หมอกทมิฬพุ่งสูงจนทั้งหลุมสั่นระรัว เสียงคำรามอันน่าสะพรึงดังมาจากใต้ดินราวกับปีศาจฟื้นคืนชีพ
โลงศพทองแดงส่งเสียงเอี๊ยดราวกับมีคนใช้เล็บข่วนอยู่ภายในโลง เสียงลั่นดังเอี๊ยดทำให้ทำให้จิตใจสั่นคลอน
หนิงเทียนไม่เคยได้ยินเสียงเช่นนี้มาก่อน
แต่เมื่อเขาเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม หลังจากปลูกแผนภาพกระบี่ลงในเส้นลมปราณที่สามได้สำเร็จ เขาก็สร้างปฏิสัมพันธ์บางอย่างกับหญ้าต้นน้อย และสามารถััได้ถึงสิ่งที่มันเคยประสบมา
ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดฝังอยู่ในโลงศพทองแดงอนธการ และมันกำลังดิ้นรนพยายามฝ่าผนึกออกมาเห็นแสงแห่งวันอีกครา
หญ้าต้นน้อยเป็ปฏิปักษ์ต่อสิ่งที่ดำรงอยู่ในโลงศพทองแดงอนธการอย่างยากจะอธิบาย มัน้าปิดผนึกอีกฝ่ายไว้ แต่ก็มีความกลัวแฝงอยู่มากมายเช่นกัน
ตราประทับบนโลงศพทองแดงอนธการดูเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ ฝาโลงจึงสั่นะเืขึ้นเป็ครั้งคราว และพลังอนธการที่ล้นออกมาก็กลายเป็ิญญาดุร้าย ซึ่งหญ้าต้นน้อยจะคอยบดขยี้พลังอนธการไว้ด้วยปราณกระบี่ และไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว มันติดอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากสภาพจนตรอก หากวันหนึ่งต้นหญ้าทนไม่ไหว สิ่งที่ดำรงอยู่ในโลงศพทองแดงอนธการก็จะกลับมาอีกครั้ง แต่ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในสภาพสมดุล
เส้นลมปราณที่สามในร่างของหนิงเทียนเชื่อมโยงกับหญ้าต้นนั้น เขาจึงได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับโลงศพทองแดงอนธการมาอย่างง่ายดาย และยืนยันได้ว่าดวงตาในป่าทึบเกี่ยวข้องกับโลงศพทองแดงอนธการจริงๆ
เส้นลมปราณที่สามสอดคล้องกับมือซ้ายของหนิงเทียน แผนภาพกระบี่ในเส้นลมปราณคล้ายคลึงกับแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกและสอง ซึ่งเป็รากฐานให้หนิงเทียนเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม
หลังจากใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ เงาร่างทั้งสามก็ปรากฏขึ้นรอบกาย โดยมีบงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว และหญ้าต้นน้อย ส่วนดอกไม้ ต้นไม้ และต้นหญ้าล้วนที่เป็ตัวแทนของเชื้อสายรากพฤกษา ซึ่งจิติญญาทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ด้วยกันในร่างเดียวอย่างเป็เอกลักษณ์
รากบ่มเพาะของหนิงเทียนแตกต่างจากจื๋อซิวทั่วไป มันซ่อนรายละเอียดของรากบ่มเพาะไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้คนยากที่จะรู้ได้ว่าตัวตนของเขาเป็เช่นใด
บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว และหญ้าต้นน้อยกลืนกินพลังิญญาฟ้าดิน ก่อตัวเป็กระแสน้ำแห่งจิติญญาสามสาย ความเร็วของพวกมันทำให้หนิงเทียนประหลาดใจ
เมื่อครั้งที่หนิงเทียนมาถึงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก บงกชสีมรกตสามารถดูดกลืนพลังิญญาได้เร็วกว่าตอนอยู่ขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า
เมื่อมาถึงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง ความเร็วที่บงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวต่างก็ดูดกลืนพลังิญญาเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบห้าเท่า ซึ่งรวมกันเป็ห้าสิบเท่า
และตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม ความเร็วของบงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว และหญ้าน้อยก็เพิ่มขึ้นเป็อย่างละสามสิบหกเท่า ซึ่งรวมกันเป็หนึ่งร้อยแปดเท่า!
ดูเหมือนว่ายิ่งขอบเขตสูงขึ้นเท่าใด ความเร็วในการดูดกลืนพลังิญญาของเส้นลมปราณที่ได้รับการปลูกก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับการฝึกฝนทั่วไป ความเร็วในการดูดกลืนพลังด้วยรากจิติญญาของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกจะเพิ่มเป็สิบเท่าจากขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองคือยี่สิบเท่า และขั้นสามคือสามสิบเท่า ส่วนขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้าก็จะเป็เก้าสิบเท่า
แม้หนิงเทียนจะอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม แต่รากบ่มเพาะของเขาไม่ธรรมดา และแผนที่จิติญญาก็ยังแตกต่างจากรากจิติญญาด้วย การฝึกฝนของเขาจึงไม่เป็ไปตามกฎนี้
พลังงานชั่วร้ายในหลุมลึกนั้นน่าพิศวง หญ้าสีเขียวกำลังแกว่งไปมาบนพื้น ปราณกระบี่พุ่งสังหารรอบทิศทาง
ดวงตาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ แผนภาพกระบี่ในเส้นลมปราณที่สามของเขาสลายตัว ก่อนจะพัฒนาเป็สุดยอดความลึกลับแห่งวิวัฒนาการ พร้อมก่อตัวเป็ยันต์กระบี่หลายชุด ซึ่งประกอบไปด้วยถ้อยคำอันน่าอัศจรรย์ของการรวมกันเป็วิชากระบี่
“วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น พันธะแห่งโลกาดับสูญ เริ่มจากอนันต์ การไร้เงาคือจุดสิ้นสุด”
เสียงกระบี่ดังก้อง ปราณกระบี่ทะยานเหนือเมฆา
แผนภาพกระบี่ที่ปลูกในเส้นลมปราณที่สามของหนิงเทียนส่องแสงเจิดจ้า ราวกับแผนที่จิติญญาที่ฟื้นคืนชีพ มันแสดงวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น ซึ่งดึงดูดความสนใจของหนิงเทียนเป็อย่างยิ่ง
วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นแตกต่างจากวิชากระบี่ทั่วไป มันเปลี่ยนจากความซับซ้อนเป็เรียบง่าย เริ่มต้นด้วยความไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อเสร็จสิ้นการฝึกฝน กระบี่ก็หายไปไม่เหลือแม้เงา นั่นคืออนันต์ซึ่งเป็ความหมายที่แท้จริงของมัน
วิชากระบี่อื่นๆ เน้นไปที่พลัง ความสง่างาม และความแ่เบา ทว่าวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นนั้นละเอียดอ่อนและมองไม่เห็น ทั้งยังไล่ตามจุดสุดยอด และมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถป้องกันได้
ระหว่าง์และโลก ใหญ่และเล็กเป็สองขั้วที่แตกต่าง
หลายคนแสวงหาความยิ่งใหญ่ เช่น พลังอันมหาศาล ระยะการตรวจจับที่กว้างไกล ตลอดจนการทำลายล้างที่สูงส่ง แต่น้อยคนนักที่จะเข้าหาทิศทางเล็กๆ
การเปลี่ยนแปลงของห้วงอากาศเป็ตัวอย่างทั่วไป แต่นั่นไม่ใช่จุดสุดยอด
ทักษะศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นที่มีอยู่ในเส้นลมปราณที่สามเป็วิชากระบี่ขนาดเล็กที่หาได้ยากยิ่ง
หนิงเทียนศึกษาวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นอย่างถี่ถ้วน โดยมีท่าพื้นฐานหนึ่งพันยี่สิบสี่กระบวนท่า หลังจากรวมแต่ละกระบวนท่าเข้าด้วยกัน พลังจะเพิ่มเป็สองเท่า ทว่าขนาดของปราณกระบี่ก็จะเล็กลงอย่างมาก และเมื่อถึงระดับหนึ่ง ปราณกระบี่ก็จะกลายเป็แสง แล้วเปลี่ยนเป็เข็มที่ไม่อาจทำลายได้
วิชากระบี่ชุดนี้คล้ายกับทะลวงพันชั้น มันมีกระบวนท่าพื้นฐานที่มากเกินไป และต้องมีการพัฒนาและบูรณาการอย่างต่อเนื่อง
สภาพแวดล้อมที่นี่มีความพิเศษ ซึ่งเอื้อต่อการเรียนรู้ของหนิงเทียน จนกระทั่งเขาเชี่ยวชาญกระบวนท่าพื้นฐานของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น เขาก็ถอนตัวออกจากขอบเขตที่ไม่มีตัวตนนี้
ทว่ายามนั้นกลับเกิดการสั่นะเือย่างรุนแรงในโลงศพทองแดงอนธการใต้ดิน พลังอนธการจำนวนมากล้นออกมา ซึ่งส่วนใหญ่ถูกดักจับไว้โดยปราณกระบี่ แต่พลังอนธการส่วนเล็กๆ ยังคงควบแน่นเป็ิญญาปีศาจร้าย พร้อมเปล่งรัศมีอันเ็าและโเี้ ทั้งยังมีดวงตาสีฟ้าจางอันเร่าร้อนจับจ้องหนิงเทียนอย่างเ็า
ปีศาจตนนั้นอยู่ในร่างมนุษย์ รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่ปล่อยออกมาทำให้หนิงเทียนหายใจถี่ มันเต็มไปด้วยพลังสังหารที่รุนแรง
เงาดำส่องประกาย ปีศาจโจมตีฉีกผ่านห้วงอากาศราวกับพายุสีดำ เกิดเสียงกรีดร้องที่สั่นไหวและเสียงคำรามกระจายไปทั่ว
กรงเล็บปีศาจสีดำเฉียบคมและยาวกว่าสามจั้ง ซึ่งเกิดจากความขุ่นเคืองนับไม่ถ้วน แม้จะยังไม่เข้ามาใกล้หนิงเทียน ทว่าก็ทำให้ร่างกายของเขาเกิดความตึงเครียด และเกิดความรู้สึกเย็นเฉียบแผ่ไปทั่ว
ท่าทางของหนิงเทียนกลายเป็เคร่งขรึม เขาค้นพบว่าการก่อตัวของิญญาปีศาจนั้นเป็ผลจากหญ้า และการโจมตีของิญญาปีศาจในครั้งนี้ก็เป็การทดสอบเขาด้วยเช่นกัน
เมื่อเ้าเชี่ยวชาญวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นแล้ว เช่นนั้นก็จงนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้!
หนิงเทียนไม่มีทางเลือกให้หลบหนี ความแข็งแกร่งของิญญานั้นเหนือจินตนาการ เขาจึงใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์จนถึงที่สุด แสงสีทองไหลไปทั่วร่างกาย ทว่ามันแทบไม่อาจต้านกรงเล็บปีศาจได้ การโจมตีจากมันทำให้เขาลอยไปไกลกว่าสิบจั้งพร้อมเสียงโครมคราม ยามนี้แขนขวาของเขาทั้งเจ็บและชา
หนิงเทียนตกตะลึงอย่างมาก กายาสุวรรณะนิรันดร์ของเขาเข้าสู่ระดับสี่แล้ว นี่มันแทบจะเป็คงกระพัน คาดไม่ถึงว่าเขาจะถูกิญญาขับไล่ได้อย่างง่ายดาย ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายเกินความคาดหมายของเขาไปมาก
การเคลื่อนไหวของิญญารวดเร็วดุจสายฟ้า ทิศทางของกรงเล็บไม่อาจคาดเดา ซึ่งมักจะเล็งไปยังจุดที่อันตรายถึงชีวิตเช่นหัวใจและหว่างคิ้ว
หนิงเทียนคำรามอย่างบ้าคลั่ง มือซ้ายใช้วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น แล้วเสริมด้วยทะลวงพันชั้นจากมือขวา ผลคือเมื่อเขาทำสองสิ่งพร้อมกัน วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเกิดความไม่คุ้นเคย ไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการใช้พลังของมันเท่านั้น มันกลับส่งผลเสียต่อทะลวงพันชั้นไปด้วย ซึ่งทำให้เขาถูกิญญาโจมตีจนกระเด็นไปอีกครั้ง และคราวนี้เขาถึงกับกระอักเืและาเ็สาหัส
“เยาเยา!”
เมื่อหนิงเทียนะโเรียก ร่างของทหาริญญาก็เปล่งประกายขึ้น มันเรียกใช้ทักษะเคลื่อนย้าย ซึ่งช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งที่สามของิญญาปีศาจได้อย่างหวุดหวิด
“ทะยานหลงเงาตัดผกา! ทะลวงพันชั้น!” หนิงเทียนเลือกใช้ท่าที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็ท่าที่เขาเชี่ยวชาญ
แต่ปีศาจนั้นน่ากลัวและไม่อาจคาดเดา วิชาทะยานหลงเงาตัดผกาจึงไม่สามารถทำลายร่างของมันได้ และทะลวงพันชั้นก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้มากนัก
ขณะที่กรงเล็บิญญาร้ายเคลื่อนไหว ท้องฟ้าก็สั่นะเื กระแสลมหวนหวีดหวิวก่อตัวเป็พายุหมุน ทำให้ผมของหนิงเทียนสยายอย่างดุเดือด
ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยลวดลายสีทอง กายาสุวรรณะนิรันดร์มีบทบาทในการป้องกันขั้นสูง แม้เขาจะไม่สามารถเอาชนะิญญาร้ายได้ แต่ก็สามารถลดความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เขาใช้ทะลวงพันชั้นและทะยานหลงเงาตัดผกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยังคงไม่มีผลมากนัก สิ่งนี้ทำให้หนิงเทียนตระหนักได้ว่าเขาต้องใช้วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น
ิญญาร้ายนั้นเ็าและอำมหิต พละกำลัง ความเร็ว และการเคลื่อนไหวของมันล้วนเหนือกว่าหนิงเทียน มันทุบตีเขาจนอาเจียนเป็เื และต้องถอยไปอย่างน่าอับอายราวสุนัข
หนิงเทียนคำรามพร้อมกลั้นลมหายใจอันแรงกล้าไว้ แล้วเริ่มใช้วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นโดยไม่ลังเล จากความไม่คุ้นเคยไปสู่ความชำนาญ และค่อยๆ เชี่ยวชาญมากขึ้น
ในเวลานี้ หนิงเทียนถูกปีศาจโจมตีอย่างน้อยร้อยครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะกายาสุวรรณะนิรันดร์ เขาคงกลายเป็กองกระดูกไปนานแล้ว
เขางอแขนแล้วดีดนิ้ว ปราณกระบี่เปรียบเสมือนสายรุ้ง
หนิงเทียนเปล่งลำแสงปราณกระบี่ออกมาจากปลายนิ้วราวกับกระบี่บินที่หมุนวน จากนั้นก็ระดมโจมตีิญญาร้าย ปราณกระบี่อันแหลมคมดูเหมือนจะสร้างผลกระทบบางอย่างกับมัน
ขอบปราณกระบี่ของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นนั้นคมและเล็กกว่าขอบปราณกระบี่ของวิชากระบี่ทั่วไปมาก มันมีอำนาจที่แข็งแกร่งและพลังทะลุทะลวงขั้นสูง
ิญญาร้ายเคลื่อนที่เร็วมาก หนิงเทียนต้องใช้เวลาถึงหนึ่งก้านธูปเพื่อแสดงวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นหนึ่งพันยี่สิบสี่กระบวนท่า ซึ่งยามนี้ความเข้าใจและทักษะของวิชากระบี่ก็มาถึงระดับเชี่ยวชาญแล้ว
อย่างไรก็ตาม หนิงเทียนยังห่างไกลจากการเป็คู่แข่งกับิญญาร้าย และเขาจำเป็ต้องบุกทะลวงไปให้ได้
ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังและไร้ทางเลือก เขากัดฟันพร้อมแสวงหาความก้าวหน้าจากความเชี่ยวชาญ เขาทุ่มเทพลังงานทั้งหมดลงไป และยามนี้เขาก็อยู่ในสภาพการต่อสู้ที่ตึงเครียดมาก
บงกชสีมรกตไหวเอนข้างกาย ต้นไม้แห้งเหี่ยวเฉยชา หญ้าสีเขียวร่ายรำตามสายลม ราวกับเงากระบี่ที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และปล่อยคลื่นผันผวนลึกลับออกมา
หนิงเทียนล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า มุมปากมีโลหิตหลั่งริน อวัยวะภายในถูกโจมตีจนาเ็สาหัส
เงากระบี่ทับซ้อนกันในใจของหนิงเทียนพร้อมเสียงคำรามดัง ด้วยการเคลื่อนไหวของกระบี่ที่ประสานกันในมือ ยามนี้เขาก้าวข้ามระดับแรกของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น และใกล้เข้าสู่ระดับสองแล้ว
นี่เป็กระบวนการต่อเนื่อง และิญญาก็เริ่มรับรู้ถึงอันตรายจึงโจมตีอย่างบ้าคลั่ง มันทุบตีหนิงเทียนจนเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และกายาสุวรรณะนิรันดร์เกือบแตกสลาย
ผมของหนิงเทียนยุ่งเหยิง เขากรีดร้องและคำรามสนั่น จิติญญาแห่งการต่อสู้ลุกเป็ไฟ เขากำลังดิ้นรนอย่างสิ้นหวังระหว่างความเป็และความตาย และใน่เวลาวิกฤต เขาก็สามารถฟันฝ่าวิชากระบี่และเข้าสู่ระดับสองของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นได้สำเร็จ
การหลอมรวมของกระบวนท่ากระบี่ส่งผลให้พลังเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า กระบวนท่าพื้นฐานหนึ่งพันยี่สิบสี่ท่าถูกควบรวมเป็ห้าร้อยสิบสองท่า คมกระบี่หดตัวสั้นลงสองเท่า แต่พลังการเจาะทะลุกลับเพิ่มขึ้นเป็สองเท่า
นี่คือเอกลักษณ์ของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น ยิ่งระดับสูงขึ้นปราณกระบี่จะกลายเป็แสง จนกว่าจะไม่อาจหยุดยั้งได้อีก
ิญญาปีศาจส่งเสียงโหยหวน หลังจากวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเข้าสู่ระดับสอง ปราณกระบี่ที่มีลักษณะคล้ายเข็มก็สามารถเจาะการป้องกันของิญญาและสร้างความเสียหายได้จำนวนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ปราณกระบี่ของหนิงเทียนแหลมคมเกินไป เหล่าิญญาซึ่งประกอบด้วยพลังแห่งคำสาปและพลังอนธการลึกลับ ทำให้การโจมตีด้วยกระบี่พลาดเป้าหมาย และไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับพลังอนธการขนาดเล็กได้
แต่ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังหันปลายเข็มเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร[1] แม้ความเสียหายจะไม่เพียงพอที่จะสยบิญญาร้ายได้ แต่อย่างน้อยมันก็ก่อให้เกิดภัยคุกคาม
ในการต่อสู้ที่กำลังดำเนินไป ิญญายังคงเป็ฝ่ายเหนือกว่า แต่หนิงเทียนก็ไม่คิดถอยกลับ เขาเข้าใจความลับแล้ว หากเขา้าเอาชนะิญญาร้ายตนนี้ เขาต้องพัฒนาวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นของตน และนี่คือจุดประสงค์ในการฝึกของเขา
จิติญญาการต่อสู้ของหนิงเทียนบ้าคลั่ง ไม่มีสิ่งใดรบกวนเขาได้เลย มือทั้งสองคือกระบี่ ทั้งยังเคลื่อนไหวต่อไปด้วยวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นทีละกระบวนท่า เขาต่อสู้กับิญญาร้ายจนกระทั่งท้องฟ้านองโลหิต
สิบกระบวนท่า ร้อยกระบวนท่า พันกระบวนท่า...
หนิงเทียนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือการต่อสู้!
เืเดือดดาล การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย กลายเป็การฝึกฝนที่ดีที่สุดสำหรับหนิงเทียน และยามนี้ทักษะกระบี่ของเขาก็ทะลุผ่านเข้าสู่ระดับสามโดยไม่รู้ตัว
คมแหลมบางกว่าปลายเข็มปล่อยคลื่นแสงสีเขียวอ่อน ซึ่งเกิดจากการบีบตัวของแสงกระบี่
ิญญาร้ายคำราม ก่อนจะถูกคลื่นแสงสีเขียวซัดกระเด็น พลังอนธการส่วนหนึ่งแตกสลายไปในพริบตา
วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเข้าสู่ระดับสามแล้ว ซึ่งพัฒนาเป็วิชากระบี่สองร้อยห้าสิบหกกระบวนท่าที่ทรงพลัง แต่ละการเคลื่อนไหวมีกระบวนท่าพื้นฐานสี่อย่าง และพลังก็เพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อเทียบกับระดับแรก
ในที่สุด หนิงเทียนก็สามารถเผชิญหน้ากับิญญาร้ายได้ ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ที่ดุเดือด และหนิงเทียนก็ใช้ความพยายามอย่างหนักจนสามารถสังหาริญญาร้ายลงได้
---------------------------------------
[1] หันปลายเข็มเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร (针尖对麦芒) หมายถึง ทั้งสองฝ่ายต่างมีอำนาจ จึงเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้ คล้ายสำนวน “ขิงก็รา ข่าก็แรง” ในภาษาไทย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้