ทันทีที่เข้าสู่พรรคเทพหมาป่า์ หวังเค่อก็สูดหายใจเฮือกใหญ่!
“จริงแท้ ศิษย์พรรคเซียนล้วนแต่ได้อาบน้ำแกงศิลาิญญา ไอิญญาจะเข้มข้นเกินไปแล้ว เหนือกว่าที่เมืองจูเซียนไม่รู้ตั้งกี่เท่า!” หวังเค่อทอดถอนใจ
“อย่าทำตัวบ้านนอกเข้ากรุง ดููเาลูกนั้นเสียก่อน!” จางเจิ้งเต้าชี้ไปยังมหาบรรพตไกลออกไป
หวังเค่อมองตามก่อนจะเบิกตากว้าง
ขุนเขาลูกนั้นสูงตระหง่านสุดแสน สมุนไพรวิเศษหายากสูงค่านับไม่ถ้วนเติบโตเต็มูเา แถมที่สำคัญชิ้นส่วนศิลาที่กะเทาะออกมาให้เห็นกลับเป็ผลึกใสกระจ่าง
“ศิลาิญญา? ที่กะเทาะออกมาไม่ใช่หินแต่เป็ศิลาิญญา? งั้นเขาลูกนั้นก็คือ…?” หวังเค่อตาเบิกโพลง
“ใช่แล้ว ูเาลูกนั้นคือูเาศิลาิญญา เป็รากฐานของสำนักเซียน ูเาลูกนี้มีข่ายปราณคุ้มภัยกางไว้ตลอดเวลา แถมไอิญญาไร้ขีดจำกัดก็ยังช่วยบ่มเพาะศิษย์สำนักได้หลายชั่วอายุคน!” จางเจิ้งเต้าถอนหายใจ
หวังเค่อสูดหายใจลึก ูเาทุกลูกล้วนเต็มไปด้วยศิลาิญญา นี่นับเป็จำนวนขนาดไหนกัน? เทียบกับูเาเหล่านี้แล้ว ศิลาิญญาที่ข้าหามานับเป็อย่างไรได้?
“รวยแล้ว รวยแล้ว ฮ่าฮ่า!” ดวงตาหวังเค่อลุกวาวอย่างตื่นเต้น
จางเจิ้งเต้าตะลึงงัน “เ้ารวย? รวยบ้าอันใด? เ้าคิดว่าศิลาิญญาพวกนั้นเอาไปได้ง่ายๆ รึ? ข่ายปราณรอบศิลาิญญาแม้แต่ยอดคนขั้นทารกแกนิญญายังไม่รอด ขนาดประมุขพรรคเทพหมาป่า์เองยังเข้าไปเอาไม่ได้โดยง่าย นี่คือแก่นรากฐานของพรรคเทพหมาป่า์ ถึงจะมีศิลาิญญาอยู่มากมายมหาศาลแต่พวกมันก็ยังจำเป็ต้องใช้อีกนาน พวกมันยอมแจกจ่ายให้แก่ศิษย์สำนักที่ทำคุณความชอบใหญ่หลวงเท่านั้น เ้าคิดว่าใครมาก่อนได้ก่อนรึไง?”
หวังเค่อไม่ได้ยินคำของจางเจิ้งเต้าสักนิด สายตายังคงเบิกกว้างมองดูแตู่เาศิลาิญญา!
หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้ากระซิบกระซาบกันไปมา ก่อนจะเดินตามคนนำทางมาถึงอาคารหลังหนึ่ง
“พี่น้องจากพรรคอีกาทองคำ พวกเราได้จัดเตรียมที่แห่งนี้ไว้ให้พวกท่านแล้ว งานแต่งจะจัดขึ้น่บ่าย ได้โปรดรออยู่ที่นี่จนถึงเวลานัดหมายด้วย! เมื่อแเื่จากพรรคทั้งหมดในสิบหมื่นมหาบรรพตมารวมตัวกัน พวกเราจะจัดงานแต่งขึ้นที่ตำหนักหมาป่าบูรพา!” ซุนซงอธิบายให้หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าฟัง
“ว่าอะไร? ให้รอ? คิดขังพวกเราไว้ที่นี่? พรรคเทพหมาป่า์เ้าใหญ่โตนัก ถึงกับสร้างความอัปยศแก่พวกเรา?” จางเจิ้งเต้ามองตาขวาง
“พี่จางเสินซวี ได้โปรดอย่าถือสาด้วย พวกเรานัดหมายจัดงานแต่งใน่บ่าย เทียบเชิญที่ส่งให้แเื่เองก็ระบุไว้ว่าตอนบ่าย ตอนนี้แขกยังเดินทางมากันไม่ถึง พวกเรา พวกเราเองก็ยากจะเริ่มงาน…!” ซุนซงยิ้มขื่น
จางเจิ้งเต้ายังคิดอยากระบายโทสะตาม “ฐานะ” ที่มันสวมอยู่ต่อ หากหวังเค่อกลับดึงตัวมันไปอีกด้าน
“เ้าทำอะไร?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัย
“พี่ซุนกล่าวถูกแล้ว งานแต่งงานที่ปราศจากแเื่จะนับเป็งานแต่งได้อย่างไร? ในเมื่อเวลานัดหมายคือตอนบ่าย ศิษย์พี่หญิงเองก็จำต้องใช้เวลาเตรียมตัวสักพัก!” หวังเค่อเกลี้ยกล่อม
“หา?” จางเจิ้งเต้าทำหน้าเหลอหลา
“ขอบคุณท่านที่เข้าใจ!” ซุนซงกล่าวอย่างซาบซึ้ง
“พี่จาง ข้าทราบว่าท่านใส่ใจศิษย์พี่หญิงมาก แต่งานแต่งนี้สำคัญยิ่ง ท่านไม่อาจเปลี่ยนกำหนดการได้ตามใจ ไม่ใช่ว่าท่านสนใจพรรคเทพหมาป่า์อยู่หรอกหรือ? ตอนนี้ยังพอมีเวลา ไม่สู้รบกวนศิษย์พี่พรรคเทพหมาป่า์ให้พาท่านเดินชมรอบพรรคเป็อย่างไร?” หวังเค่อตะล่อม
จางเจิ้งเต้าชะงักค้างไป เดินชมพรรคเทพหมาป่า์? ข้าดูว่างขนาดนั้นเลยหรือ?
“ได้ ได้ ข้าจะจัดแจงให้คนพาพี่จางเสินซวีไปเดินชมพรรคเทพหมาป่า์เรา ไว้ถึงเวลาเริ่มพิธี พวกเราค่อยไปตำหนักหมาป่าบูรพาด้วยกัน!” ซุนซงพลันยิ้มแย้ม
จางเจิ้งเต้าขมวดคิ้ว แต่หวังเค่อขยิบตาให้อีกฝ่าย
“ประเสริฐ งั้นขอข้าไปบอกพี่หญิงก่อน รบกวนท่านช่วยจัดเตรียมคนด้วย!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ได้!” ซุนซงรีบไปเตรียมการทันที
หลังซุนซงจากไปแล้วจางเจิ้งเต้าก็คว้าตัวหวังเค่อไว้ “พี่หวัง ท่านหมายความว่ายังไง? ข้าบอกตอนไหนว่าอยากเที่ยวชมพรรคเทพหมาป่า์?”
“มู่หรงลวี่กวงกับจางหลี่เอ๋อร์จะแต่งงานกันในตอนบ่าย ข้าจงใจมาถึงก่อนเวลาสามชั่วยาม[1] ข้าคาดว่างานแต่งจะยังไม่เริ่มจนกว่าแเื่จะมากัน พรรคเทพหมาป่า์รู้สึกเสียหน้าจึงยอมให้พวกเราเที่ยวชมพรรคได้ ข้าทำได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับเ้าแล้ว!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเข้ม
“ขึ้นอยู่กับข้าอีกแล้ว? หมายความว่ายังไง? หวังเค่อ นี่เ้าขุดหลุมดักข้าอีกแล้ว?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“พวกเราเข้ามาถึงพรรคเทพหมาป่า์แล้ว คนที่เราต้องตามหาคือใคร?” หวังเค่อมองจางเจิ้งเต้าเขม็ง
“มู่หรงลวี่กวง? ไม่สิ ตามหาประมุขพรรคเทพหมาป่า์!” จางเจิ้งเต้าตื่นเต้น
“ใช่แล้ว ประเด็นก็คือพวกเราจะตามหาประมุขพรรคเทพหมาป่า์ในงานแต่งรึ? ผายลมเถอะ! ก่อนอื่นพวกเราจะต้องรีบตามหาประมุขพรรคให้เร็วที่สุด เวลามีจำกัด เ้ารีบลงมือเถอะ!” หวังเค่อกล่อม
“ให้ข้าไปหา? แล้วข้าจะไปหายังไง? ข้าก็ไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน!” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“ข้าได้ยินว่าทุกสำนักจะมีระฆังล่มสลายอยู่?” หวังเค่อมองหน้าจางเจิ้งเต้า
“ระฆังล่มสลายรึ? นั่นเป็ของที่แต่ละสำนักมีไว้ใช้ในยามเผชิญวิกฤตถึงคราวแตกดับ ระฆังนี้สามารถปลุกศิษย์ในสำนักที่กักตนอยู่ทั้งหมดขึ้นมา ขณะเดียวกันเสียงของระฆังก็จะดังกังวานไปทุกสารทิศ เรียกตัวศิษย์ในสำนักทั้งหมดที่อยู่นอกพรรคให้รีบกลับมา สามารถได้ยินไปทั่วทั้งสิบหมื่นมหาบรรพตเชียว!” จางเจิ้งเต้าตอบด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ใช่แล้ว การตามหาตัวประมุขพรรคเทพหมาป่า์ไม่ใช่เื่ง่าย แต่การตามหาระฆังล่มสลายสมควรไม่ยากนัก ของวิเศษยามฉุกเฉินเช่นนี้สมควรจัดวางไว้ในจุดที่เข้าถึงง่ายที่สุด หน้าที่ของเ้าก็คือตามหาแล้วลั่นระฆัง! ประมุขพรรคจะต้องปรากฏตัวแน่!” หวังเค่ออธิบาย
“พี่หวัง ท่านล้อข้าเล่นหรือไร? ถ้าหากข้าลั่นระฆังสำนักไป ข้าก็จบเห่แน่ ข้าคงถูกศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ทั้งหมดไล่ล่าหมายชีวิต!” จางเจิ้งเต้ากล่าวอย่างหวาดผวา
“เ้าบอกว่าประมุขพรรคเทพหมาป่า์จะปกป้ององค์หญิงโยวเยว่ไม่ใช่หรือ? ทุกสิ่งทำไปก็เพื่อองค์หญิงโยวเยว่ ครั้งนี้เพื่อองค์หญิงข้าได้ทุ่มเดิมพันเยอะเกินไปแล้ว! ข้าชิงเวลาสองชั่วยามกว่ามาได้ หากเ้าทำไม่สำเร็จก็จบเห่กันหมด ถ้าเกิดปัญหาลามไปถึงลูกน้องข้า ข้าจะขยี้ของรักเ้าให้แหลก!” หวังเค่อจ้องตาเขม็ง
“พี่หวัง ทำไมท่านถึงได้โหดร้ายขนาดนี้?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างหวาดกลัว
“ไม่ต้องห่วง เ้ามันหน้าด้านไร้ยางอายอยู่แล้ว แถมยังหนีเก่ง เื่เล็กน้อยเท่านี้สมควรทำได้ไม่ยาก!” หวังเค่อปลอบ
“ข้าทำไม่ได้!” จางเจิ้งเต้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
นี่คือการล่วงเกินพรรคเทพหมาป่า์ทั้งพรรค ต่อให้ประมุขพรรคมันปกป้ององค์หญิงโยวเยว่ มันก็ไม่ได้ปกป้องข้าสักหน่อย ข้าคงถูกศิษย์ทั้งพรรคตามไล่ล่า นี่ไม่นับว่าจบเห่หรืออย่างไร?
“เ้าจะลังเลไปทำไม? เ้ามองไม่เห็นผลประโยชน์รึ?” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“เอ๋? มีผลประโยชน์ด้วย?” สองตาจางเจิ้งเต้าสาดประกาย
“กำไลมิติของจางเสินซวี ของทั้งหมดในนั้นยกให้เป็ของเ้า ข้า้าแค่กำไลมิติเปล่า เ้าว่าอย่างไร?” หวังเค่อมองจางเจิ้งเต้าพร้อมกับยื่นข้อเสนอ
“พี่หวัง ฮ่าฮ่า เพื่อองค์หญิงโยวเยว่แล้ว กับแค่ระฆังล่มสลายนับเป็อย่างไร? ให้ข้าจัดการเอง! ฮ่าฮ่าฮ่า!” จางเจิ้งเต้าพลิกหน้าในพริบตา
จางเจิ้งเต้าพลิกหน้าทันตา หวังเค่อเคยชินมานานแล้ว
“เ้าพูดแล้วนะ! ถ้าหากก่อนบ่ายระฆังยังไม่ดัง พวกเราจบเห่แน่ ถ้าหากพวกเราพลาดท่า ข้าจะขยี้ของรักเ้าให้แหลก!” หวังเค่อขู่เสียงเข้ม
“อึก!” จางเจิ้งเต้าหน้าชาแข็งค้าง “หรือ หรือว่า…!”
“เ้าพูดเองนี่ ว่าแค่ลั่นระฆัง สบายมาก!” หวังเค่อปลอบใจจางเจิ้งเต้า
จางเจิ้งเต้าคิดกล่าวบางสิ่ง แต่คนที่ซุนซงจัดแจงไว้ก็มาถึงพอดี จางเจิ้งเต้าได้แต่เดินตามไปเที่ยวชมพรรคด้วยสีหน้าเป็กังวล
หวังเค่อกับขบวนแห่เ้าสาวต่างรอคอยกันอยู่ในสวนหย่อมเล็ก
“หวังเค่อ เหตุใดเมื่อครู่ถึงไม่ให้พี่มู่หรงมาพบข้าเล่า?” องค์หญิงโยวเยว่ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวถามอย่างขุ่นข้องหมองใจ
ถึงหวังเค่อจะพานางเข้ามาในพรรคเทพหมาป่า์แล้ว แต่กลับไม่ยอมให้นางรีบพบกับมู่หรงลวี่กวง มันรอคอยอะไรอยู่?
“องค์หญิง พิธีแต่งงานมีกำหนดว่าก่อนเริ่มห้ามบ่าวสาวพบหน้ากัน ข้าสามารถเปิดเผยตัวตนท่านเพื่อบีบให้มู่หรงลวี่กวงทราบแล้วมาหาท่านได้ แต่ถ้าหากมันเกิดไม่อยากมาพบเล่า?” หวังเค่อได้แต่พูดด้วยรอยยิ้มแห้ง
“ไม่มีทาง เขาต้องอยากพบข้าสิ!” องค์หญิงโยวเยว่เม้มริมฝีปาก
“แล้วถ้าไม่เล่า? หากพวกเราคิดผิดไป ข้าก็คงตายตามท่านไปด้วย แต่ดูลูกน้องข้ากลุ่มนี้เสียก่อน พวกเขาล้วนแต่มีครอบครัว ภรรยา ลูกชายลูกสาว พวกเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อเล่นละครให้ท่าน ท่านคงไม่อยากเห็นพวกเขาต้องติดร่างแหไปด้วยใช่หรือไม่?” หวังเค่อยิ้มขื่น
องค์หญิงโยวเยว่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
“รออีกหน่อยเถอะ ไม่ต้องห่วงไป ข้าบอกว่าจะปกป้องท่าน พาท่านส่งถึงมือประมุขพรรคเทพหมาป่า์โดยปลอดภัย มันก็จะเป็เช่นนั้น ท่านจะได้มีโอกาสพบหน้ามู่หรงลวี่กวงแน่! อดทนไว้ก่อน ถือว่าข้าขอร้องก็แล้วกัน!” หวังเค่อเกลี้ยกล่อม
หวังเค่อทำได้เพียงเกลี้ยกล่อม ฝีมือในการขุดหลุมฝังเพื่อนขององค์หญิงโยวเยว่ หวังเค่อได้รับทราบมาตลอดทางแล้ว ถ้าหากไม่ปลอบใจบรรพชนน้อยท่านนี้ให้ดี ต่อให้เพื่อนองค์หญิงจะเก่งกาจมาจากไหนก็ไม่พ้นถูกนางขุดหลุมฝังเป็แน่!
“ได้ ก็ได้!” องค์หญิงโยวเยว่ได้แต่อดทนด้วยใจกังวลหดหู่
ภายในหุบเขาของพรรคเทพหมาป่า์
ชายร่างสูงใหญ่บึกบึนหน้าตาหล่อเหลามือหนึ่งจับฝักกระบี่ อีกมือจับด้ามกระบี่ มันหลับตาราวกับกำลังัับางสิ่ง สภาวะเหมือนกระบี่ที่กำลังจะถูกชักออกจากฝัก
พริบตานั้น อสนีบาตฟาดผ่าลงจากฟากฟ้า เป็สายฟ้าแบบเดียวกับที่ผ่าลงใส่จางเสินซวีก่อนหน้า
อสนีบาตร้ายกาจสุดทัดเทียม คล้ายกำลังจะผ่าร่างชายผู้นี้ให้ขาดครึ่งในพริบตา
ยามนี้เองชายร่างกำยำก็ลืมตาขึ้นก่อนชักกระบี่ในมือออก
“ครืนนนน!”
ลำแสงกระบี่สายหนึ่งทะลวงผ่านทั้งหุบเขา ทะยานเข้าใส่อสนีบาตที่ฟาดผ่าลง ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์คนอื่นที่อยู่ปากทางเข้าหุบเขาพากันตกตะลึง พวกมันตาพร่าจนมองตามไม่ทันด้วยซ้ำ
เมื่อละสายตากลับมาอีกครั้ง กระบี่ของชายร่างกำยำก็กลับเข้าไปอยู่ในฝักแล้ว
“เปรี้ยง!”
แววตาของชายร่างกำยำทอแววพอใจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ‘เพลงกระบี่ปราบมาร’ ของท่านร้ายกาจขึ้นอีกแล้ว! ขนาดสายฟ้ายังถูกท่านฟันขาดครึ่งเชียว?” ซุนซงที่เพิ่งไปดูแลหวังเค่อและคณะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น
ศิษย์พี่ใหญ่พรรคเทพหมาป่า์ มู่หรงลวี่กวง!
“เ้าคิดเช่นนั้นหรือ? แล้วแเื่ที่มาเป็อย่างไรบ้าง?” มู่หรงลวี่กวงมองซุนซง
“เดินทางกันมากว่าครึ่งแล้ว พวกเราคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด แทบทั้งหมดไม่รู้จุดประสงค์ของงานแต่งครั้งนี้! ถึงตอนบ่าย พวกมันสมควรเดินทางกันมาจนครบขอรับ!” ซุนซงตอบอย่างนอบน้อม
มู่หรงลวี่กวงหรี่ตาลงเล็กน้อย “ดี ไม่เสียแรงที่พรรคเทพหมาป่า์เราคอยเฝ้าดูสิบหมื่นมหาบรรพตมานาน จดบันทึกเหล่ามารร้ายที่ซ่อนตัวอยู่เอาไว้ทุกตน พวกเราจะทำลายมารร้ายที่ซ่อนตัวอยู่พวกนี้ให้หมดสิ้นในคราเดียว! อย่าให้เหลือรอด!”
“ขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่วางแผนได้ยอดเยี่ยมนัก มารร้ายทั้งหลายล้วนต้องสิ้นลมใต้คมกระบี่พี่ใหญ่! จะมีก็แต่พวกพรรคอีกาทองคำกระจอกนั่น!” ซุนซงขมวดคิ้ว
“กระจอก? เหอะ ไม่ใช่ว่าพรรคอีกาทองคำก็ส่งศิษย์พี่หญิงมาหรือไง?” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยอย่างองอาจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่าครั้งนี้ท่านกับจางหลี่เอ๋อร์ร่วมกันแสดงละครเชิญชวนเหล่าิญญาร้ายที่เร้นกายอยู่ในสำนักเซียนทั้งหมดมาเพื่อจัดการ? แสดงว่างานแต่งของท่านกับจางหลี่เอ๋อร์ก็เป็แค่การแสดงรึ?” ซุนซงประหลาดใจ
“แสดงแล้วอย่างไร? ละครปลอมจะเป็ความจริงไม่ได้รึ? เ้ารู้หรือไม่ว่าปราบมารครั้งนี้จะได้กุศลขนาดไหน? ถ้าหากจางหลี่เอ๋อร์ยอมร่วมมือเล่นละครแต่งงานกับข้าจริง! ข้าก็ยินดีแบ่งปันกุศลกับนาง!” มู่หรงลวี่กวงยิ้มแย้ม
“ศิษย์พี่ใหญ่ปราดเปรื่องนัก จางหลี่เอ๋อร์นั่นสมควรเป็ธิดาของประมุขอีกาทองคำ ถ้าหากท่านปราบมารครั้งนี้สำเร็จ นับว่าฉวยโอกาสรับการสนับสนุนจากพรรคอีกาทองคำไปด้วย ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว!” ซุนซงชื่นชม
มู่หรงลวี่กวงยิ้มอย่างมีชัย “ซุนซง ข้าได้ยินว่าจางหลี่เอ๋อร์เดินทางมาก่อนกำหนด?”
“ขอรับ จางหลี่เอ๋อร์มาถึงก่อนกำหนด ทั้งยังถูกดักซุ่มโจมตีด้านหน้าประตูขึ้นเขา ข้าคาดว่าจางหลี่เอ๋อร์จงใจเดินทางมาก่อนกำหนดเพื่อทดสอบความจริงใจ ส่วนผู้ลงมือถูกพวกเราจับกุมไว้แล้ว!” ซุนซงตอบอย่างนอบน้อม
“อ้อ?”
“ครั้งนี้พวกเราเชิญแขกมาจากทั่วสิบหมื่นมหาบรรพต แขกกว่าครึ่งเป็มารที่เร้นกายอยู่ในสำนักเซียน มารร้ายฝูงใหญ่มารวมตัวกันกะทันหัน พวกมันคงระแวงอยู่ไม่น้อย บางทีนี่อาจเป็การหยั่งเชิงของตัวจางหลี่เอ๋อร์เอง ส่วนคนติดตามขบวนแห่ของจางหลี่เอ๋อร์เองก็แสดงละครได้ร้ายกาจไม่เบา โดยเฉพาะจางเสินซวี น้องชายของจางหลี่เอ๋อร์นั่น ถึงกับจงใจแกล้งทำตัวอ่อนแอเพื่อขวางทางมารร้ายที่แฝงมาด้วย!” ซุนซงเล่า
“จางหลี่เอ๋อร์ยังไม่เชื่อข้างั้นรึ? โฮ่ ตอนนี้ลองได้โดนมารร้ายซุ่มโจมตีกับตัว สมควรไม่คิดอยากจากไปไหนแล้วกระมัง!” มู่หรงลวี่กวงกล่าวอย่างมั่นใจ
“เซียนแซ่จางเองก็ถือโอกาสนี้ขอเดินชมพรรคเทพหมาป่า์เรา ข้าเลยยินยอมไป!” ซุนซงกล่าว
“ข้าเคยพบหน้ามันมาก่อน เ้านั่นไม่ใช่คนดี มันจะต้องพยายามฉวยโอกาสแน่! ข้าดูเหมือนคนยอมเสียเปรียบง่ายๆ รึ? เหอะ พามันเดินเที่ยวไปทั่วพรรคนั่นแหละ เื่อะไรจะยอมให้มันมาแย่งกุศลตอนปราบมารได้ คิดแย่งชิงกุศลรึ? ในพรรคเทพหมาป่า์ของข้า มีเพียงข้าที่ทำได้!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ทราบ!” ซุนซงขานรับอย่างนอบน้อม
[1] 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง
