พอพูดเสร็จรอยแสยะยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของฉินเฟิง เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องของเฝิงเทียนหัว
เฝิงเทียนหัวยังโอดโอยอยู่บนพื้นแต่เมื่อเขาเห็นแบบนี้ เขาก็ใเหมือนเห็นแมลงสาบเขาเมินความเจ็บและรีบวิ่งแบบล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในห้อง
เมื่อเข้าห้องมาเฝิงเทียนก็หัวรีบมาที่โน้ตบุ๊คและใช้ตัวเองบังไว้ไม่ให้ฉินเฟิงเห็นถ้าฉินเฟิงเห็นมัน เขาต้องจบเห่แน่ เพราะตระกูลฉินสามารถส่งคนมาทำลายเขาได้เพียงไม่กี่นาที
ฉินเฟิงรู้ว่าเฝิงเทียนหัวคิดอะไรถ้าเขาบังโน้ตบุ๊คแล้วอย่างไร? ฉินเฟิงยังมองทะลุเขาได้อยู่ดีเขายิ้มให้เฝิงเทียนหัวพลางกล่าว “น้องเฝิง ทำไมนายยังไม่เริ่มล่ะ? เอาล่ะ ไปด้วยกันเถอะ ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งสนุก เนอะ?”
“นายน้อยฉิน อย่าเลยได้โปรด ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบคุณและผมไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้หรอก” ในขณะที่ฉินเฟิงเดินมาเฝิงเทียนหัวก็หลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาและรีบหยุดเขากลัวว่าเขาจะค้นพบสิ่งที่เขากำลังทำ
“เสี่ยวเฝิงจื่อ อย่าอายไปเลย เราทั้งคู่ก็ผู้ชาย เอาล่ะฉันจะไปก่อนนายจะได้รู้สึกดีขึ้น” ฉินเฟิงเล่นกับเฝิงเทียนหัวพอแล้วและดึงเขามาข้างๆ ทันทีเขาจ้องไปที่โน้ตบุ๊คและแกล้งทำเป็ประหลาดใจพร้อมกับกล่าว “น้องเฝิงนายชอบถ่ายวิดีโอพวกนี้นี่เอง...เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนภาพบนโน้ตบุ๊คนี้มันดูคุ้นๆ นะ ไม่ใช่ว่านี่มันห้องฉันเหรอ?”
“เสี่ยวเฝิงจื่อ นี่นายกำลังทำอะไร?” รอยยิ้มที่เป็มิตรของฉินเฟิงหายไปและใบหน้าของเขาก็คล้ำลงขณะที่จ้องไปหาเฝิงเทียนหัว
เฝิงเทียนหัวรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวขาหมดเรี่ยวแรงและใจนเกือบจะล้มลงกับพื้น เขาไม่มีแม้แต่จะแรงจะพูดแก้ตัว
เมื่อเห็นว่าเฝิงเทียนหัวกำลังกลัวขนาดไหนฉินเฟิงก็หัวเราะในใจเขาแสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้มานานเพราะกลัวว่ายันต์มองทะลุจะเปิดเผย เขาจึงทำได้แค่‘บังเอิญ’ พบแผนของเฝิงเทียนหัว แม้ว่าจะมีคนอื่นกำลังสอดแนมอยู่ฉินเฟิงก็ไม่ได้กังวล
“เสี่ยวเฝิงจื่อ นายกำลังเล่นตลกกับฉันเหรอ? ฉันอุตส่าห์ปฏิบัติกับนายอย่างสนิทสนมเหมือนกับมือและเท้าอยากจะเป็เพื่อนกับนาย แต่นายกลับทำเื่แบบนี้ลับหลังฉันในเมื่อนายทำเช่นนี้ก็อย่าหาว่าฉันไม่ยุติธรรมก็แล้วกัน”
เพียะ!
หลังพูดจบเขาก็เอื้อมมือไปตบเฝิงเทียนหัวที่กำลังจะขอความเมตตา แต่ก็สายเกินไป
“เสี่ยวเฝิงจื่อ นายทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ นายรู้หรือเปล่าแม้ว่าฉันจะตบหน้านาย แต่ภายในใจฉันก็รู้สึกเ็ป”
เพียะ!
ก่อนที่เฝิงเทียนหัวจะพ่นเืออกมาฉินเฟิงก็ตบเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้ฟันหน้าสองซี่ของเขากระเด็นลอยไปแล้วทันใดนั้นเฝิงเทียนหัวก็รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย เขากรีดร้องในใจ ‘เวร!แกพูดว่าในใจแกเ็ป แต่แกยังตบฉันแรงขนาดนี้เนี่ยนะ? ตบนั่นคงจะขยี้หัวใจแกเลยสิ!’
หลังจากโดนตบไปสองครั้งใบหน้าอันหล่อเหลาของเฝิงเทียนหัวก็บวมตุ่ยเหมือนหมูฉินเฟิงถอนหายใจและนั่งลงบนโซฟา มันไม่ใช่ว่าเขาเหนื่อยแต่เขาเจ็บมือหลังจากที่ตบเฝิงเทียนหัวไปแรงขนาดนั้น
“ติ๊ง...ระบบราชันเ้าสำราญมีภารกิจ :ข่มขู่เฝิงเทียนหัวและหาว่าใครอยู่เื้ั!”
“ระยะเวลาภารกิจ : 3 วัน”
“เมื่อภารกิจลุล่วงจะได้รับแต้มสำราญ 100 แต้มเป็รางวัลหากล้มเหลวโฮสต์จะถูกส่งเข้าคุก”
...
“ติ๊ง...ระบบราชันเ้าสำราญมีภารกิจ : หาหนอนบ่อนไส้ในโรงแรมหวงเจีย”
“ระยะเวลาภารกิจ : 7 วัน”
“เมื่อภารกิจลุล่วงจะได้รับแต้มสำราญ 100 แต้มเป็รางวัลหากล้มเหลวโฮสต์จะเสียหุ้นของโรงแรมหวงเจีย”
...
หุ้นของโรงแรมหวงเจีย?
ภารกิจที่สองที่ออกโดยระบบราชันเ้าสำราญทำให้ฉินเฟิงสับสนถ้าเขาจำไม่ผิดเขาไม่มีหุ้นเป็ของตัวเอง
หลังจากครุ่นคิดได้สักพักหนึ่งฉินเฟิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาลุงฝูและถาม “ลุงฝูครับพ่อผมได้โอนหุ้นบางส่วนของโรงแรมหวงเจียให้ผมเหรอ?”
เมื่อลุงฝูได้ยินคำถามนี้ความประหลาดใจก็โผล่ขึ้นในแววตา เขารู้ว่าฉินเฟิงเป็เ้าของหุ้นในโรงแรมหวงเจีย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเมื่อเร็วๆ นี้ นายท่านฉินได้แอบโอนหุ้นจำนวนมากให้กับฉินเฟิง
มีเพียงเขาและนายท่านฉินเท่านั้นที่รู้แล้วนายน้อยรู้เื่นี้ได้อย่างไร?
“ใช่แล้วครับ นายน้อย!นายท่านฉินได้โอนหุ้นของเขาในโรงแรมหวงเจียทั้งหมดให้แก่นายน้อยแล้ว”หลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง ลุงฝูก็ตัดสินใจบอกความจริงแก่ฉินเฟิง
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” ฉินเฟิงวางสายและครุ่นคิดสักพักแต่ก็ไม่รู้ว่าพ่อของเขากำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักของเขาไม่ได้อยู่ที่หุ้น แต่อยู่ที่ภารกิจทั้งสองที่เพิ่งออกมา
สองภารกิจนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อใช้ความรุนแรงเท่านั้นฉิงเฟิงเข้าไปที่บันทึกการโทร
“ดูเหมือนนายน้อยผู้นี้ต้องหาผู้ช่วยมาช่วยสอบปากคำให้ซะแล้ว”
เขาไม่ได้ตัดใจเื่นี้เพราะมือเจ็บหลังจากตบคนไป
“นายน้อยฉิน มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ?” จางเปียวที่กำลังดื่มอยู่ในบาร์ตอนนี้เมื่อเห็นฉินเฟิงโทรหา เขาก็รีบหาที่เงียบๆ ก่อนจะรับสาย
“มาที่ห้อง 665 ในโรงแรมหวงเจียคนเดียวอย่างไวที่สุด!”
ฉินเฟิงวางสายและยิ้มขณะที่มองไปหาเฝิงเทียนหัวทำให้เฝิงเทียนหัวขนลุกขนพองไปทั้งตัว
10 นาทีต่อมา จางเปียวก็มาถึง
เมื่อเห็นฉากในห้องที่มีชายสองหญิงสองเขาก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเวลาที่ผ่านมาเฝิงเทียนหัวพยายามพูดหวานกับฉินเฟิงอย่างต่อเนื่อง ขอร้องให้ปล่อยเขาไป
อย่างไรก็ตามฉินเฟิงไม่สนใจเขาและไม่แม้แต่จะพูดกับเฝิงเทียนหัว เมื่อจางเปียวมาถึงเขายืนขึ้นและถาม “จางเปียว นายเคยฆ่าคนมากี่คนแล้ว?”
ปากของจางเปียวกระตุกและเกือบจะใเขาไม่เคยคิดว่าทันทีที่เข้ามาในห้อง ยังไม่ทันได้หายใจฉินเฟิงก็ถามคำถามแบบนี้ตรงๆ เลย
หลังจากลังเลสักครู่หนึ่งจางเปียวกัดฟันและตอบตามความจริง “สามครับ!”
เมื่อจางเปียวพูดขึ้นผู้หญิงทั้งสองคนก็กลัวจนตัวแข็ง พวกเธอรู้ว่าโดยทั่วไปแล้วจางเปียวเป็คนแบบไหนหลังจากได้ยินว่าเขาฆ่าคนมาสามคนแล้วเป็ไปได้ว่าฉินเฟิงอยากจะฆ่าปิดปากพวกเธอทั้งหมดเหรอ?
ไม่ใช่ว่านี่มักจะเกิดขึ้นในทีวีอย่างนั้นเหรอ?
“น...นายน้อยฉิน พี่กล้าม เราไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จู่ๆหูเราก็เริ่มตึงและไม่ได้ยินอะไรเลย” ผู้หญิงทั้งสองคนรีบพูด พวกเธอกลัวไม่น้อยไปกว่าเฝิงเทียนหัว
ฉินเฟิงค่อนข้างตลกกับท่าทีของผู้หญิงทั้งสองส่วนจางเปียวไม่รู้ว่าพวกเธอพูดเื่อะไร ในที่สุดฉินเฟิงก็โบกมือและกล่าว“พวกเธอสองคนออกไปได้ ตราบใดที่ไม่ได้พูดอะไรโง่ๆ พวกเธอก็จะไม่เป็อะไร”
“ขอบพระคุณค่ะนายน้อยฉิน! ขอบพระคุณค่ะพี่กล้าม!”เมื่อรู้ว่าพวกเธอเป็อิสระ ผู้หญิงทั้งสองก็รีบวิ่งสุดชีวิตตอนนี้เหลือเพียงสามคนที่อยู่ในห้อง 665
“ดีมาก”
หลังจากที่ผู้หญิงทั้งสองคนออกไปฉินเฟิงก็เดินมาข้างๆ จางเปียวเขาให้ลุงฝูตรวจสอบจางเปียวมานานและรู้เื่ทั้งหมดแล้วเมื่อเห็นว่าจางเปียวไม่ได้โกหก เขาก็ยิ้มพร้อมตบไหล่และถาม“แล้วนายจะว่าอะไรไหมที่จะเพิ่มอีกสักคน?”