จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง
หลังจากฟังรายงานของจื่อโตวแล้ว เซียวเจวี๋ยก็เงียบไปครู่หนึ่ง แสงเทียนส่องสะท้อนลงบนใบหน้าของเขา เค้าโครงที่เป็สามมิติและมีชีวิตชีวา สันกรามที่เฉียบคมหล่อเหลาราวกับมีด เพียงแต่การแสดงออกในดวงตาทั้งสองของเขากลับดูลึกล้ำเป็อย่างมากจนทำให้ผู้คนไม่สามารถเดาออกได้
“คิดไม่ถึงว่านางใช้เปลวไฟบริสุทธิ์” เซียวเจวี๋ยพูดพึมพำเบาๆ
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” จื่อโตวพยักหน้า พร้อมแสดงความประหลาดใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นางมารร้ายผู้นั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือในเื่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว ทว่า นางกลับยอมประนีประนอมบุญของตัวเองเพื่อช่วยมนุษย์คนหนึ่ง เป็เื่ที่เหลือเชื่อสิ้นดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นที่ข้าสั่งให้เ้าไปช่วยคน เ้ากลับยืนดูอยู่ข้างๆ งั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเซียวเจวี๋ยดังขึ้นมาเบาๆ แววตาที่ดูราวกับว่าไม่วิตกใดๆ เมื่อมองไปยังจื่อโตว สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปทันที
จื่อโตวคุกเข่าทั้งสองข้างลงทันที “าาโปรดทรงใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะเกียจคร้าน ทว่า เป็ความจริงที่กระหม่อมไปหลังจากที่ซานหุนของฮ่องเต้เหยียนถูกนางนำกลับคืนมาสู่ร่างของเขาแล้ว”
บนใบหน้าของเซียวเจวี๋ยยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา “เหลือแค่หาชีพั่วที่เหลือกลับมาใช่ไหม”
จื่อโตวพยักหน้า และคิดว่าตนเองควรสารภาพบางสิ่งอย่างตรงไปตรงมาจะดีกว่า “วันนี้กระหม่อมได้ทำข้อตกลงกับหญิงสาวผู้นั้นว่าจะมาเจอกันหลังจากที่พบชีพั่ว และส่งมันกลับไปที่ร่างฮ่องเต้เหยียนด้วยเปลวไฟบริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากจื่อโตวพูดจบ ก็รีบก้มศีรษะลง
ในห้องเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
หลังจากนั้นไม่นาน จื่อโตวก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง สิ่งที่เข้ามาในสายตาของเขาคือสายตาของชายหนุ่มที่เฉียบคมและเ็าราวกับน้ำแข็งเย็นะเื
“าาโปรดทรงอภัยให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ศักดิ์ศรีของยมโลกถูกเ้าทำเสียหายป่นปี้ไปหมดแล้ว” แม้ว่าน้ำเสียงของเซียวเจวี๋ยจะไม่ได้เบาหรือหนัก ทว่า กลับมีความแข็งกระด้างอยู่ในน้ำเสียง ทำให้จื่อโตวไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกละอายใจต่อตนเอง
“เ้าแลกเปลี่ยนอะไรไปกับนาง?”
ในใจของจื่อโตวถึงกับกระตุก และพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “บุญสาม...สามร้อยปีพ่ะย่ะค่ะ”
“เฮอะ”
เซียวเจวี๋ยยิ้ม ในสายตาที่เ็าเผยให้เห็นถึงความเยาะเย้ย ราวกับว่าได้ยินไม่ชัด เขาถามซ้ำอีกครั้งว่า “เท่าไรนะ?”
“บุญสาม...สามร้อยปีพ่ะย่ะค่ะ” จื่อโตวปิดตาลงราวกับว่าเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ
“เ้าคิดว่าข้าควรจะลงโทษเ้าเยี่ยงไรดี?”
น้ำเสียงที่ราบเรียบของเซียวเจวี๋ยดูไม่แยแส ทว่า จื่อโตวยังคงรู้สึกได้ถึงความโกรธที่ซ่อนอยู่ในความสงบนี้
เขาถึงขนลุกไปทั้งตัว ศีรษะก็ก้มจนแทบจะติดพื้น “กระหม่อมจะไปหาชีพั่วกลับคืนให้ฮ่องเต้เหยียนด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ หลังจากนั้นจะกลับไปยังยมโลกเพื่อรับการทรมานพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไปเถอะ” เซียวเจวี๋ยพูดอย่างไม่แยแส
“พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากนั้นจื่อโตวก็ลุกขึ้นมาจากพื้น
เมื่อเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง เขาก็คุกเข่าลงอีกครั้งพร้อมกับเสียงตุบ
“เอาบุญไปให้นางอีกหนึ่งพันปี หักมันจากบุญที่เ้าบำเพ็ญเพียรมาด้วยตัวเอง”
จื่อโตวรู้สึกเ็ปขึ้นมาทันใด ทว่า ก็ไม่ที่จะกล้าบ่นอะไรออกมา จึงทำได้แค่เพียงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เขารีบลุกขึ้นยืน และเมื่อกำลังจะออกไป เซียวเจวี๋ยก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
จื่อโตวที่เกือบจะร้องไห้ออกมา มองไปยังาาของตนเองด้วยความขมขื่น
าา แค่นี้เงินของข้าก็แทบไม่เหลือแล้ว...
“ในฐานะเทพพิพากษาแห่งยมโลก รักษาคำพูดด้วยล่ะ อย่าทำให้ยมโลกเสียหน้า” เซียวเจวี๋ยที่ยังคงหลับตา พร้อมกับน้ำเสียงที่ยังคงคาดเดาไม่ได้เช่นเดิม “แล้วชื่อของนางคือ ชิงอี”
จื่อโตวถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง และตอบรับเชื่อฟัง จากนั้นก้มศีรษะแล้วเดินออกไป
เมื่อในห้องเหลือเพียงเซียวเจวี๋ยคนเดียว เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นและคิดโดยไม่รู้ตัวว่าพลังที่นางขโมยจากเขาไปอย่างยากลำบาก เกรงว่าคงจะถูกใช้หมดไปอีกครั้งแล้วสินะ...
...
จื่อโตวออกจากจวนเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างหดหู่ใจ และเมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงหัวมุม ก็อดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งเข้าไปส่งเสียงร้องครวญคราง
“เหล่าฉู่...”
“เ้าโดนเช่นนั้นก็สมควรแล้ว” ฉู่สือพูดอย่างไม่แยแส “าาไม่โปรดคนที่ไม่มีความรับผิดชอบมาั้แ่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”
“ข้ารู้” จื่อโตวบ่นพึมพำ เขาก็รู้ว่าคราวนี้ตนเองทำอะไรผิด เพียงแต่... “บุญหนึ่งพันปีมันมากเกินไปจริงๆ นะ...ทั้งเงินส่วนตัวของข้า เงินำาญของข้าอีกล่ะ...”
ฉู่สือกลอกตา “เ้าก็ไปซื้อเสื้อผ้าของสาวทอผ้านั่นให้น้อยๆ สิ ไม่ได้ซื้อแล้วจะอยู่ไม่ได้เลยหรือไร”
จื่อโตวกัดแขนเสื้อ พร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา “เ้าไม่รู้เื่อะไรเอาเสียเลย หยุดอะไรก็หยุดได้ แต่เสื้อผ้าน่ะหยุดไม่ได้หรอก นี่คือสิ่งที่ข้าภาคภูมิใจที่สุดเลยนะ!”
ฉู่สือถึงกับหมดคำพูดกับชายหนุ่มที่ยึดติดผู้นี้ ในบรรดาสี่าาผดุงธรรม นอกจากตัวเขาเองแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็ บ้าไปหนึ่งคน งี่เง่าไปหนึ่งคน และเป็คนโง่เขลาอีกหนึ่งคน ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากังวล!
“อย่างไรก็ตาม ประโยคสุดท้ายที่าาพูดมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?” จื่อโตวกัดริมฝีปากและพูดว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเหตุผลที่เขาโกรธขนาดนี้ นอกเหนือเื่ที่ข้าทำแล้ว ยังมีเื่ของนางมาร...เื่ของชิงอีนั่นด้วย?”
เมื่อก่อนพวกเขาเรียกนางมารร้ายมาตลอด ราชินีชิงอีก็คือนางมารร้าย!
ทว่า คราวนี้าากลับสั่งให้พวกเขาเปลี่ยนคำพูดเสียงั้น
ดวงตาของฉู่สือเผยให้เห็นถึงความลังเล ทว่า ใบหน้ายังคงสุขุมดั่งเดิม “พระทัยของาาก็อย่าไปคาดเดา รีบทำธุรกิจให้เสร็จแล้วกลับไปรับบทลงโทษซะ!”
หลังไล่จื่อโตวไป ฉู่สือก็สูดหายใจลึกๆ คิ้วของเขาก็กดต่ำลงเรื่อยๆ
าาทรงห่วงใยหญิงสาวผู้นั้นงั้นหรือ?
ไม่ ข้าต้องคิดมากไปเองแน่ๆ!
...
หลังจากที่ชิงอีตื่นขึ้น นางก็จ้องไปที่ม่านดอกไม้ที่อยู่เหนือหัวของนางครู่หนึ่ง
เมื่อวานนางต้องสมองเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ ถึงได้ตอบรับข้อตกลงกับจื่อโตวว่าจะช่วยชีวิตฮ่องเต้เฒ่านั่น!
เปลวไฟบริสุทธิ์นั่นคือบุญทั้งหมดเลยนะ!
บุญคืออะไร? มันคือเงินไงล่ะ!!!
ไม่มีเงินก็ต้องหาเงินสิ แต่พลัง...
เฮอะๆ เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา นี่คือความรู้สึกของร่างกายถูกทำให้กลวงสินะ
นางจ้องมองไปที่แหวนจื่อจินที่มือขวา รวบรวมพละกำลังแล้ว ดึงแหวนจื่อจินออกมา จากนั้นก็โยนมันลงบนพื้น แล้วะโเหยียบมันอีกหลายๆ ครั้ง
นางใช้ความพยายามแทบตายเพื่อขโมยมันมา มันไม่มีประโยชน์เลยสินะ?
เหตุใดมันถึงไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ออกมา!!
พรูด
เ้าแมวอ้วนจับก้นแล้วพูดว่า “โอ้ องค์หญิงผู้เสียสละ ราชินีชิงอีผู้เสียสละ ขนาดหลังตื่นนอนก็ยังเต็มไปด้วยพลัง! สมกับที่เป็แบบอย่างของหกโลกา เป็หญิงสาวรูปงามที่มีคุณสมบัติทั้งสี่[1]ในโลกแห่งภูตผี!”
“เ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
นางมารร้ายเตรียมจะฆ่าเ้าแมว เพื่อระบายความโกรธ
เ้าแมวอ้วนซ่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะโยนสิ่งที่แอบออกมา
ชิงอีรับมันมา และยื่นมือไปจับหางของเ้าแมวเอาไว้ จากนั้นก็ยกมันขึ้นมา เมื่อเตรียมที่จะมองหามีด ทว่า กลับเห็นว่าในมือมีอะไรอยู่
“ไข่มุกบุญกุศล?” นางขมวดคิ้วในทันที และโยนเ้าแมวอ้วนออกไป จากนั้นก็ลูบสิ่งที่อยู่ในมือของตนเอง และพบว่าไข่มุกบุญกุศลที่มีประกายสีทองอ่อนเล็กน้อยนี้ ดูนุ่มนวลกว่าไข่มุกบุญกุศลอายุสามร้อยปีที่เอามาจากจื่อโตวเมื่อวานเสียอีก เช่นนั้นไข่มุกอันนี้เป็?
“บุญหนึ่งพันปี เ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ใดกัน?”
“ข้าไม่ได้ให้ท่านเสียหน่อย!” เ้าแมวอ้วนลูบก้นตัวเองอย่างเชื่องช้า มันเจ็บจนหางจะขาดอยู่แล้ว
“เหอะ เ้ามีเงินส่วนตัวเท่าไร ข้ายังไม่รู้เลย?” ใบหน้าของชิงอีเต็มไปด้วยความดูถูก วันทั้งวันเอาแต่ดื่มเหล้าและเล่นการพนันกับเหล่าผีน้อย จนเงินหมดเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว ยังจะมาแกล้งทำตัวเป็เศรษฐีอีก?
เ้าแมวอ้วนเลียอุ้งเท้าอย่างโกรธเคือง “เมื่อคืนชายหนุ่มผู้นั้นเอามันมาให้ข้า พร้อมกับบอกว่าเขาจะหาชีพั่วกลับไปยังร่างของฮ่องเต้เหยียนด้วยตนเอง”
ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น
“ไม่มีอะไรนอกจากนี้อีกหรือ?”
“ท่านคาดหวังอะไรอยู่งั้นหรือ?”
มีบางอย่างผิดปกติ
สีหน้าของชิงอีเต็มไปด้วยความลังเล ชายหนุ่มจื่อโตวผู้นั้นก็ไม่ได้ลงรอยกับนางมาั้แ่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว อีกอย่างทุกคนในหกโลกาต่างรู้กันว่านอกจากที่เขาจะใช้เงินซื้อเสื้อผ้าอย่างอู้ฟู่แล้ว ในเื่อื่นๆ เขาตระหนี่จนแม้แต่ผีตัวเล็กตัวน้อยก็ไม่แยแส
ทว่า เขากลับให้บุญมาหนึ่งพันปีเนี่ยนะ? นี่มันเ็ปกว่าการฉีกเนื้อของเขาอีกไม่ใช่หรือ?
อีกอย่างชายผู้นั้นจะวิ่งไปมาหาชีพั่วกลับมาด้วยตนเองได้อย่างไรกัน?
“ข้าว่า...จื่อโตวหนุ่มน้อยผู้นั้นอาจจะตกหลุมรักท่านก็ได้นะ?” เ้าแมวอ้วนพูดขึ้นมา “นั่นก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน แล้วเหตุใดเขาถึงต้องขัดขวางไม่ให้ท่านไปหาาาเป่ยอินทุกครั้งเลยล่ะ อีกอย่างเมื่อคืนก็ยังเอาไข่มุกบุญกุศลหนึ่งพันปีเช่นนี้มาส่งให้ถึงมืออีก!”
“ไร้สาระ!” จู่ๆ สีหน้าของชิงอีก็เขียวคล้ำในทันที นางโกรธเกรี้ยวและรังเกียจราวกับไปเหยียบกองอึมาอย่างไรอย่างนั้น “ผู้ชายออกสาวเช่นนั้นคู่ควรที่จะมาชอบข้าด้วยหรือไร?! อย่างแรกที่ข้าจะทำก็คือจับเขาทำหมันนี่แหละ!”
“ฮัดชิ้ว”
จื่อโตวที่ถูกลงโทษในยมโลกจามอย่างรุนแรง ชายหน้าดำอีกคนที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าและพูดขึ้นมาว่า “ยังจะจามได้อีกเหรอ ดูเหมือนว่าการทรมานด้วยไฟไม่เพียงพอสินะ เพิ่มไฟให้แรงกว่านี้อีก!”
ร่างทั้งร่างของจื่อโตวที่เกือบจะละลายไปจนหมด
“คุนอู๋ เ้าไม่ต้องโหดร้ายขนาดนั้นก็ได้”
“ฮัดชิ้ว ใครด่าข้าลับหลังกันแน่นะ”
***********************
[1] คุณสมบัติทั้ง 4 คือ คุณสมบัติของผู้หญิง ได้แก่ ความประพฤติดี การพูดจาอ่อนหวาน การแต่งตัวเรียบร้อย และการยินดีทำงานบ้าน
