บทที่ 124 นี่ถึงขั้นเปิดศึกกันเลยเหรอ
ตอนที่สวี่จือจือออกจากห้อง ลู่จิ่งซานกำลังออกกำลังกายบนบาร์คู่ในลานบ้านอยู่พักหนึ่งแล้ว
ถึงผู้ชายคนนี้จะขาข้างหนึ่งาเ็ แต่ก็ไม่กระทบความคล่องแคล่วในการออกกำลังกายบนบาร์คู่เลย
หยาดเหงื่อไหลลงมาตามเสื้อกล้ามลายสองแถบสีเขียวทหาร ผิวสีแทนยิ่งดูน่าหลงใหล
ผู้ชายร้ายกาจนี่ช่างเ้าเล่ห์จริงๆ!
ั้แ่วันหนึ่งที่เธอตื่นเช้ามาแล้วบังเอิญเห็นเขาออกกำลังกายบนบาร์คู่ นั่นเป็ครั้งแรกที่สวี่จือจือเห็นลู่จิ่งซานเต็มไปด้วยพลังชายฉกรรจ์
ตอนนั้นเืกำเดาไหลเลยทีเดียว
หลังจากนั้นสวี่จือจือก็สังเกตว่าลู่จิ่งซานชอบโชว์หุ่นให้เธอเห็นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจอย่างเช่นตอนนี้
รู้อยู่แล้วว่าเธอชอบแบบนี้ ยังจะมายั่วเธออีก
ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
เธอโบกหมัดใส่ด้านหลังของเขาสองสามที แล้วเบ้ปากเดินไปครัวด้วยความโมโห
“จิ่งซานไปทำอะไรให้เธอโกรธเหรอ?” ลู่ซือหยวนที่กำลังทำกับข้าว เห็นอีกฝ่ายเดินออกมาหน้าบูดหน้ามู่ก็ยิ้มแล้วถาม “ฉันเห็นเขาเคลื่อนไหวตอนออกกำลังกาย ่นี้ดูคล่องกว่าแต่ก่อนนะ”
“ค่อ” สวี่จือจือพยักหน้าแล้วถาม “เื่ที่ฉันบอกพี่ คิดยังไงบ้างแล้วคะ?”
“ฉันว่าน่าจะได้” ลู่ซือหยวนพูด “แต่ฉันกลัว ฉันเป็ผู้หญิงตัวคนเดียว เธอว่ามันจะสำเร็จเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ได้คะ?” สวี่จือจือพูด “พี่ได้เื่ได้ราวหน่อยจะได้ไหม คิดถึงอนาคตนะ ไม่สำเร็จก็ต้องทำให้สำเร็จ”
เื่ที่เธอบอกคืออยากชวนลู่ซือหยวนเปิดร้านซาลาเปาข้างสถานีขนส่งด้วยกัน ซาลาเปาของพวกเธอมีชื่อเสียงที่สถานีอยู่แล้ว เปิดร้านก็ไม่ต้องกลัวไม่มีคนมากิน
แถมจากเื่ครั้งก่อนที่หัวหน้าสถานีถูกสอบสวน ตระกูลลู่ไม่หลบเลี่ยง กลับช่วยให้หลักฐานมากมาย หัวหน้าสถานีถึงผ่านเื่นั้นมาได้ง่ายๆ เพราะงั้นความสัมพันธ์กับพวกเขาก็ยิ่งใกล้ชิดกันขึ้น
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นโยบายเปิดกว้าง อนุญาตให้ทำธุรกิจ แต่ไม่ได้แปลว่าใครก็ทำได้” สวี่จือจือพูด “พี่อยากเป็คนกลุ่มแรกที่ได้กินปู หรืออยากตามหลังคนอื่น สุดท้ายอาจไม่ได้แม้แต่ขาปู?”
“คือว่า” ลู่ซือหยวนเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วพูด “วันนั้นฉันไปซื้อของให้คุณย่าที่ตัวอำเภอ บังเอิญเห็นหน้าร้านข้างสถานีร้านหนึ่งไม่เลว แต่ว่าคนเขาจะขาย”
“เที่ยงนี้พวกเราไปดูกันค่ะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “ใช้ได้เลยพี่หยวนหยวน ยังมาบอกฉันอีกว่าไม่มีความมั่นใจ?”
นี่ถึงขั้นไปสืบหน้าร้านมาแล้ว
“แต่ถ้าทำเลดี พวกเรารวบรวมเงินดู ถ้าซื้อได้ก็น่าจะดีค่ะ” สวี่จือจือพูด
ถึงจะเป็อำเภอเล็กๆ แต่คนเยอะ แถมสถานีคนผ่านเยอะ ตอนนี้ซื้อไว้ ต่อไปขายต่อก็ได้กำไรก้อนโต
ฝั่งลู่จิ่งซานออกกำลังกายบนบาร์คู่พักใหญ่ก็ไม่เห็นภรรยาตัวน้อยออกมา พอทำท่าสุดท้ายเสร็จ ถึงเห็นสวี่จือจือยิ้มออกมาจากครัว
มีเื่อะไรดีๆ อีก?
ลู่จิ่งซานเคยคิดมาตลอดว่าเขาชอบสวี่จือจือเพราะอะไร?
ก็รอยยิ้มนี้นี่แหละ
ไม่ว่าจะเจออะไร รอยยิ้มบนหน้าเธอมักจะเต็มไปด้วยความมองโลกในแง่ดีและพลังบวก
รอยยิ้มที่ส่องสว่างอบอุ่นในหัวใจของเขา
“คุณยืนอยู่ตรงนั้นทำไม?” สวี่จือจือถูกเขาจ้องจนอึดอัด ก็บ่นว่า “รีบไปล้างตัว กินข้าวได้แล้ว”
พูดจบเธอก็เล่าเื่ที่คุยกับลู่ซือหยวนเกี่ยวกับการหาหน้าร้านให้เขาฟัง
ลู่จิ่งซานไม่พูดอะไร กลับหยิบขวดน้ำกระป๋องมากินน้ำอึกใหญ่ หยดน้ำซุกซนไหลลงมาตามลูกกระเดือกของเขา
ต้องรีบไป!
สมองสวี่จือจือตื่นตัวทันที อันตรายข้างหน้ามาแล้ว หมอนี่เริ่มใช้เสน่ห์ผู้ชายยั่วเธออีกแล้ว
“ฉันกลับห้องก่อนนะ” เธอทิ้งคำนี้ไว้แล้วรีบวิ่งเข้าห้องตัวเองอย่างตื่นตระหนก
ลู่จิ่งซานที่กินน้ำเสร็จอย่างสะใจก็งงๆ
เกิดอะไรขึ้น?
ตอนนี้เขาโดนสวี่จือจือฝึกมาให้ตื่นเช้ามาดื่มน้ำหนึ่งแก้วทุกวัน แต่เช้านี้ความแปลกของสวี่จือจือและความฝันนั้น ทำให้เขารู้สึกอยากะเิอะไรบางอย่าง
ออกจากห้องมาลืมกินน้ำ ออกกำลังกายบนบาร์คู่พักใหญ่ถึงกดความหงุดหงิดในตัวลงได้ แล้วก็เห็นสวี่จือจือออกมาจากครัว
เขาจะตอบคำเธออยู่แล้ว แต่ไม่สบายคอ เลยคิดจะกินน้ำก่อนค่อยคุย
แต่ชัดเจนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง!
แต่อาการเข้าใจผิดนี้ น่าจะเป็เพราะเธอเขิน?
ลู่จิ่งซานงุนงง เขาทำอะไรให้เธอเขินกัน?
กินข้าวเช้าเสร็จ สวี่จือจือบอกคุณนายลู่ แล้วออกไปกับลู่ซือหยวน
“คุณเอานี่ไปด้วย” ลู่จิ่งซานยื่นเงินปึกหนึ่งให้สวี่จือจือ
“คุณเงินเยอะแบบนี้ั้แ่เมื่อไหร่?” สวี่จือจือจ้องเขา ไม่ใช่ว่าบอกว่าเงินเดือนและสมุดฝากเงินให้เธอหมดแล้วเหรอ?
ทำไมเธอไม่รู้ว่าเขายังมีเงินเยอะขนาดนี้?
นึกถึงตอนก่อนปีใหม่ที่ไปตลาด ลู่จิ่งซานใช้เงินฟุ่มเฟือย สวี่จือจือรู้สึกว่าอย่าให้เขาพกเงินเยอะดีกว่า
คุณชายไม่รู้ความลำบากของคน ว่าหาเงินมันยากแค่ไหน!
“อ้อ” ลู่จิ่งซานเข้าใจแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เงินส่วนตัว เป็ค่าตอบแทนที่ผมช่วยคนอื่นเื่เล็กๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน”
ช่วยเื่เล็กๆ ได้ค่าตอบแทนเยอะขนาดนี้?
สวี่จือจือสงสัย แต่คิดถึงงานลับของเขาก็ไม่ได้ถามต่อ
“อีกส่วนเป็เงินปันผลจากร้าน” เขาพูดต่อ “ถ้าพวกคุณอยากเปิดร้านก็ไปถามเสวี่ยหมินดู เขามีไอเดียเื่นี้เยอะ”
“ได้ ขอบคุณนะ” สวี่จือจือยิ้มแต่ไม่รับเงินเขา “เงินเปิดร้านพวกเรามีอยู่แล้ว ถ้าไม่พอค่อยยืมคุณ”
ลู่จิ่งซานขมวดคิ้ว “ยืม?”
“ใช่สิ พี่น้องก็ต้องคิดบัญชีให้ชัด” สวี่จือจือพูด
ส่วนเื่ในอนาคตค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เธอไม่อยากใช้เงินของลู่จิ่งซาน
ลู่จิ่งซานก็ไม่ยืนกราน
ยังไงในใจเขา สวี่จือจือคือคนที่เขาจะปกป้องไปตลอดชีวิต เงินของเขาก็คือเงินของเธอ ยืมหรือไม่ยืม ก็แค่ย้ายจากกระเป๋าซ้ายไปขวาเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างขอแค่เธอมีความสุข!
แต่สวี่จือจือและลู่ซือหยวนไปตัวอำเภอด้วยความตื่นเต้น เื่หน้าร้านกลับคุยไม่ลงตัว
“หน้าร้านนี้ไม่ใช่ของพวกเรา” คนคนนั้นพูด “พวกเราแค่ช่วยดูแลเท่านั้น เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งไป ก็มีคนมาจะเอาหน้าร้าน เธอก็ไม่ได้วางมัดจำ พวกเราไม่รู้ว่าเธอจะเอาไหม?”
“แต่พวกเราไม่ได้คุยกันแล้วเหรอว่าฉันกลับไปจะ…” ลู่ซือหยวนยังจะพูด แต่สวี่จือจือห้ามไว้
“เ้าของร้าน” สวี่จือจือยิ้มหวานถาม “งั้นคุณบอกได้ไหมว่าใครซื้อหน้าร้านนี้ไป?”
“อันนี้…”
“ถึงคุณไม่บอก อีกไม่กี่วันพวกเราก็รู้อยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ?” สวี่จือจือพูด
“คนหนึ่งแซ่โจว อีกคนหนึ่งแซ่อัน”
โจวเป่าเฉิงกับอันฉิน?
นี่ถึงขั้นเปิดศึกกันเลยเหรอ?
.............................