บทที่ 66 ใช้ความดีตอบแทน แล้วจะใช้อะไรตอบแทนความดี
ถึงแม้จะหย่ากันแล้ว แต่พอเห็นาแบนตัวลู่ซือหยวนและเจินเจิน สวี่จือจือก็รู้สึกเดือดดาล การปล่อยคนสารเลวอย่างจ้าวเจี้ยนเซ่อไปง่ายๆ แบบนี้ มันสบายเกินไป!
ดังนั้นเธอจึงคิดจะรอให้ฟ้ามืดแล้วชวนลู่จิ่งเหนียนไปสั่งสอนไอ้สารเลวแซ่จ้าวให้เข็ดหลาบสักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าพอเธอเริ่มเอ่ยปาก ลู่จิ่งซานก็เข้าใจความหมายของเธอในทันที
ความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งนี้ ทำให้สวี่จือจือดีใจเป็อย่างมาก
ตอนแรกยังกังวลว่าเขาจะคัดค้านเสียอีก ตอนนี้ก็ไม่กลัวแล้ว อยากจะเรียกให้ลู่จิ่งเหนียนเข้ามาคุยว่าจะไปสั่งสอนไอ้สารเลวแซ่จ้าวด้วยกัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ถูกลู่จิ่งซานไล่ตะเพิดไปเสียแล้ว เธออดที่จะงุนงงไม่ได้
“คุณอยากทำอะไร? เดี๋ยวผมไปเป็เพื่อน” ลู่จิ่งซานกล่าว
พรุ่งนี้เขาต้องกลับกองทัพแล้ว หาเวลาอยู่กับสวี่จือจือตามลำพังได้ยาก เขาจะยอมให้มีก้างขวางคอมาเพิ่มได้ยังไง?
“ตอนบ่ายที่ประชาคม ฉันได้ยินคุณนายจ้าวบอกว่าคืนนี้ถึงตาบ้านพวกเขาไปรดน้ำ” สวี่จือจือกล่าว
หลายวันมานี้ไม่มีฝนตก แต่ละหมู่บ้านจึงจัดให้มีการรดน้ำไร่ข้าวโพด เมื่อปีที่แล้วประชาคมได้จัดหาน้ำสำหรับรดน้ำให้แต่ละหมู่บ้าน เพียงแค่มีคนเฝ้าคอยเปลี่ยนที่รดน้ำก็พอ
เมื่อก่อนเวลาที่บ้านจ้าวเจอเื่แบบนี้ ลู่ซือหยวนจะต้องอดหลับอดนอนเฝ้ารดน้ำให้ แต่ตอนนี้พวกเขาหย่ากันแล้ว สวี่จือจือได้ยินคุณนายจ้าวบ่นว่าให้จ้าวเจี้ยนเซ่อไปเฝ้าที่ไร่ในตอนกลางคืน
“ปล่อยคนสารเลวนั่นไปแบบนี้ ฉันคิดยังไงก็ไม่หายแค้น” สวี่จือจือกล่าว “คุณ...จะคิดว่าฉันเป็คนรุนแรง เป็คนไม่ดีไหม?”
ั้แ่ก้าวเข้ามาในประตูบ้านตระกูลลู่ก็ทำให้เหอเสวี่ยฉินเสียหน้าไปก่อน ตามด้วยการตบหน้าลู่หลิงซานและโจวเป่าเฉิง ตอนนี้ยังจะคิดหาเื่ไปกระทืบจ้าวเจี้ยนเซ่ออีก
“ใช้ความดีตอบแทน แล้วจะใช้อะไรตอบแทนความดี? ฉันไม่อยากให้ใครมาข่มเหงกันง่ายๆ” สวี่จือจือกล่าว “โดยเฉพาะกับคนเลวพวกนี้ก็ต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้”
ถูกตบหน้าข้างซ้ายก็ควรจะตบหน้าข้างขวาคืนให้หน้าหันไปเลย ไม่ใช่ยื่นหน้าข้างขวาออกไปให้เขาตบอีก!
“ไม่หรอก ผมว่าคุณทำแบบนี้ดีแล้ว” ลู่จิ่งซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ชื่นชม “คนบางคน เื่บางเื่ก็ต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ถึงจะได้ผล เส้นแบ่งต้องไม่ยอม”
“จริงเหรอ?” ดวงตาของสวี่จือจือเป็ประกายระยิบระยับมองเขา ถูกเขาชมแล้วรู้สึกภูมิใจขึ้นมา
ตอนที่ทั้งสองคนออกไป คุณนายลู่ยังไม่นอน วันนี้มีเื่เกิดขึ้นมากมาย คนแก่ก็อดที่จะรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้
ลู่ซือหยวนและเจินเจินพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว เจินเจินหลับไปแล้ว ลู่ซือหยวนยังคงคุยกับคุณย่า พอได้ยินเสียงก็ถามว่า “ดึกดื่นป่านนี้ พวกแกสองคนจะไปไหนกัน?”
คุณนายลู่ตบหลานสาวที่ไม่มีหัวคิดเบาๆ ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน “ไปเถอะ ไปเถอะ เดี๋ยวจะเปิดประตูไว้ให้ ตอนกลับมาก็ปิดประตูแล้วกัน”
คืนนี้พระจันทร์สวย เหมาะสำหรับคู่หนุ่มสาวเดินเล่นกระชับความสัมพันธ์
เห็นได้ชัดว่าหญิงชราเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไม่ได้ จะให้บอกว่าพวกเราอยากจะฉวยโอกาสตอนกลางคืนไปทำเื่ไม่ดี และคนที่โดนซ้อมก็คืออดีตพี่เขยอย่างนั้นเหรอ?
กำลังจะพูดกับลู่จิ่งซานก็เห็นว่าเขามีใบหน้าอ่อนโยนภายใต้แสงจันทร์ ขาเรียวยาวแตะพื้น จอดจักรยานไว้ตรงนั้น “ขึ้นมาสิ”
หมู่บ้านตระกูลจ้าวอยู่คนละประชาคมกับพวกเขา ระยะทางยังค่อนข้างไกล
สวี่จือจือนั่งซ้อนท้าย เอามือจับเบาะนั่งไว้เหมือนเดิม แต่ผ่านไปพักใหญ่ ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะขี่จักรยาน
“เป็อะไรไป?” เธอถามด้วยความสงสัย “นึกอะไรขึ้นมาได้เหรอ?”
“จือจือ” เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มดังมาจากข้างหน้า “ตอนนี้พวกเรากำลังคบกันอยู่ใช่ไหม?”
สวี่จือจือพยักหน้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ข้างหน้ามองไม่เห็น จึงตอบเสียงดัง
“ถ้างั้นคุณช่วย...” ลู่จิ่งซานพูดเสียงต่ำ “จับเอวผมหน่อยได้ไหม?” เสียงของเขามีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล แล้วก็รีบพูดต่อ “กลางคืนมองทางไม่ค่อยเห็น กลัวว่าจะกระแทก”
เป็อย่างนั้นเหรอ?
“อ้อ” สวี่จือจือตอบรับอีกครั้ง มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มวางลงบนเอวของเขา จับเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาไว้ “เรียบร้อยแล้ว ออกเดินทางได้หรือยัง?”
ตัวของชายหนุ่มแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงแหบพร่าเล็กน้อยว่า “นั่งให้ดีนะ”
ขาเรียวยาวออกแรงเล็กน้อย รถก็ขี่ออกไปอย่างมั่นคง
ทีแรกสวี่จือจือก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่พอได้ยินเสียงกบ เสียงจิ้งหรีดในฤดูร้อน ราวกับกำลังบรรเลงเพลงอันแสนสนุกก็รู้สึกผ่อนคลายลง
และในตอนนั้นเองรถก็สั่นคลอน สวี่จือจือใรีบกอดลู่จิ่งซานไว้ด้วยความใ
“คุณเป็อะไรไหม?” ลู่จิ่งซานถามด้วยเสียงแหบพร่า
“อ้อ ฉันไม่เป็ไร” สวี่จือจือคลายมือออกจากเอวของเขา ทัดผมที่ยุ่งเหยิงไว้หลังหู
ความนุ่มนวลและความอบอุ่นที่หลังหายไปในพริบตา ลู่จิ่งซานกลับรู้สึกเสียดาย “จับให้แน่นหน่อย”
สวี่จือจือ “...” รู้สึกว่าเขาพูดเหมือนมีนัยแอบแฝง เธอเม้มปากหัวเราะอยู่ข้างหลัง
ผู้ชายขี้อาย!
ลู่จิ่งซานรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาขี่ช้ามาก แต่ก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลจ้าวเร็วขนาดนี้
“คุณรอผมอยู่ตรงนี้ ผมจะซ่อนรถเอาไว้” เขาพูดจบก็ยกจักรยานขึ้นหาฟางข้าวซ่อนไว้ข้างหลัง “ไปกันเถอะ”
“คุณรู้ไหมว่าเขาไปรดน้ำที่ไหน?” สวี่จือจือถาม
“หมู่บ้านตระกูลจ้าวเมื่อก่อนผมเคยมา ไร่ข้าวโพดของหมู่บ้านนี้ผมพอจะรู้ว่าอยู่ตรงไหน” เขาพูด “ยังไงก็ไม่พ้นแถวๆ นี้ หาหน่อยก็เจอ”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกหมู่บ้านจะมีไฟฟ้าใช้แล้ว แต่เพื่อประหยัดค่าไฟ สมาชิกส่วนใหญ่ก็เข้านอนกันั้แ่หัวค่ำ
ในไร่นาจึงได้ยินแต่เสียงกบและจิ้งหรีดจากที่ไกลๆ
“ทางนั้น” ลู่จิ่งซานกล่าว
“คุณรู้ได้ยังไง?” สวี่จือจือถาม
“ผมได้ยินเสียงมอเตอร์” เขาตอบ
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงจ้าวเจี้ยนเซ่อบ่นด่าอยู่ในไร่
สวี่จือจือได้ยินไม่ค่อยชัด แต่ลู่จิ่งซานมีประสาทหูที่ไวมากกว่าคนทั่วไป ได้ยินคำหยาบคายที่เขาพูดออกมาอย่างชัดเจน ออร่าของเขาก็เย็นเยียบจนสามารถแช่แข็งคนให้ตายได้ในทันที
“คุณรอผมอยู่ตรงนี้นะ” ลู่จิ่งซานกล่าว
สวี่จือจือก็อยากจะไปซ้อมด้วยสักสองสามที แต่พอเห็นสีหน้าของเขาภายใต้แสงจันทร์แล้วน่ากลัวมาก สุดท้ายก็อดทนไว้ “งั้นฉันจะคอยดูต้นทางให้คุณที่นี่”
เธอยิ้มหวานพลางจับมือเขา “พี่จิ่งซาน คนสารเลวแบบนี้ สั่งสอนให้หายแค้นก็พอแล้ว ไม่จำเป็ต้องทำลายแจกันหยกเพื่อหนูสกปรกเพียงตัวเดียวนะ”
นี่เป็ครั้งแรกที่เธอเรียกเขาว่า ‘พี่จิ่งซาน’
“อืม ผมรู้แล้ว” ลู่จิ่งซานขยี้ผมเธอ แล้วก้มลงมองมือที่เธอกำลังจับเขาไว้
เมื่อกี้ตอนที่ได้ยินจ้าวเจี้ยนเซ่อด่าทอด้วยคำพูดลามกเ่าั้ ความโกรธของเขาก็พลุ่งพล่าน อยากจะฆ่าไอ้สารเลวนี่ให้ตายไปเสีย
เธอต่างหากที่อ่อนโยนและนุ่มนวล ดึงเขากลับมา
ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนดีอะไรเลย แถมยังมีนิสัยที่แย่มากอีกด้วย
“ขอบคุณนะ” เขาลูบมือเธอเบาๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรวดเร็วโดยที่เธอไม่ทันได้สังเกต “รอผมนะ”
เขาจูบหน้าผากเธอแล้วผละออกไป
ภายใต้แสงจันทร์ สวี่จือจือมองดูฝีเท้าที่แข็งแรงของเขาเดินไปยังจ้าวเจี้ยนเซ่อ
เธออดไม่ได้ที่จะมองดวงจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า แล้วจึงรู้ว่าเธอเอามือลูบหน้าผากตัวเอง
ครั้งที่สองแล้วที่เธอถูกเขาจูบ
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้