดท้ายแล้วนางก็เดินกลับมาหาเขา ม่อหลิงหานจึงต้องรีบปิดตาลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ในตอนนี้ม่อหลิงหานรู้แล้วว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีความคิดจะทำร้ายเขา มิเช่นนั้นเมื่อครู่นับเป็โอกาสที่ดีที่สุดแล้ว แต่นางไม่เพียงไม่ทำร้ายเขา ซ้ำยังช่วยเขาถอนพิษไฟหนาวออกไปได้กว่าครึ่ง
ม่อหลิงหานที่เดิมทียังสงสัยในฐานะของเยว่เฟิงเกออยู่ แต่จู่ๆ ยามนี้ ก็ไม่อยากไปสนใจแล้วว่านางเป็ใคร ไม่ว่าเยว่เฟิงเกอจะเป็องค์หญิงแคว้นเสวี่ยอวี้จริงหรือไม่ นับจากนาทีนี้ไปมิมีสิ่งใดสำคัญอีกแล้ว
ม่อหลิงหานรู้แค่ว่า สตรีตัวน้อยตรงหน้าคนนี้เป็พระชายาของเขา ไม่ใช่ศัตรู
หลังจากเยว่เฟิงเกอจับชีพจรให้ม่อหลิงหานแล้ว ก็ค้นพบว่าพิษไฟหนาวในร่างเขาไม่ได้ถูกถอนออกไปจนหมด
ดูเหมือนว่า หากนางอยากจะกำจัดพิษไฟหนาวออกไปจากร่างม่อหลิงหาน คงต้องเพิ่มสมุนไพรเข้าไปอีกชนิด
แต่หากสมุนไพรชนิดนี้ผสมรวมกับสมุนไพรชนิดอื่น ยาถอนพิษที่ทำออกมาได้จะมีฤทธิ์ไม่ถูกกับยาพิษอีกชนิดในร่างม่อหลิงหาน
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่าพิษร้ายสองชนิดในร่างกายม่อหลิงหานจะตึงมือเพียงนี้
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังขบคิดอย่างจริงจังว่าจะใช้วิธีใดในการถอนพิษร้ายในร่างให้ม่อหลิงหาน จู่ๆ ประตูทางลับนั่นก็เปิดออกอีกครั้ง
ถานอี้และเฉียวเฟยเดินนำออกมาก่อน ส่วนผู้ที่ตามหลังพวกเขามาติดๆ เป็ชายงามราวเทพเซียนที่สูงส่งเหนือโลกีย์ผู้หนึ่ง
เขาสวมอาภรณ์สีขาว ในมือถือพัด กำลังเดินออกมาจากทางลับด้วยท่วงท่าสง่างาม
ตอนที่ชายคนนั้นเห็นเยว่เฟิงเกอ เขาอึ้งไปก่อน แต่เพียงครู่เดียวใบหน้าก็กลับมาแย้มยิ้มเป็มิตรได้อีกครั้ง
“ท่านนี้คงจะเป็พระชายากระมัง กระหม่อมกงซุนหนานเสียนพ่ะย่ะค่ะ ถวายบังคมพระชายา” ชายคนนั้นกล่าว ก่อนจะประสานมือคารวะเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอรีบร้อนลุกขึ้นคารวะตอบกงซุนหนานเสียน “สวัสดี ข้าเยว่เฟิงเกอ”
หลังจากกงซุนหนานเสียนมองเยว่เฟิงเกออย่างลุ่มลึก เขาถึงได้ก้าวยาวๆ ไปหาม่อหลิงหาน
เขายกข้อมือของม่อหลิงหานขึ้น หลังจากจับชีพจรเสร็จ ก็วางมือคนกลับไปบนฟูก
“คุณชายหนานเสียน ท่านอ๋องของพวกเราเป็อย่างไรบ้าง? ” ถานอี้และเฉียวเฟยถามขึ้นด้วยความเป็กังวลยิ่ง
กงซุนหนานเสียนมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาลุ่มลึกอีกครั้ง ถึงได้โบกพัดเบาๆ กล่าวตอบ “ร่างกายของท่านอ๋องพวกเ้าไม่เป็อะไรมากแล้ว”
“อะไรนะ จะเป็ไปได้อย่างไร? ” ถานอี้และเฉียวเฟยมีสีหน้าตื่นตะลึง
ตอนที่พวกเขาจากไป ท่านอ๋องยังสลบไสลเพราะพิษกำเริบอยู่เลย เหตุใดผ่านไปครู่เดียวท่านอ๋องของพวกเขาถึงได้ไม่เป็ไรแล้ว?
พวกเขารู้ดี ทุกครั้งที่ท่านอ๋องพิษกำเริบ ความเ็ปทรมานนี้จะคงอยู่นานถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน
ต่อให้จะใช้กำลังภายในกดไว้ก็ไม่มีทางจะหายดีอย่างรวดเร็วเช่นนี้
แต่วันนี้กงซุนหนานเสียนกลับบอกว่าท่านอ๋องของพวกเขาไม่เป็อะไรแล้ว นี่มันเื่อะไรกัน?
ถานอี้และเฉียวเฟยสบตากันไปทีหนึ่ง ก่อนจะพร้อมใจกันหันเหสายตาไปทางเยว่เฟิงเกอ