ลู่ซินลังเล ทว่าชิวอวิ๋นกลับยิ้ม แม้นางจะใช้เวลากับฮวาชีเยว่น้อยที่สุดทว่ากลับรู้จักคุณหนูดีที่สุด
“ไม่ต้องกังวลไป คุณหนูใหญ่ต้องชนะแน่นอน! ”
คำของชิวอวิ๋นทำให้ไฉ่ชิงและไฉ่หนิงที่อยู่ด้านหลังแค่นเสียงดูถูก พวกเขาล้วนเชื่อว่าฮวาชีเยว่เอาชนะศัตรูได้เพราะท่าร่างเท้าลึกลับเท่านั้น
ในการประลองที่เต็มไปด้วยปรมาจารย์เช่นนี้ พวกเขาไม่มองฮวาชีเยว่ดีเท่าไหร่นัก ยังแอบคาดหวังให้นางพ่ายแพ้แก่ผู้อื่น
เทียนซีส่งแก้วน้ำให้ฮวาชีเยว่แสดงความเชื่อฟัง ฮวาชีเยว่ลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน ทำให้ผู้อื่นรู้สึกยากจะอธิบาย
บริเวณที่นั่งของตระกูลโอวหยาง บุรุษชุดดำมองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาหม่นหมอง ความใจเย็นของสตรีในชุดขาว ความงามของนางทำให้บุรุษชุดดำผู้นี้กังวลขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
“นายท่าน คิดอย่างไรขอรับ? ” เสียงบุรุษลอยแ่ เขาคือบ่าวรับใช้ของบุรุษชุดขาว
“ข้ากำลังคิดว่าหากสตรีผู้นั้นกลายเป็หงส์...คงไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งนางได้แล้ว” หนุ่มรูปงามมีสีหน้าโศกเศร้าปรากฏบนใบหน้า
“นายท่านคิดมากเกินไปแล้ว นางคือฮวาชีเยว่คนไร้ประโยชน์ อีกาจะกลายเป็หงส์ไปได้อย่างไร? ” บ่าวรับใช้แค่นเสียงอย่างดูถูก
บุรุษชุดดำมองบ่าวผู้นั้นอย่างเ็า สายตาคู่นั้นเยียบเย็นที่สุดเท่าที่จะเย็นได้แล้ว
“ผู้ที่เอาชนะญาติข้าได้ย่อมไม่ธรรมดา” ชายชุดดำตอบเสียงเรียบเรื่อย เขาคือโอวหยางโยวเช่อจากสกุลโอวหยาง
โอวหยางหลิวเอ๋อร์คือญาติของเขา ทว่าเขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับญาติผู้นี้อย่างจริงจังด้วยนิสัยสันโดษและท่าทีหม่นเศร้า
บ่าวผู้นั้นมองฮวาชีเยว่อีกครั้ง นางลุกขึ้นอย่างใจเย็นและเดินไปยังเวที ฝีเท้านางแน่วแน่ ไม่มีท่าทีไร้ประโยชน์แม้แต่น้อย
สายตาของโอวหยางโยวเช่อยิ่งเคร่งขรึมขึ้น
อีกทางหนึ่ง ในใจของจี้เฟิงกับจี้จิงกลับสั่นระรัว
แม้ทั้งสองจะมั่นใจในฮวาชีเยว่ แต่ก็เคยได้ยินว่าท่านหญิงิจูได้รับของวิเศษที่สามารถเพิ่มพลังปราณได้อย่างมหาศาล ดังนั้นจึงได้เป็ห่วงว่าฮวาชีเยว่จะชนะได้หรือไม่
อวิ๋นสือโม่จิบชาอย่างใจเย็นขณะสำรวจฮวาชีเยว่และท่านหญิงิจูที่อยู่ด้านข้าง หวงฝู่เซียนวิจารณ์ “จุ๊ๆ สตรีผู้นั้นคงโชคดียิ่งจึงเข้ามาในรอบสุดท้ายได้”
ข้างกายเขาคือองค์หญิงฮุ่ยหยาที่กำลังยิ้ม “เสด็จพี่อย่าวิจารณ์นาง ท่านหญิงจิ่งฮวาดูไม่ธรรมดา นางย่อมมีความมั่นใจมากพอ”
“ข้าไม่เชื่อว่านางจะชนะได้! ” หวงฝู่เซียนกัดฟัน
อวิ๋นสือโม่หัวเราะออกมา “ซื่อจื่อลองมาพนันกันไหมเล่า? ลองดูเป็อย่างไร? ”
เมื่อหวงฝู่เซียนนึกถึงการพนันเมื่อคราวก่อนที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่ฮวาชีเยว่และอวิ๋นสือโม่ เขาก็รีบโบกมือ “ไม่ เราซื่อจื่อย่อมไม่ทำเื่เสื่อมเสียเช่นการพนัน”
อวิ๋นสือโม่ยิ้มสุภาพ “ไม่หรอก ท่านเพียงแต่กลัวเท่านั้น คราวที่แล้วท่านเสียไปหลายร้อยตำลึงเงิน คราวนี้ลองมาพนันกับนายน้อยสกุลหลิวว่านางจะชนะดีหรือไม่? ”
ดวงตาของหวงฝู่เซียนเปล่งประกาย เขาไม่ถูกกับหลิวเซ่าิผู้เป็นายน้อยสกุลหลิวเมื่อครั้งยังอยู่ในสำนักศึกษา
หลิวเซ่าิยามนี้มองฮวาชีเยว่อย่างดูถูก เขาไม่เชื่อในตัวสตรีผู้นี้
“ได้ ปิงอี่ ไม่บอกเขาว่าพี่อวิ๋นและข้า้าพนันกับเขา เราจะพนัน…” ก่อนหวงฝู่เซียนจะพูดจบ อวิ๋นสือโม่ก็ขัด
“พนันหนึ่งแสนตำลึงทอง”
หวงฝู่เซียนตกตะลึงเสียจนคางแทบหลุดออกมา “จะ...จะเป็ไปได้อย่างไร? ”
หวงฝู่เซียนไม่มีเงินทองมากมายเพียงนั้นเป็ของตนเอง หากพ่ายแพ้ย่อมไม่อาจจ่ายได้
“และพนันว่าฮวาชีเยว่จะเป็ฝ่ายชนะ” อวิ๋นสือโม่มีท่าทางมั่นใจ
ปิงอี่อ้าปากค้าง ในใจคร่ำครวญว่านายท่านถูกสตรีผู้นั้นล่อลวงเสียแล้ว ถึงกับพนันว่านางจะเป็ฝ่ายชนะ
หากพ่ายแพ้ย่อมต้องเสียเงินทองจริงๆ จำนวนเท่านี้สำหรับหนานอ๋องนับว่ามากเกินไป
ทว่าปิงอี่ไม่กล้าไม่เชื่อฟังนายท่าน สักพักปิงอี่ก็นำกระดาษลงลายมือชื่อหลิวเซ่าิที่พนันว่าฮวาชีเยว่จะแพ้เข้ามา หากเขาแพ้จะต้องจ่ายหนึ่งแสนตำลึงทองให้แก่หวงฝู่เซียนและอวิ๋นสือโม่เช่นกัน
หลิวเซ่าิเคยพบกับฮวาชีเยว่ในร่างเดิมมาก่อน ในคราวนั้นฮวาชีเยว่จ้องมองเขาอย่างโง่งมถึงกับน้ำลายไหลเลยทีเดียว
หลิวเซ่าิเกลียดคนอย่างฮวาชีเยว่ที่สุด เมื่อเห็นฮวาชีเยว่ครั้งนี้จึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเสแสร้งทำตัวจริงจังเพราะมีคนสั่งสอนมาเท่านั้น
หากไม่เคยพบฮวาชีเยว่มาก่อนอาจจะลงพนันว่านางอาจจะชนะก็ได้
“พี่อวิ๋น ท่านคิดว่าฮวาชีเยว่จะชนะจริงหรือ? ”
หวงฝู่เซียนสับสน เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอวิ๋นสือโม่จึงมั่นใจในท่านหญิงไร้ประโยชน์เช่นฮวาชีเยว่
ั์ตาของอวิ๋นสือโม่ราวกับบ่อน้ำไร้ก้นบึ้ง สีหน้าแทบจะไร้อารมณ์ยามอธิบาย “แน่นอน หวงฝู่ซื่อจื่อคิดว่าการมองคนของข้าไม่ดีหรือ? ”
ริมฝีปากของหวงฝู่เซียนและปิงอี่กระตุก คิดกับตัวเองว่าการมองคนของอีกฝ่ายต้องย่ำแย่เพียงใดจึงชื่นชอบคนเช่นฮวาชีเยว่ได้
อวิ๋นสือโม่เพียงแค่ยิ้มสุภาพ “พวกท่านมองนางเพียงผิวเผิน มิได้มองนางที่จิตใจ”
ปิงอี่และหวงฝู่เซียนมองหน้ากันอย่างงุนงงก่อนจะหันไปมองฮวาชีเยว่บนลานประลองอีกครั้ง ภายใต้ก้อนเมฆบนฟ้าโปร่ง ฮวาชีเยว่สวมชุดขาวราวหิมะ สายลมพัดชุดนางให้โบกพลิ้ว ดวงตาคมกริบราวคมมีด ภายในนั้นทอประกายจริงจังแจ่มชัด
ปิงอี่และหวงฝู่เซียนต่างก็ตกตะลึง มิคาดว่าฮวาชีเยว่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากมายเพียงนี้ภายในเวลาอันสั้น
“ท่านหญิงิจู เรามีชะตาต้องกันอีกแล้ว” ฮวาชีเยว่ยิ้ม
ท่านหญิงิจูยิ้มกว้าง แม้ชื่อเสียงนางจะสูญเสียไปบ้างเมื่อครั้งที่ใส่ร้ายฮวาชีเยว่ในคราวก่อน ทว่าความงามกลับทำให้ผู้คนมากมายยอมให้อภัย
“ใช่ เราช่างมีชะตาต้องกันนัก ครั้งนี้ข้าไม่พ่ายแพ้ให้เ้าแน่” ท่านหญิงิจูมั่นใจเป็อย่างยิ่ง ดึงดาบสีแดงโลหิตออกมาจากแขนเสื้อ
ดาบเล่มนั้นทอประกายสีแดง เมื่อกระทบแสงอาทิตย์ก็เปล่งประกายราวกับเืสด บาดตาเป็อย่างยิ่ง!
“ดาบโลหิต! เป็ดาบโลหิต! ”
“พลังลบจากดาบช่างเอ่อล้นนัก! ”
“ได้ยินว่าแม้ดาบโลหิตจะเพิ่มพลังปราณได้ อีกทั้งยังทำให้กล้าหาญมากขึ้น ดุดันมากขึ้นเช่นกัน! ”
“สตรีมิควรใช้ดาบเช่นนั้น! ”
“ใช่! ดาบโลหิตถูกสร้างเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน เป็ดาบวิเศษที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี ลือกันว่าไม่มีใครหลีกหนีโทสะของมันได้! ”
ทุกคนต่างก็พร้อมใจกันถกเถียงขึ้นมา
ฮวาชีเยว่ย่อมได้ยินเสียงพวกเขา ทว่ายังคงเอ่ยอย่างใจเย็น “ท่านหญิงิจูเชิญโจมตี”
ท่านหญิงิจูแค่นเสียงหยัน “ข้ามีดาบวิเศษ ท่านเริ่มก่อนได้เลย”
แม้การแข่งขันรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้นแล้ว สตรีทั้งสองกลับยังละล้าละลัง หลิวเซ่าิหัวเราะออกมาเสียงดังออกมาจากทางที่นั่ง “สตรีไร้ค่าผู้นั้นกลัวดาบโลหิต”
น้ำเสียงของเขาเหยียดหยามเย่อหยิ่ง ทว่านอกจากหลิวเซ่าิ ผู้อื่นในตระกูลล้วนแต่มีสีหน้าเคร่งขรึม เห็นท่าทีสงบนิ่งก็มั่นใจว่าฮวาชีเยว่ย่อมต้องมีลูกไม้ซ่อนอยู่เป็แน่
ฮวาชีเยว่ส่ายหน้า ดวงตางามทอประกาย “ท่านหญิงิจูเข้าใจผิดแล้ว ต่อให้ท่านใช้ของวิเศษก็ไม่แน่จะเอาชนะข้าได้”
ประโยคนี้หยิ่งยโสเสียจนใบหน้าของท่านหญิงิจูแดงขึ้นมา นางทนรับการดูถูกจากฮวาชีเยว่ไม่ได้แม้แต่น้อย จึงส่งเสียงเย้ย “หากท่านหญิงจิ่งฮวามั่นใจ เช่นนั้นข้าขอล่วงเกินแล้ว! ”
นางว่าพลางตวัดดาบ แสงสีเืวาบผ่านท้องฟ้าราวกับสายรุ้งทำให้ทุกคนตกตะลึง
เทียนซีที่นั่งชมอยู่เหงื่อแตกอย่างกังวล ลู่ซินคอยซับเหงื่อให้เขาพร้อมปลอบประโลม “นายน้อยอย่าเป็กังวลเ้าค่ะ เราต้องเชื่อในคุณหนูใหญ่ ท่านย่อมต้องชนะแน่นอน”
แม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าลู่ซินเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก
เทียนซีพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นแล้วจึงตั้งใจมองบนเวที
แสงแดงราวัส่งเสียงหวีดแหลม ทันใดนั้นก็กลายเป็งูร้ายพุ่งเข้าจู่โจมฮวาชีเยว่ด้วยปากสีโลหิต!
ฝูงชนร้องอุทานออกมาอย่างแตกตื่นกับความดุร้ายโเี้ของดาบโลหิต
ของวิเศษทั่วไปทำได้เพียงโจมตีตามคำสั่งของผู้เป็นาย ทว่าของวิเศษชั้นดีจะเข้าโจมตีศัตรูตามความคิดของผู้เป็นายได้ด้วยตัวของมันเอง
ดาบโลหิตมีประวัตินานกว่าห้าร้อยปี ผู้คนนับไม่ถ้วนตายตกเพราะมัน จึงได้ส่งพลังงานด้านลบออกมามากมาย ใช้ดาบเช่นนี้ย่อมเขย่าขวัญสมบัติวิเศษขั้นสูงทั้งปวงแล้ว
จากสายตาผู้อื่น ฮวาชีเยว่ยังคงใช้ท่าพิสดารของนางหลบเลี่ยงเหมือนคราวก่อนๆ
พวกเขายังเชื่อว่านางจะใช้วิชาเดิมกับสองครั้งที่แล้ว
ทว่าฮวาชีเยว่กลับยื่นแขนออกไปแล้วร้อง “ผสานิญญา คลื่นควบแน่น! ”
ฉับพลัน พลังปราณรอบตัวนางก่อตัวเป็รัศมีั์ที่สามารถสั่นคลอนยุทธภพได้ นี่คือวรยุทธ์ที่ฮวาชีเยว่เรียนมาจากเทียนพี่ วิชาห้าขั้นผสานิญญา ที่นางใช้เป็ขั้นแรก การรับมือกับท่านหญิงิจูนั้นใช้เพียงขั้นแรกก็เพียงพอแล้ว
“วิชาผสานิญญา! ”
“ได้ยินว่าวิชานี้หายไปกว่าพันปีแล้ว! ”
“์! เป็คลื่นพลังที่รุนแรงเหลือเกิน! ”
ทุกชีวิตต่างร้องอุทานและะโอื้ออึง แตกตื่นเสียยิ่งกว่ายามที่ท่านหญิงิจูดึงดาบโลหิตเล่มนั้นออกมา!
ทันใดนั้นสายลมและิญญาสีเืของดาบโลหิตที่พุ่งเข้าใส่ฮวาชีเยว่พลันเชื่องช้าลง พลังปราณรอบด้านควบรวมที่มือของฮวาชีเยว่ ก่อตัวเป็แสงสว่างสีเขียว!
“ภูมิลักษณ์ั! พลังปราณนางถึงขั้นภูมิลักษณ์ัแล้ว! เหตุใดฮวาชีเยว่จึงรู้วรยุทธ์ขึ้นมาได้?! ”
“์! ภูมิลักษณ์ัขั้นฐาน! ”
“เป็สตรีที่แข็งแกร่งและเ้าเล่ห์นัก! ข่าวลือเื่ไร้ประโยชน์สำส่อนเ่าั้ย่อมต้องเป็ไปเพื่อปิดบังความสามารถที่แท้จริงเป็แน่! ”
“อาณาจักรฉางจิงมีอัจฉริยะอีกคนแล้ว! ผู้มีวรยุทธ์ถึงระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐานั้แ่อายุเพียงสิบแปดปี! ”
เสียงอุทานเ่าั้พลันสลายภายใต้สายลมแรง ฮวาชีเยว่รวบรวมพลังปราณรอบกายจนวงแสงในมือขยายใหญ่ขึ้นทุกที “กระจาย! ”
ฮวาชีเยว่ออกคำสั่ง วงแสงในมือนางกระจายออกเป็แสงสีเขียวที่ราวกับร่วงหล่นจากผืนฟ้า อาบย้อมให้ทุกคนกลายเป็สีเขียว!
เสียงอุทานหวีดร้องดังระงม!
แสงเขียวส่งเสียงหวีดแหลม ก่อตัวเป็รูปดาบเล่มโต แหวกผ่านิญญาของดาบโลหิต!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้