แต่…
จะว่าไปแล้วนอกจากหน้าตาที่น่ากลัวไปหน่อย รูปร่างของชายคนนี้ก็เยี่ยมไม่มีที่ติจริงๆ เรียกว่าสมบูรณ์แบบได้เลย
“หายากล่ะสิ แต่จะหายากแค่ไหนก็ต้องรอให้ข้าอาบน้ำสะอาดก่อนนะถึงจะป้อนให้เ้ากินได้”
ััได้ถึงสายตาที่มองมาจากด้านหลัง เจียงหงหย่วนก้าวขาเรียวยาวเข้าไปในอ่าง มุมปากยกโค้งพูดอย่างหยอกล้อ
เสียงต่ำทุ้มเ้าเล่ห์อย่างยิ่ง
หลินหวั่นชิวใสะดุ้ง รีบดึงผ้าห่มคลุมตัวเองและมุดเข้าไปในมุม อยากเอาตัวแนบกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด
เจียงหงหย่วนหันมามองผ้าห่มที่นูนพองบนเตียง รอยยิ้มลุ่มลึกกว่าเดิม
“ระวังจะตายเพราะหายใจไม่ออกล่ะ ตายขึ้นมาข้าคงขาดทุน” แกล้งเมียตัวน้อยแล้วสนุกจริงๆ ยิ่งแกล้งก็ยิ่งชอบ
หลินหวั่นชิว “…”
ไอ้อันธพาลโรคจิต ไม่เคยจะได้คุยกันดีๆ สักครั้ง
เสียงน้ำซ่าๆ ทำให้สมองจินตนาการถึงภาพชายหนุ่มอาบน้ำอย่างไม่อาจควบคุม กระทั่งภาพที่เขาใช้มือถูไปตรงไหนก็ชัดเจน
พอแล้ว!
เพื่อไล่ภาพที่เด็กไม่ควรดูออกจากหัว หลินหวั่นชิวต้องนึกถึงเสียนอวี๋และเข้าไปฆ่าเวลาด้านใน
มีขายทุกอย่างจริงๆ ขายตด ขายอากาศ ขายยันต์สอบเข้ามหาวิทยาลัย…นี่ช่างสุดยอด
ของแบบนี้ก็ขายได้หรือ?
หลินหวั่นชิวสงสัย แต่ลองนึกถึงแพ็คเกจทะลุมิติเที่ยวเดียวของตัวเองที่มือซนไปกด ไม่แน่ว่าของแปลกๆ พวกนี้จะมีคนมือซนกดซื้อเช่นกัน
นางจำได้ว่าตัวเองมีร้านค้าระดับต่ำอยู่หนึ่งห้อง วางของขายได้ห้าอย่าง ปล่อยว่างไปก็เท่านั้น หลินหวั่นชิวอยากลองวางของเข้าไปดู
แต่นี่ไม่ใช่เวลา เจียงหงหย่วนยังอยู่ด้านข้าง หากเขาค้นพบอะไรคงได้ซวยแน่
ขณะที่กำลังคิด จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มขึ้นเตียง ผ้าห่มบนร่างนางถูกดึงออกไป
“นอนเถอะ เ้าทำตัวให้มันดีๆ หน่อย! มิเช่นนั้น...ข้าไม่ถือสาที่จะเข้าห้องหอก่อนเวลา!” เจียงหงหย่วนเป่าตะเกียงน้ำมันแล้วล้มตัวลงนอน หลินหวั่นชิวรู้สึกเหมือนด้านข้างมีูเาลูกเล็กถล่มลงมา
ให้ตายเถอะ เ้าอันธพาลนี่ไม่พูดจาลวนลามหน่อยจะนอนไม่สบายตัวหรืออย่างไร?
ช่างเถอะ ในเมื่อสู้ด้วยกำลังไม่ได้ ทั้งยังกลัวไปปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าเข้า หลินหวั่นชิวทำได้แค่ยอมไปก่อน
ไม่รู้ว่าเพราะความเชื่อใจโดยไร้เงื่อนไขที่เจียงหงหย่วนมีต่อนางเมื่อตอนกลางวันสัมฤทธิ์ผลหรือเปล่า คืนนี้หลินหวั่นชิวไม่เพียงไม่รังเกียจที่ต้องนอนเตียงเดียวกับเจียงหงหย่วน แต่นางยังรู้สึกว่าชายผู้เป็เหมือนูเาคนนี้ พอได้นอนด้านข้างแล้วกลับรู้สึกสบายใจ เหมือนได้มีที่พึ่งพิงในโลกอันแปลกหน้า
ไม่นาน หลินหวั่นชิวที่รู้สึกปลอดภัยก็นอนหลับสนิท
นางตื่นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น ตื่นพร้อมเจียงหงหย่วน
“นอนต่ออีกหน่อยเถอะ” เจียงหงหย่วนพูดเสียงทุ้มอย่างหนักแน่น
ได้กอดเมียตัวน้อยหอมนุ่มทั้งคืน เจียงหงหย่วนกลุ้มใจทันทีที่ตื่นนอน พี่ใหญ่อาละวาดหนักมาก ผงกหัวเหมือนไก่ชนั้แ่เช้า
“ไม่เป็ไร ข้าดีขึ้นมากแล้ว จะไปทำอาหาร”
ประสิทธิภาพของโอสถชำระไขกระดูกแสดงออกมาเต็มที่แล้ว หลินหวั่นชิวรู้สึกตัวเบาขึ้นมาก หน้าตามีชีวิตชีวา ร่างกายเปี่ยมด้วยพลัง
เจียงหงหย่วนเห็นว่าสีหน้านางดีขึ้นมากแล้วจริงๆ ใบหน้าอมชมพูไม่ปรากฏสีหน้าที่บ่งบอกว่าป่วยแม้แต่น้อย เมื่อคืนเขาแอบแตะหน้าผากหลินหวั่นชิวตอนหลับ พบว่าไม่มีไข้แล้วเช่นกัน
แผลบนใบหน้าก็หายเป็ปกติ ไม่ทิ้งแผลเป็ใดๆ มิหนำซ้ำยังดูขาวนุ่มยิ่งขึ้น
เจียงหงหย่วนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเจอสมบัติเข้าแล้ว
“อืม ได้ ข้าจะขึ้นเขา” เจียงหงหย่วนไม่พูดอะไรมาก แต่ในใจเขามีความสุข ท่าทีของเมียตัวน้อยดูเหมือนจะอยู่บ้านใช้วันเวลาร่วมกันกับเขาจริงๆ
“ขึ้นเขาเช้าขนาดนี้เลย? กินข้าวก่อนค่อยไปไม่ได้หรือ?” หลินหวั่นชิวถามตามสัญชาตญาณเพราะนึกว่าเจียงหงหย่วนจะไปล่าสัตว์
แม้แต่นางเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเป็ห่วงเจียงหงหย่วน
เจียงหงหย่วนทำหน้าตึงแต่ในใจมีรอยยิ้ม ในใจเมียตัวน้อยเริ่มมีเขาแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ผู้ชายของเ้าจะกลับมากินอาหารที่เ้าทำแน่นอน ข้าแค่จะขึ้นเขาไปดูว่ากับดักที่วางไว้จับอะไรได้หรือเปล่า ไม่ไกลหรอก เดี๋ยวเดียวก็กลับ”
เอ่อ…
เ้าหมอนี่คอยย้ำเตือนนางอยู่เรื่อย
แต่หลินหวั่นชิวนึกถึงเื่ที่เมื่อวานตัวเองเอาแต่เรียกเขาว่า ‘ผู้ชายของข้า’ เช่นกัน ฉับพลันใบหน้าหน้านางก็แดงก่ำ
นางทำไปเพราะถูกบังคับนะ ดึงหนังเสือมาหลอกให้คนอื่นกลัวเพื่อป้องกันตัวเองก็เท่านั้น
แต่หลินหวั่นชิวไม่คิดจะเถียงกับเจียงหงหย่วน เพราะเถียงไป คนที่เสียเปรียบก็มีแต่นาง
เจียงหงหย่วนเห็นเมียตัวน้อยทำท่าเขินอายก็อารมณ์ดีมาก อดยกมือลูบหัวหลินหวั่นชิวเหมือนลูบลูกแมวที่อดทนรอหาโอกาสเผยกรงเล็บไม่ได้
หลังจากเจียงหงหย่วนออกไป หลินหวั่นชิวล้างหน้าบ้วนปากอย่างรวดเร็วเสร็จก็ไปทำอาหารที่ห้องครัว
“เ้า…พี่สะใภ้ ให้ข้าทำเองเถิด” เจียงหงหนิงปรากฏตัวหน้าห้องครัว มองนางอย่างใจฝ่อ
“ไม่ต้อง รอกินก็พอ” แม้เจียงหงหนิงจะเป็แค่เด็ก แต่หลินหวั่นชิวก็ไม่คิดจะมีท่าทีทำดีด้วย
นางเกลียดเวลามีคนใช้คำโต้แย้งประเภทที่ว่า ‘เขายังเป็เด็ก’ ‘เ้าจะถือสาเอาความกับเด็กไปทำไม’
เด็กเวรก็เป็คน หากตามใจเกินไป บางครั้งปัญหาที่สร้างอาจย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้
อย่างเช่นเมื่อวาน หากไม่ใช่เพราะเจียงหงหนิงเข้าห้องมาแล้วร้องะโว่านางฆ่าเจียงหงป๋อโดยไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจนอาห้าซ่งเข้าใจผิดว่านางฆ่าคนจนวิ่งไปออกไปร้องะโเช่นกัน นางคงไม่ต้องประสบภัยที่ไม่มีเค้าลางมาก่อนเยี่ยงนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงหงหย่วนกลับมาทันเวลา นางคงถูกจับถ่วงน้ำไปแล้ว
ทว่า ั้แ่ที่เกิดเื่จนถึงตอนนี้ เจียงหงหนิงยังไม่ขอโทษสักคำ
เจียงหงหย่วนยุ่งกับการทำงานหาเลี้ยงชีพ ไม่มีเวลามาอบรมน้องชายทั้งสอง แต่ตอนนี้…ในเมื่อนางติดหนี้บุญคุณเจียงหย่วนถึงสองครั้ง เช่นนั้นนางจะช่วยสั่งสอนแทนเขาเอง
“พี่สะใภ้…” เจียงหงหนิงมองนางด้วยสีหน้าลำบากใจ ยืนอยู่หน้าห้องครัวไม่ไปไหนอย่างน่าสงสาร
หลินหวั่นชิวไม่หยุดการกระทำในมือ นางนำแป้งขาวกับแป้งหยาบจำนวนเล็กน้อยมาใส่น้ำผสมเข้าด้วยกันและวางไว้ด้านข้าง จากนั้นจึงหันไปจุดไฟทำโจ๊กข้าวโพด
นางนำแป้งที่ผสมกันเรียบร้อยมาปั้นเป็ก้อนๆ แบบนขอบหม้อเพื่อทำเป็หมั่นโถวขอบหม้อ
“เจียงหงหนิง เมื่อวานเ้าเกือบทำข้าตาย แต่วันนี้กลับมาเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าคงรับไว้ไม่ได้หรอกนะ” เจียงหงหนิงไม่ยอมไป หลินหวั่นชิวมองเตาไปด้วย พูดกับเขาไปด้วย
“พี่สะใภ้ ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เจียงหงหนิงก้มหน้าพูด เขาไม่กล้ามองตาหลินหวั่นชิว
“เ้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจเลยป่าวประกาศโดยไม่ถามอะไรสักคำหรือ? อย่ามาบอกว่าเ้ายังเด็ก การเป็เด็กไม่ใช่ข้อแก้ตัว”
“ข้า…” เจียงหงหนิงที่ถูกหลินหวั่นชิวถามไล่ต้อนย่ำเท้าไปมาอย่างทำตัวไม่พูด แค่นึกย้อนถึงเื่เมื่อวาน เด็กน้อยยังคงหวาดกลัวอยู่
ตอนนั้นเขาเห็นเอ้อร์เกอนอนอยู่กลางกองเื…ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ข้างเอ้อร์เกอ จะโทษที่เขาคิดไม่ดีได้อย่างไร?
“ความผิดแรกที่เ้าทำเมื่อวานคือไม่รีบตรวจสอบว่าเอ้อร์เกอเ้ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ขอให้เ้าลองคิดทบทวนให้ดีว่าหากเมื่อวานข้าไม่อยู่ เ้าเห็นเอ้อร์เกอตัวเองนอนจมกองเื แทนที่เ้าจะหาวิธีห้ามเืให้เขาแต่กลับร้องะโว่าเขาตายแล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายเพราะเสียเืมากเกินไปจริงๆ ก็ได้ อย่ามาบอกข้าว่าเ้าห้ามเืไม่เป็ ในห้องพวกเ้ามียารักษาแผล ต้าเกอพวกเ้าก็ล่าสัตว์บนูเาตลอด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าต้าเกอเ้าไม่ได้สอนวิธีทำแผลและห้ามเื…”