อากาศหนาวเย็น ท้องฟ้าปลอดโปร่งในเช้าตรู่ฤดูใบไม้ร่วง ถนนที่ห่างออกไปมีผู้คนเดินขวักไขว่ วันนี้เป็วันที่สิบแปด เดือนเก้า ตระกูลหลัวต้องไปรับเหอตังกุยกลับจวน
พลบค่ำวานนี้หยางมามาบอกข่าวแก่แม่ชีหน้าประตูวัดสุ่ยซังว่าพรุ่งนี้เช้าตระกูลหลัวจะส่งเกี้ยวมารับคุณหนูสามกลับจวน นางมาที่นี่เพื่อส่งข่าวและสำรวจว่ามีสิ่งของให้ช่วยจัดสัมภาระหรือไม่ ขณะหยางมามาและแม่ชีผู้นำทางมาถึงห้องปีกซ้ายฝั่งตะวันออกก็พบเหอตังกุยพูดคุยบางอย่างกับเจินจู ความหดหู่ใจฉายชัดบนใบหน้าเจินจู ทว่าใบหน้าของเหอตังกุยถูกคลุมด้วยผ้าหนา
หยางมามาเอ่ยถามด้วยความใ “คุณหนูสาม เหตุใดต้องใช้ผ้าคลุมหน้าหรือใบหน้าท่านมีสิ่งผิดปกติ? เชิญหมอมาดูอาการดีหรือไม่เ้าคะ?” หยางมามาคือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าไท่ไท่มากที่สุด เป็เสมือนตัวแทนของนาง ทั้งยังมีอำนาจในตระกูลหลัวไม่น้อย ด้วยเหตุนี้เมื่อเหอตังกุยได้รับความห่วงใยจากนางจึงเป็เกียรติไม่น้อย
เหอตังกุยรีบลุกขึ้นต้อนรับหยางมามาพร้อมยกเก้าอี้ให้นางนั่งทันที ทว่าน้ำเสียงของเหอตังกุยกลับไม่ตื่นตระหนก เพียงเอ่ยตอบอย่างนิ่งสงบ “ใบหน้าของข้าสบายดีเ้าค่ะ เพียงคัดจมูกเล็กน้อย เกรงว่าจะถูกลมหนาวจึงนำผ้าคลุมหน้าเพื่อป้องกันลม อย่างไรตอนนี้ก็อยู่บนูเา การเชิญหมอมาดูอาการยังไม่ใช่สิ่งจำเป็เ้าค่ะ”
หยางมามารีบเอ่ย “มิใช่เื่ใหญ่อันใด ตอนข้าเดินผ่านเนินเขาก็เห็นหมู่บ้าน ที่นั่นต้องมีหมอเป็แน่ ไม่ลองให้หมอในหมู่บ้านจัดยาช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและขับเหงื่อให้คุณหนูสักสองสามเทียบ เหล่าไท่ไท่พูดชื่อคุณหนูสามตลอดวัน หากรู้ว่าคุณหนูสามไม่สบายเพราะตากน้ำค้างสวดมนต์ภาวนาให้แก่ครอบครัว เหล่าไท่ไท่จะสบายใจได้อย่างไร? ก่อนข้ามาที่นี่ เหล่าไท่ไท่ก็กล่าวกับข้าเป็พิเศษ เพราะรู้ว่าข้าเชื่อถือได้จึงมอบหมายให้ข้านำเกี้ยวมารับคุณหนูสาม ทั้งยังกำชับอีกว่าต้องรอให้คุณหนูสามร่างกายแข็งแรงก่อนค่อยออกเดินทาง ระหว่างทางก็ต้องจอดรถม้าเป็ระยะเพื่อดูว่าคุณหนูสามทนไหวหรือไม่”
เหอตังกุยส่ายศีรษะ “มีคำกล่าวว่า ‘การเชิญนักต้มตุ๋นแย่กว่าการไม่มีหมอ’ แปดเก้าส่วนของยาที่พวกเขาจัดให้ล้วนไม่มีประโยชน์ หากแต่ทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม หยางมามาเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ข้าจะรบกวนท่านได้อย่างไร? เมื่อกลับถึงจวน ไม่ว่าจะเป็เหล่าจูจงหรือท่านลุงทุกท่าน แม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องทุกคน มีใครบ้างที่ไม่ใช่หมอเ้าคะ? เด็กกวาดลานในจวนก็ยังร้องเพลงตามใบสั่งยาได้ ตราบใดที่ในตระกูลหลัวยังมีอากาศหายใจ จมูกของข้าย่อมโล่งสบายแน่นอนเ้าค่ะ”
เมื่อหยางมามาไตร่ตรองก็เห็นว่าคำพูดของนางมีเหตุผล จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสามไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ครั้งนี้เหล่าไท่ไท่ส่งพวกเรามารับท่านกลับจวน เรือนซีคั่วก็ปัดกวาดเช็ดถูสะอาดเหมือนใหม่ เพียงรอให้คุณหนูสามเข้าไปอยู่เท่านั้น”
เมื่อได้ฟังข่าวดีจากหยางมามา เหอตังกุยกลับดูไม่ดีใจเท่าไรนัก นางยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “เช่นนั้นออกเดินทางพรุ่งนี้ยามเฉิน[1]ก็ได้เ้าค่ะ” นางหันไปหาเจินจูพลางเอ่ย “หยางมามาเดินทางมาไกล รบกวนท่านพี่ช่วยจัดหาที่พักและอาหารแทนข้าด้วยนะเ้าคะ”
เจินจูพยักหน้าพลางเอ่ย “หยางมามาพักห้องข้างลานฝั่งเหนือก็ได้เ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ป้าหลิวและพวกก็เคยพักที่นั่น มีทุกสิ่งครบครัน ข้าขอตัวไปเตรียมสำรับที่ห้องครัวก่อน” กล่าวจบก็ลุกเดินจากไป
เหอตังกุยมองแผ่นหลังที่ปกคลุมด้วยผมยาวสลวยระพื้น ก่อนถอนหายใจพลางครุ่นคิด ‘ซิวผิง เ้าเป็สตรีแสนดี อารามชั่วร้ายแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เ้าควรอยู่ แม้เ้าจะไม่ออกเรือนแต่ก็สามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ ข้าเ็ปมากกว่าเ้า ข้าควรซ่อนตัวจากผู้คนตลอดชีวิตเหมือนเ้าหรือไม่?’
เมื่อเห็นคุณหนูสามไม่ตื่นเต้นที่ได้ยินว่าตระกูลหลัวมารับ หยางมามาจึงงุนงงเล็กน้อย นางนำหีบเสื้อผ้า เครื่องประดับและตลับแป้งวางบนโต๊ะ ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหล่าไท่ไท่รู้ว่าคุณหนูสามอยู่ในวัดห่างไกล ไม่สามารถหาซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะสมได้ เสื้อผ้าที่ส่งมาคราวที่แล้วล้วนเป็เนื้อธรรมดา ตอนนี้คุณหนูสามมีโชคยิ่งนักจึงไม่สามารถสวมเสื้อผ้าเช่นนั้นได้ ด้วยเพราะเวลาไม่เพียงพอจะจัดเตรียมเสื้อผ้าใหม่ เหล่าไท่ไท่นึกได้ว่าขนาดตัวของคุณหนูสามและคุณหนูรองไม่ต่างกันนัก จึงขอชุดเหล่านี้มาจากคุณหนูรองก่อน ล้วนเป็ชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อเดือนที่แล้ว คุณหนูรองเคยใส่ไม่กี่ครั้ง เสื้อด้านใน ชุดชั้นในและถุงเท้าล้วนเบิกจากคลัง คุณหนูสามลองสวมดูว่าพอดีหรือไม่?”
เหอตังกุยเปิดดูก็พบว่ามีชุดกระโปรงเฉียนสุ่ยปักลายผีเสื้อคู่พร้อมลายเมฆหนึ่งชุด ชุดผ้าโปร่งปักลายอวี้หลานสีขาวหนึ่งชุด ชุดชั้นกลางจากเส้นไหมน้ำแข็งหนึ่งชุด ชุดชั้นในจากไหมงาช้างหนึ่งชุดและรองเท้าปักลายหรูอี้สีม่วงอมชมพูอีกหนึ่งคู่
นางพินิจเสื้อผ้าเหล่านี้อย่างละเอียด ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อา… กลิ่นคุณหนูรองช่างหอมยิ่งนัก สีเสื้อผ้าสวยงามหรูหราแต่เรียบง่าย การปักลายฉลุก็งดงามไร้ที่ติ ข้าวางมือไม่ลงจริง ๆ เมื่อกลับจวนแล้ว ข้าจะทำถุงหอมสองถุงเพื่อขอบคุณนางและท่านป้ารอง ไม่ทราบว่า่นี้ท่านป้ารองเป็อย่างไรบ้าง สบายดีใช่หรือไม่เ้าคะ? นางคงกลุ้มใจกับงานต่าง ๆ ในบ้านไม่น้อยกระมัง”
หยางมามามองแววตาเหอตังกุยด้วยความใ ในความทรงจำของนาง คุณหนูสามเปรียบเสมือนน้ำเต้าที่พูดเพียงไม่กี่คำ เหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนนิสัยกะทันหัน? เมื่อครู่ที่หยางมามาพูดคุยด้วยก็ตอบกลับเสียหลายประโยค หยางมามาไม่ทันสังเกตการพูดคุยที่เปลี่ยนเป็สุขุมเยือกเย็นของนาง ตอนนี้ก็คาดไม่ถึงว่าคุณหนูสามจะเริ่มบทสนทนาก่อน ทั้งยังถามถึงสถานการณ์ของเอ้อร์ไท่ไท่ ช่างน่าแปลกเสียจริง
ครึ่งปีก่อนขณะคุณหนูสามย้ายเข้าจวนตระกูลหลัว สตรีเด็กตัวเล็กบอบบางผู้นี้งดงามกว่าคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่หลายเท่านัก แม้แต่คุณหนูรองที่ถูกขนานนามว่า “บุปผางาม” แห่งจวนหลัวฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกก็ยังด้อยกว่า เหล่าไท่ไท่รักใคร่เอ็นดูคุณหนูสามผู้มีหน้าตาคล้ายตุ๊กตาลายครามยิ่งนัก นางให้คุณหนูสามมากินอาหารเช้าและอาหารเที่ยงในเรือนบ่อยครั้ง ทว่า่บ่ายมักจะมีแขกจากจวนหลัวตะวันออกและจวนอู่มาเยี่ยมเยือนเหล่าไท่ไท่เป็ประจำ บางครั้งเหล่าไท่ไท่ก็ให้พวกเขากินอาหารเย็นด้วยกัน จึงไม่สะดวกให้คุณหนูสามอยู่ด้วย นางจึงต้องกินอาหารที่โรงครัวส่งให้ในเรือนของตน
่ฤดูใบไม้ผลิงานในจวนยุ่งมาก เอ้อร์ไท่ไท่ผู้ดูแลจวนจึงละเลยที่จะดูแลคุณหนูสาม อาหารเย็นที่ส่งมายังเรือนซีคั่วในทุก ๆ วันก็มีเพียงอาหารของบ่าวรับใช้เท่านั้น ไม่มีอาหารสำหรับคุณหนูสาม นางจึงคิดว่าเอ้อร์ไท่ไท่จงใจริบอาหารจนนางจำต้องกินกับข้าวและซุปของเด็กรับใช้นานกว่าครึ่งเดือน
เมื่อถึงยามที่คุณหนูในจวนต้องตัดชุดสวมใส่ในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อคุณหนูสามได้ยินจึงเฝ้ารอช่างมาวัดขนาดตัวที่เรือน ทว่ารอจนค่ำก็ไม่เห็น คุณหนูสามจึงส่งสาวใช้ไปสอบถาม
สาวใช้ผู้นั้นใจคอคับแคบนัก เมื่อได้ยินคำตอบก็นำกลับมาบอกคุณหนูสามว่าคุณหนูคนอื่นไปวัดตัวกันั้แ่เช้าแล้ว ช่างตัดเสื้อก็กลับนานแล้ว ตอนเที่ยงที่มีคนส่งผ้ามาที่จวนก็ถูกคุณหนูคนอื่นแย่งผ้าสีสันสดใสไปจนหมด เหลือเพียงผ้าสีแดงเข้มลายเป็ดแมนดารินสองสามพับ แต่เอ้อร์ไท่ไท่ก็เก็บไว้ทำปลอกหมอนเสียแล้ว
คุณหนูสามได้ยินดังนั้นก็เดือดดาลมาก นำเื่ราวในครึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้งหมดบอกกล่าวแก่เหล่าไท่ไท่ เหล่าไท่ไท่จึงส่งคนไปเรียกเอ้อร์ไท่ไท่มาสอบถาม
เมื่อเอ้อร์ไท่ไท่มาถึงก็ฉุนเฉียวมาก นางกล่าวยาวเหยียดว่าเื่ในครัวล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของหวังชี่ ตนจะเข้ามาดูแลต่อเมื่อมีงานเลี้ยงสังสรรค์สหายสนิทหรือ่เทศกาลต่าง ๆ เท่านั้น ตนงานยุ่งมากพอแล้ว จะรู้เื่อาหารหรือซุปของเรือนใดในจวนได้อย่างไร? เมื่อส่งอาหารให้ผิด เหตุใดจึงไม่ส่งกลับมา แล้วให้คนนำอาหารชุดใหม่ไปให้ กินมาครึ่งเดือนเพิ่งจะบอกว่าส่งผิด อยากให้คนอื่นนินทาเื่ยุ่งเหยิงในครอบครัวและหัวเราะเยาะที่นางไร้ความสามารถแม้จะเป็ผู้จัดการจวนหรือ? เมื่อพูดถึงเื่ตัดชุดในวันนี้ นางก็ยิ่งโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ คุณหนูทุกคนล้วนไปที่หอซินซินเพื่อขอให้ช่างม่ายวัดตัว มีเพียงคุณหนูอี้ที่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา นายช่างม่ายเคยเป็ช่างตัดชุดในพระราชวังที่มีความชำนาญมาก แต่ไม่รับงานตัดชุดมานานแล้ว ทว่าเพราะเห็นแก่หน้าตระกูลหลัวจึงยอมตัดชุดให้คุณหนูทุกท่าน เขารออยู่นานแต่กลับไม่เห็นคุณหนูอี้ ทุกคนจึงแยกย้าย หรือเป็เพราะตนคือผู้ดูแลจวน ไม่ว่าจุดไหนผิดพลาดก็ล้วนเป็ความผิดของตนทั้งสิ้น?
เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นเอ้อร์ไท่ไท่เริ่มลุกเป็ไฟ จึงสั่งคนไปยกชามะลิมาให้คุณหนูเหอถ้วยหนึ่งเพื่อนำไปขอโทษเอ้อร์ไท่ไท่ เหตุการณ์เข้าใจผิดจึงถูกขจัดด้วยวิธีนี้ ในจวนมีความเข้า ๆ ออก ๆ ทั้งวัน เื่เข้าใจผิดจึงเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คุณหนูสามส่งถ้วยชาด้วยมือข้างเดียวอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อเอ้อร์ไท่ไท่เห็นดังนั้นจึงไม่พอใจ นางบอกว่าตอนที่คุณหนูเฉียวและคุณหนูเส่าอายุสามขวบก็รู้ความใช้สองมือยกชาให้ผู้าุโ แม้เสี่ยวอี้จะไม่ได้เติบโตในจวนนี้ แต่เื่มารยาทเล็กน้อยนั้น แม้แต่สตรีที่ร้องรำทำเพลงในโรงน้ำชายังเข้าใจ หรือคุณหนูอี้ไม่เข้าใจ?
คุณหนูสามเบะปากพลันร้องไห้ในทันใด เหล่าไท่ไท่จึงรีบสั่งคนไปเช็ดน้ำตาแล้วพานางไปปลอบที่ห้องอื่น ก่อนตำหนิเอ้อร์ไท่ไท่ที่เข้มงวดกับเด็กอายุเพียงเก้าขวบเกินไป ในคำว่าป้าก็มีคำว่า “แม่” หากนางรักและเอ็นดูคุณหนูเฉียวเช่นไรก็ให้รักและเอ็นดูคุณหนูสามเช่นนั้น คนในครอบครัวจะได้รักใคร่กลมเกลียวกัน เอ้อร์ไท่ไท่กดนิ้วลงบริเวณหว่างคิ้วพลางบอกว่าตนปวดหัวเพราะความเครียด เหล่าไท่ไท่ทราบดีว่าการที่นางต้องรับผิดชอบเื่ทั้งหมดในจวนนั้นเหนื่อยและยากลำบาก จึงไม่ตำหนิอะไรมากนัก ก่อนให้คนไปส่งเอ้อร์ไท่ไท่กลับเรือน
ทุกคนในตระกูลหลัวรู้ว่าเอ้อร์ไท่ไท่เป็คนตรงไปตรงมา การเข้าใจผิดครั้งนี้ทำให้นางไม่พอใจมาก นับแต่นั้นนางจึงไม่ชอบคุณหนูเหอเท่าไรนัก
เรือนเป่าฉินของนางมักจัดงานเลี้ยงน้ำชาคุยเื่บทกวีหรืองานเลี้ยงชมดอกไม้ในวันแรกและวันที่สิบห้าตามปฏิทินจันทรคติ นอกจากคุณหนูคุณชายในจวนแล้ว ยังเชิญจวนหลัวฝั่งตะวันตก จวนอู่และจวนซุน ทุกคนล้วนพูดคุยสนุกสนานครึกครื้น กระชับความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เดิมทีงานน้ำชาในฤดูใบไม้ผลิถูกจัดขึ้นหลายวัน เหล่าไท่ไท่ก็ส่งบัตรเชิญคุณหนูสามให้มาร่วมงาน แต่ด้วยเกิดการเข้าใจผิดครั้งนี้ เอ้อร์ไท่ไท่จึงไม่้าเชิญคุณหนูสาม
เอ้อร์ไท่ไท่บอกว่าคุณหนูคุณชายที่เข้าร่วมงานล้วนเติบโตมาด้วยกัน พวกเขามักพูดล้อเล่นสนุกสนานเป็ประจำ แม้บอกว่าหน้าบานหรือคอหยาบ ท้ายที่สุดเมื่อถึงมื้อค่ำก็จะสงบและกินข้าวด้วยกันเช่นเคย แต่จู่ ๆ กลับมีคุณหนูสามที่ไม่เคยรู้จักเกือบครึ่งชีวิตมาแทรก คงเลี่ยงไม่ได้หากทุกคนจะไม่เป็ตัวเอง จากที่เล่นสนุกกลับกลายเป็หมดสนุก หากแขกทุกคนในงานพูดตามใจคิดแล้วนางร้องไห้ คนที่ขายหน้าคือคนจวนหลัวฝั่งตะวันออก หากนางเกิดรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม เอาแต่เงียบไม่พูดจาแล้ววิ่งไปฟ้องเหล่าไท่จง เช่นนั้นจะไม่ยุ่งยากหรือ
เหตุการณ์ทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของหยางมามา ด้วยเหตุนี้นางจึงเดาว่าแม้คุณหนูสามจะไม่ปริปากพูด แต่ในใจก็ยังคงไม่พอใจเอ้อร์ไท่ไท่ ทว่าเหตุใดตอนนี้คุณหนูสามจึงถามสารทุกข์สุกดิบของเอ้อร์ไท่ไท่ ทั้งยังสนใจว่างานในจวนนั้นยุ่งหรือไม่อีกด้วย?
หยางมามาครุ่นคิดก่อนตอบกลับ “คุณหนูสามพูดถูกแล้ว หลายวันมานี้เอ้อร์ไท่ไท่สุขภาพไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังจัดการเื่น้อยใหญ่ในจวนที่เห็นสมควรอย่างอดทน นางใส่ใจต้อนรับคุณหนูสามกลับจวนยิ่งนัก ท่านดูสิ เสื้อชั้นกลาง ชุดชั้นในและถุงเท้าล้วนเป็เอ้อร์ไท่ไท่ให้คนไปเลือกตามขนาดของคุณหนูสาม การกระทำเช่นนี้แม้แต่เหล่าไท่ไท่ก็คาดไม่ถึง”
“ไอ๊หยา”
จู่ ๆ เหอตังกุยก็อุทาน ทำให้หยางมามาสะดุ้งใพลันรีบเอ่ยถาม “คุณหนูสามเป็อะไรเ้าคะ?”
ใบหน้าของเหอตังกุยที่ถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมหนานั้นไม่สามารถมองเห็นความรู้สึกที่ฉายชัดบนใบหน้าได้ มีเพียงแววตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้นที่ทำให้คนสงสารจับใจ นางมีท่าทีลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็แบฝ่ามือออกมา เมื่อหยางมามาเห็นก็ใมาก ปรากฏหนามแหลมสีขาวหลายอันบนนิ้วเรียวเล็กบอบบางของเหอตังกุย ทั้งยังมีเืไหลซึม
------------------------------------------------------
[1] ยามเฉิน คือ ่เวลา 7:00 - 8:59 น.