หยางมามาประคองมือเรียวเล็กพลางกล่าวเสียงหลง “าเ็ได้เยี่ยงไร? ถูกหนามแหลมคมเช่นนี้ทิ่มแทงจากที่ใดกัน”
เหอตังกุยปาดน้ำตาที่หางตาด้วยมืออีกข้าง ส่ายศีรษะทว่าไม่ยอมพูด
หยางมามาร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไร ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่คุณหนูสามถือชุดผ้าโปร่งปักลายดอกอวี้หลานไม่วางมือ หรือว่า...เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางมามาจึงรีบแหวกชุดผ้าโปร่งบนโต๊ะทันที “ตุบ ๆ ๆ ” หนามเล็กแหลมคมร่วงลงมาหลายเล่ม หยางมามาสีหน้าซีดเผือดทันที ก่อนกล่าวเสียงต่ำ “นี่มันหนามอันใดกัน? เหตุใดในเสื้อผ้าถึงมีหนามได้?”
เหอตังกุยยกมือที่าเ็ขึ้นมา ก่อนเอ่ยวิเคราะห์ “หนามแหลมคมมีขนเล็กสีขาวละเอียด หากดูไม่ผิดน่าจะเป็หนามกระบองเพชรซีฝานเ้าค่ะ”
“กระบองเพชรซีฝาน?” หยางมามาจำได้ว่าเคยพบหนามชนิดนี้ในเรือนคุณหนูรอง แต่เหตุใดเสื้อผ้าที่คุณหนูรองส่งมาจึงมีหนามแหลมคมเ่าั้? สีหน้าของหยางมามาเปลี่ยนแปลงไม่หยุด นางเอ่ยขออภัยเหอตังกุย “สมควรตายนัก สมควรตายจริง ๆ ตอนสาวใช้ยกผ้าผ่านสวนดอกไม้คงจะหกล้ม จึงทำให้เสื้อผ้าหล่นพื้น หนามต้องติดมาตอนนั้นแน่นอน เหล่าหนูสะเพร่าที่ไม่ได้ตรวจสอบ ทำให้คุณหนูสามต้องาเ็ สมควรตายยิ่งนัก คุณหนูสามโปรดลงโทษข้าเถิด”
หยางมามามีตำแหน่งสูงในตระกูลหลัว รัศมีความสง่างามน่าเกรงขามของเ้านายในตัวนางนั้นมีมากกว่าครึ่ง หยางมามาเพิ่งจะเรียกตัวเองว่าเหล่าหนู ทั้งยังเอ่ยขออภัยและปฏิบัติต่อเหอตังกุยด้วยความเคารพเหมือนเป็เ้านายคนหนึ่ง นางขอให้เหอตังกุยลงโทษ แน่นอนว่าเหอตังกุยไม่มีทางเมินเฉยต่อความห่วงใยของหยางมามา นางรู้ดีว่าหยางมามาไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้
เหอตังกุยหยิบผ้าเช็ดหน้าก่อนกดหนามออกแล้วห่อาแไว้ พลางกล่าว “ข้าจะตำหนิหยางมามาได้อย่างไร? ชุ่ยเกิ่นต่างหากที่ไม่ระวัง นางไม่าเ็ตรงไหนใช่หรือไม่เ้าคะ?”
หยางมามาส่ายศีรษะ “นางไม่เป็ไร กลับไปเหล่าหนูต้องสั่งสอนนางเพื่อดัดนิสัยสะเพร่า”
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าเพียงถูกหนามตำเล็กน้อย ไม่ต้องถึงขั้นลงโทษชุ่ยเกิ่นก็ได้ เมื่อคิดว่าการกลับจวนของข้าทำให้ท่านยาย ท่านป้ารอง พี่รองและทุกคนต้องลำบาก ข้าก็ไม่สบายใจนัก…” เหอตังกุยกล่าวจบ ก็โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งด้วยท่าทางแปลกประหลาด นางใช้มือขวาเกามือซ้าย ใช้มือซ้ายเกามือขวา ท่าทางราวกับคันยิ่งนัก
หยางมามาปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางรีบเอ่ยถาม “คุณหนูเหอเป็อะไรเ้าคะ?”
“ข้า ข้าไม่รู้ จู่ ๆ ก็คันมือ อาจเป็เพราะในห้องมียุงกระมัง... เอ้อ หยางมามาอาจยังไม่รู้ว่าในวัดแห่งนี้มีต้นไม้ต้นหญ้าจำนวนมาก ยุงเยอะใน่ปลายฤดูใบไม้ผลิจึงไม่ถือเป็เื่แปลก ช่างเสียมารยาทกับท่านจริง ๆ ขายหน้าหยางมามาเสียแล้ว” หลังมือขาวเนียนละเอียดของนางถูกเกาจนเป็สีแดง เมื่อถูฝ่ามือทั้งสองไปมาก็ทำให้นิ้วมือที่ถูกหนามตำเมื่อครู่เืออกอีกครั้ง นางเกาหลังมือ ข้อมือและทุกที่บนแขน ท่าทีน่าหวาดกลัวเล็กน้อย เหอตังกุยจับไหล่ของตนพลันอาการคันก็เริ่มลุกลาม
หยางมามาทนดูไม่ได้จึงเอ่ยห้ามปราม “ไม่ได้ ท่านเกาอีกไม่ได้ ขืนยังเกาต่อก็จะเกิดแผลและเป็แผลเป็ได้” กล่าวจบก็คิดจะเอื้อมจับแขนเหอตังกุยเพื่อห้ามนาง
เหอตังกุยใถอยหลังไปสองก้าว ก่อนโบกมือพลางเอ่ย “ข้าไม่เกาแล้วเ้าค่ะ มามาอย่าแตะต้องตัวข้าเด็ดขาด หากมันลามถึงท่านจะยุ่งยากได้นะเ้าคะ” เมื่อกล่าวจบก็เปลี่ยนจากการเกาเป็การตบแทน มือเล็กคู่นั้นตบบนร่างกายของตัวเองเบา ๆ
“ลามหรือ?” หยางมามาขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เหตุใดจึงลามได้? คุณหนูสามไม่ได้บอกว่ายุงกัดหรอกหรือ? แต่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่อาการยุงกัด เกิดเื่อันใดกันแน่?”
เหอตังกุยได้ยินก็นิ่งไป นางก้มหัวด้วยท่าทางลังเล สีหน้าหลังผ้าคลุมหม่นหมองยิ่งนัก
หยางมามามีความคิดหลายอย่างแวบมาในหัว ในที่สุดก็ถอนหายใจพลางกล่าว “คุณหนูสาม เหล่าไท่ไท่และข้าต่างรู้ดีว่าท่านลำบากยิ่งนัก จึงอยากรักและทะนุถนอมท่านให้มากกว่านี้ ทว่าท่านกลับซ่อนเื่ทุกข์ใจไม่ปริปาก ข้าอยากช่วยท่านแต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร? บอกข้าเถิด ท่าน...มีอาการป่วยประหลาดอันใดหรือไม่? จึงใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเช่นนี้ อีกทั้งยังคันทั่วร่างกาย”
“ป่วย?” น้ำเสียงของเหอตังกุยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ข้าเพียงคัดจมูก จะป่วยได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นท่านก็...” หยางมามาจับจ้องแววตาของนาง พบว่าแววตาคู่นั้นราวกับ้าสื่อบางอย่าง คล้ายมีความประหลาดใจ ลังเลและไม่ได้รับความยุติธรรมพรั่งพรูออกมา
เหอตังกุยขมวดคิ้วงาม เงียบงันครู่หนึ่งก่อนชี้ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าไหมงาช้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น “เมื่อครู่ข้าเพิ่งััชุดชั้นในและกางเกงชั้นในตัวนั้น ไม่นานก็เริ่มคัน คันราวออกมาจากกระดูก เสมือนว่า...”
“เสมือนอะไร?” หยางมามาจับจ้องนาง แววตาหม่นหมองไร้ชีวิตชีวากลับสะท้อนความสง่างามลึกลับยากหยั่งถึง สิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่หญิงสาวหลายคนไม่มี
“เสมือนผงคันชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘ผงเตียวซานเย่า’ ” สายตาที่เหอตังกุยมองกลับมาดูหวาดกลัว นางเอ่ยกระซิบ “หลายเดือนก่อน น้องสี่ไม่ทันระวังจึงเทผงคันชนิดนี้ลงคอเสื้อข้า นางกล่าวขอโทษข้าด้วยความละอายใจ ผงคันที่เรียกกันว่า “ผงยาเตียวซานเย่า” นี้ เมื่อได้ััจะเกิดอาการคันทั้งวัน ไม่มีวิธีแก้ไข... เวลานั้นข้ามีอาการคันที่ยากจะทนไหวเช่นตอนนี้ เกาจนทั้งร่างมีแผลและเืออก... ที่ที่คันที่สุดคือหน้าอก ข้าจึงมิกล้าให้หมอดู ได้แต่ปล่อยให้คันทั้งวันทั้งคืน เป็เช่นนี้ถึงสามวันจึงจะหายดี ข้ายังจำอาการคันแปลกประหลาดในกระดูกเช่นนี้ได้...”
“อะไรนะ?” หยางมามาสีหน้ามืดทะมึน พลางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ท่านจะบอกว่าคุณหนูสี่เคยเทผงยาเตียวซานเย่าใส่ท่านกระนั้นหรือ?” นางเคยได้ยินชื่อผงยาชนิดนี้มาก่อน ทั้งยังได้ยินอีกว่าสถานที่ที่ใช้ผงยาชนิดนี้มากที่สุดคือหอนางโลมอันดับสามในเมืองหยางโจว
เมืองหยางโจวมีเทศกาลดอกไม้ไฟทุกเดือนสาม เหล่าเศรษฐีพ่อค้าและคนมีชื่อเสียงจะมารวมตัวกันที่นี่ มีหอนางโลมหลายแห่ง มีเรือสำราญจอดเรียงรายในแม่น้ำ เป็ดินแดนที่งดงามตระการตายิ่งนัก ทว่าหอนางโลมก็แบ่งได้หลายแบบ โสเภณีและผู้ค้าประเวณีโดยผิดกฎหมายในระดับสาม ระดับสี่ ระดับห้าต่ำลงไป หนึ่งในวิธีหาความร่ำรวยของพวกเขาคือการซื้อสตรีดี ๆ ในราคาต่ำ เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาและอบรมสั่งสอนสตรีเ่าั้ให้กลายเป็โสเภณีที่ได้รับความนิยม ก่อนจะนำไปขายให้หอนางโลมในระดับหนึ่งหรือสองด้วยราคาสูงลิ่ว หากมีตำแหน่งราชินีดอกไม้และตำแหน่งฮวาขุย[1] ราคาก็จะสูงขึ้นอีกหลายเท่า
วิธีที่แม่เล้าจัดการเหล่าโสเภณีที่ต่อต้านไม่เชื่อฟังคือการใช้ผงเตียวซานเย่า แม่เล้าใจคอโเี้จะนำเศษผ้ามัดตัวและอุดปากหญิงโสเภณีเพื่อไม่ให้นางเกาหรือกัดลิ้นฆ่าตัวตายได้ หลังใช้ผงยาเตียวซานเย่าเพียงครึ่งของครึ่งแล้วก็จะปิดประตู ปล่อยให้นางทุรนทุรายหนึ่งวันหนึ่งคืน ต่อให้สตรีผู้นั้นหนักแน่นเพียงใด เมื่อผ่านการอบรมสั่งสอนเช่นนี้ก็จะเชื่อฟังโดยไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย
ปีนี้หยางมามาอายุห้าสิบห้าแล้ว นางช่วยเหลือเหล่าไท่ไท่ดูแลจวนตระกูลหลัวมาหลายปี เคยพบเห็นสิ่งต่าง ๆ มามากมายจึงรู้ความลับเหล่านี้ในหอนางโลม ทว่ากลับไม่เคยเห็นผงยาเตียวซานเย่าด้วยตาตัวเอง
เหตุใดคุณหนูสี่ที่ยังไม่ออกเรือนจึงมีผงยานี้ แล้วเหตุใดจึงใช้มันกับพี่น้องตัวเอง? นางเดาว่าตอนนี้ต้องมีสาวใช้ร้ายกาจคอยสอนเื่ชั่วร้ายเช่นนี้ข้างกายคุณหนูสี่ผู้ไร้เดียงสาเป็แน่
หยางมามาเริ่มกังวลใจ แย่แล้ว หากเื่นี้แพร่งพราย ไม่เพียงคุณหนูสี่ที่ยังไม่ออกเรือนจะเสียชื่อเสียงเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของตระกูลหลัวก็จะต้องได้รับผลกระทบรุนแรงด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปิดปากคุณหนูเหอไม่ให้แพร่งพรายออกไปเสียก่อน
ทว่าการกระทำของเหอตังกุยกลับทำให้หยางมามาคาดไม่ถึง นางทรุดตัวลงบนพื้นพลางยกมือไหว้หยางมามา ขณะเดียวกันก็เอ่ย “มามา ท่านอย่าได้พูดเื่นี้เด็ดขาดนะเ้าคะ”
หยางมามารีบพยุงนางลุกขึ้นทันที ก่อนเอ่ยอย่างประหลาดใจ “มีเื่อันใดก็ค่อย ๆ พูดเถิด คุณหนูเหอจะลงไปไหว้เหล่าหนูเช่นนั้นไม่ได้นะเ้าคะ”
ใบหน้าของเหอตังกุยนองด้วยหยาดน้ำตา นางลุกขึ้นยืนพลางเกาตามร่างกาย ก่อนเอ่ยเสียงสะอื้น “น้องสี่อายุน้อยกว่าข้าหนึ่งปี นางไร้เดียงสา ไม่มีทางทำร้ายใคร แล้วนางจะจงใจใส่ผงคันลงในร่างกายข้าได้เยี่ยงไร? ครั้งนั้นนางคงจะทำหกใส่ร่างกายข้าเพราะไม่ระวังแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผ่านไปสองสามเดือน นอกจากน้องสี่ ก็มีเพียงข้าและพี่รองเท่านั้นที่รู้เื่นี้ หยางมามาได้โปรดอย่าพูดให้ผู้ใดฟังนะเ้าคะ อย่าได้นำเื่นี้ไปบอกท่านยายด้วย หากท่านยายเข้าใจผิดคิดว่าคุณหนูสี่จงใจทำร้ายข้า ไม่แน่คุณหนูสี่อาจถูกลงโทษด้วยการคัดลอก “คัมภีร์สำหรับสตรี” หนึ่งร้อยรอบเป็แน่ ถึงเวลานั้นน้องสี่และท่านป้ารองจะต้องนึกว่าข้านำเื่นี้ไปบอกท่านยาย หากเป็เช่นนั้น ท่านป้ารองจะยิ่งไม่ชอบขี้หน้าข้า”
“อะไรนะ? คุณหนูรองอยู่ที่นั่นด้วย? นางรู้เื่ยาเตียวซานเย่ากระนั้นหรือ?” หยางมามาใกว่าเมื่อครู่นัก ในความคิดของนาง คุณหนูรองคือสตรีที่เรียบร้อยและมีเมตตาที่สุดในจวนฝั่งตะวันตก นางจะเกี่ยวข้องกับเื่นี้ได้อย่างไร?
เหอตังกุยพยักหน้าเอ่ยด้วยน้ำตา “หยางมามา เชื่อที่ข้าพูดเถิดเ้าค่ะ น้องสี่ไม่ได้ตั้งใจทำผงยาคันตกใส่ร่างข้าจริง ๆ ตอนนั้นพวกเราทุกคนนั่งฝึกเขียนตัวอักษรในห้องสมุด น้องสี่ใช้กระดาษรองผงเ่าั้เพื่อนำไปทิ้ง พี่รองก็ลุกไปด้วย ตอนที่พี่รองเดินไปกับน้องสี่นั้นดันเหยียบชายกระโปรงของน้องสี่โดยบังเอิญ ด้วยเหตุนี้ผงคันบนกระดาษจึงหกลงมา ต้องโทษข้าที่มัวแต่เขียนหนังสือจึงหลบไม่ทัน เื่ก็ผ่านไปนานแล้ว ข้าไม่อยากให้ท่านยายและคนอื่นรู้ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าข้าชอบรื้อฟื้นอดีต อาจถึงขั้นเข้าใจผิดว่าข้าและน้องสี่ไม่ถูกกัน ซึ่งเป็ไปไม่ได้แน่นอน แม้ท่านป้ารองจะไม่ชอบข้าเท่าไรนัก แต่น้องสี่ก็ยังดีต่อข้ามาก นางทำอาหารยามดึกในห้องครัวเล็ก ๆ ของนางส่งให้ข้าแทบทุกวันเพื่อขอโทษ ข้าซาบซึ้งใจจริง ๆ ”
หยางมามาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนูสี่ทำอาหารยามดึกส่งให้ท่านหรือ? เหตุใดข้าไม่เคยรู้มาก่อน?”
“เป็เื่จริงเ้าค่ะ ข้าไม่กล้าโกหกมามาแน่นอน” เหอตังกุยอธิบายอย่างละเอียดราวกลัวว่านางจะไม่เชื่อ “น้องสี่บอกว่ามารดาของนางโกรธข้าเพราะเื่อาหารเย็นและเื่ตัดชุดคราวก่อน นางกลัวว่ามารดาจะรู้เื่ที่พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้วลงโทษนาง นางจึงไม่กล้าทำอาหารในห้องครัวตอนกลางวันส่งให้ข้า จะต้องรอหลังเที่ยงคืนให้คนอื่นเข้านอนเสียก่อน เต้าเหอสาวใช้ของนางจึงจะสามารถนำอาหารมาส่งข้าได้”
หยางมามาขมวดคิ้วมุ่น “เที่ยงคืนแล้ว คุณหนูสามไม่ควรกินอาหารเพราะมันจะไม่ย่อย ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็คุณหนูที่ยังไม่ออกเรือน ทั้งยังไม่ออกกำลัง ฉะนั้นการจัดอาหารการกินให้เหมาะสมกับร่างกายจึงสำคัญมาก”
คุณหนูสามเป็ลูกสาวนอกสมรสที่ถูกบิดาแท้ ๆ ทอดทิ้ง เมื่อไม่มีบิดาดูแลปกป้อง เมื่อเอ่ยถึงชาติกำเนิดก็ไม่นับว่าโดดเด่น แม้เหล่าไท่ไท่จะเอ็นดู แต่ความสามารถที่จะช่วยเหลือนางนั้นมีจำกัด ในอนาคตเมื่อถึงคราวมีการเจรจาสู่ขอ สิ่งที่พอจะทำให้นางโดดเด่นได้มากที่สุดคือใบหน้างดงามและหุ่นผอมเพรียว หากกินอาหารตอนเที่ยงคืนเช่นนี้เป็เวลาครึ่งปีจนร่างกายขยายใหญ่ สุดท้ายนางก็จะพลาดโอกาสแต่งงานเข้าจวนตระกูลใหญ่
------------------------------------------------------------------
[1] ฮวาขุย หมายถึงโสเภณีที่งดงามและเอาใจบุรุษเก่ง