นางเห็นว่าสีหน้าป้าโฉ่วเต็มไปด้วยความกังวล กระนั้นเหยียนอู๋อวี้กลับแย้มยิ้มคล้ายไม่มีอันใดเกิดขึ้นพลางกล่าวว่า “เ้าคิดว่าเมื่อก่อนเขาไม่สงสัยเช่นนั้นหรือ?”
ป้าโฉ่วตกตะลึงโดยไม่ทราบสาเหตุ
เหยียนอู๋อวี้กล่าว “ครั้งก่อนเขาเปลื้องผ้าข้าบนเตียงเพื่อหาาแบนหน้าอกซ้ายข้า ครั้งนี้จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวที่ตำหนักเฟิ่งชัย คิดดูแล้วเขาคงได้ยินมาว่าจวนเฉิงเซี่ยงเกิดเื่ จึงมาหาหลักฐานดูว่าข้าเป็มือสังหารหรือไม่ แน่นอนว่ายังหลอกถามไปมากมายหลายอย่าง เขาไม่เคยไว้วางใจในตัวข้าเลย”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ คุณหนูยิ่งไม่อาจปล่อยให้เขาสงสัยมากกว่าเดิมนะเ้าคะ!” ป้าโฉ่วเอ่ยอย่างร้อนรน นางมักรู้สึกว่าเหยียนอู๋อวี้กำลังปล่อยให้ไหแตกแล้วแตกอีก การกระทำล่าสุดยิ่งไม่ระมัดระวังเอามากๆ
“ไม่มีทาง แม้เขาจะสงสัยข้า แต่คงไม่มากไปกว่านี้ ยามนี้เขาน่าจะเป็ห่วงฮวารั่วซีและกำลังสงสัยฮวารั่วซี ไหนเลยจะมาถึงคราวของข้า?” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะตบมือป้าโฉ่วพลางกล่าว “ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
ป้าโฉ่วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ฟ้ามืดแล้ว คุณหนูอยากทานสิ่งใดบ้างหรือไม่ อยากพักผ่อนสักครู่หรือไม่เ้าคะ?”
เหยียนอู๋อวี้ส่ายศีรษะพลางกล่าว “ยังไม่ถึงเวลาพักผ่อน ยังมีคนผู้หนึ่งรอข้าไปพบอยู่”
ป้าโฉ่วได้ยินจึงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนู วันนี้ท่านเคลื่อนไหวเยอะกว่าก่อนหน้าแล้ว เกรงว่า...…”
“เอายาให้ข้าสักหน่อย เื่พวกนี้ต้องจัดการให้เสร็จใน่นี้” เหยียนอู๋อวี้กล่าวเสียงราบเรียบ “ครั้งนี้ไม่้ายาหยิ่นอู๋ ข้าสวมชุดกลางคืนก็ได้แล้ว”
“คุณหนู้าไปที่ใดเ้าคะ?” ป้าโฉ่วหยิบชุดกลางคืนมาให้นางเปลี่ยนพลางเอ่ยถาม
“ไปพบอาลักษณ์อู๋” เหยียนอู๋อวี้กล่าว “แม้อู๋เจาหรงจะพูดออกมาแล้ว แต่ให้ข้อมูลมาไม่มากนัก ที่เหลืออยู่ในมืออาลักษณ์อู๋ เพียงแค่เขาพูดออกมา เราก็จะเดินไปได้อีกก้าว”
ป้าโฉ่วถอนหายใจ หลังจากส่งเหยียนอู๋อวี้แล้วนางจึงเรียกซวงสี่เข้ามาให้แสร้งทำท่าทางเป็เหยียนอู๋อวี้กำลังนั่งอยู่ ตอนแรกที่โจวหลู่ชิงเลือกคนให้เหยียนอู๋อวี้ กลับกลายเป็เื่บังเอิญมากที่อีกคนรูปร่างคล้ายคลึงกับนางแปดถึงเก้าส่วน มองจากแผ่นหลังผู้อื่นสังเกตได้ไม่ง่ายดายนัก
อาลักษณ์อู๋ถูกขังอยู่ในคุกหลวงที่มีการคุ้มกันแ่า ทว่าการจะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้มิใช่เื่ยากอันใดสำหรับเหยียนอู๋อวี้ ปีนั้นที่ซ่งอี้เฉินถูกขังอยู่ในนี้เพราะถูกคนใส่ความ นางก็เคยมาที่นี่เพียงคนเดียว อยู่เป็เพื่อนเขาทั้งคืนแล้วจากไปเงียบๆ
นางรู้จักโครงสร้างและการจัดวางของคุกหลวงเป็อย่างดี ต่อมาเพราะกังวลว่าจะเกิดปัญหา นางจึงจัดวางด้วยตนเองรอบหนึ่ง หลายปีมานี้ที่นี่ยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้
ดังนั้นเหยียนอู๋อวี้จึงยืนอยู่เบื้องหน้าอาลักษณ์อู๋โดยมิได้พบเจออุปสรรคอันใด
อาลักษณ์อู๋ถูกขังอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งตามลำพัง หลังจากผ่านการทรมานมาหนึ่งวัน เขาหายใจรวยริน ร่างกายครึ่งหนึ่งถูกแขวนอยู่บนโซ่ตรวน มองเห็นกระดูกสีขาวได้เลือนราง
เหยียนอู๋อวี้เดินไปข้างหน้าพร้อมเอ่ยเรียกเสียงเบา “อาลักษณ์อู๋”
อาลักษณ์อู๋ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เมื่อเห็นคนสวมหน้ากากปรากฏตัวเบื้องหน้าตนเองจึงใ หากแต่ไม่กล้าส่งเสียงออกไป
ต่อให้ไม่ทราบตัวตนของผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ในคุกหลวงขณะนี้ ทว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนของไทเฮาอย่างแน่นอน
หรือว่าเป็คนขององค์หญิงใหญ่?
อาลักษณ์อู๋นึกสงสัยในใจ ทว่ามิได้ส่งเสียงออกไป เขามองนางด้วยสายตามีคำถาม
สมเป็จิ้งจอกเฒ่าจริงๆ! เหยียนอู๋อวี้แอบสบถด่าในใจหนึ่งประโยค ก่อนจะเอ่ยอย่างเชื่องช้า “พุทราสามลูกหน้าประตู ตกหนึ่งลูก กินหนึ่งลูก ยังแขวนอยู่อีกหนึ่งลูก”
อาลักษณ์อู๋ดวงตาเบิกกว้างทันที เขาเอ่ยอย่างยากลำบาก “ดอกไม้บานสองดอก ยามเช้าส่งไปหนึ่งดอก ยามเย็นส่งไปหนึ่งดอก”
“ยามเช้าส่งขึ้น์ ยามเย็นส่งให้หมาป่า”
อาลักษณ์อู๋ไม่กล้าผ่อนคลาย ทำเพียงเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านทูต เสียนอ๋องเรียกท่านมาหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เหยียนอู๋อวี้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า “นัดพบบนชั้นวางหอหนิงเซียง แจกันดอกไม้ศิลาดลใบหนึ่งของราชวงศ์ก่อน”
เมื่อได้ยินอีกครั้งอาลักษณ์อู๋จึงเชื่อในที่สุด เขาเอ่ยถามเสียงเบา “บอกเสียนอ๋องได้ ข้ามิได้ปริปากแม้สักคำ”
“ใต้เท้าอาลักษณ์ เกรงว่ายามนี้มิใช่เวลามาเจรจาเงื่อนไข” เหยียนอู๋อวี้กล่าวเสียงเ็า
อาลักษณ์อู๋มองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“องค์หญิงใหญ่มิได้ปรากฏตัว วันนี้ที่ท้องพระโรงพากันกราบทูลถอดถอนใต้เท้าอาลักษณ์ ใต้เท้าอาลักษณ์ถอดถอนผู้อื่นมาทั้งชีวิตน่าจะรู้ดีว่าสถานการณ์เป็อย่างไร”
อาลักษณ์อู๋สีหน้าอึมครึม
“ทั้งตระกูลมากกว่าพันคน ทุกคนต่างถูกขังอยู่ในคุกของแต่ละที่ นายท่านอยากถามใต้เท้าว่า จะช่วยคนเหล่านี้หรือไม่?”
“ช่วยอย่างไร?” ในที่สุดอาลักษณ์อู๋ก็เปล่งเสียง
“เสียนอ๋อง้าความจริงใจจากใต้เท้า”
“ความจริงใจของข้ามอบให้เสียนอ๋องนานแล้ว” อาลักษณ์อู๋กล่าวตอบทันที
เหยียนอู๋อวี้เพียงมองเขาอย่างเ็าพลางกล่าว “ใต้เท้า นี่เป็โอกาสสุดท้ายของท่าน!”
อาลักษณ์อู๋กลับเผยแววตาตึงเครียด “เสียนอ๋อง้าฉวยโอกาสจากไฟาหรือ?”
เหยียนอู๋อวี้กลับมิได้รู้สึกตึงเครียด นางเพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มเ็า “ใต้เท้า สูญสิ้นทั้งตระกูล ไม่มีสิ่งใดเป็ของท่าน เมื่อถึงเส้นทางสู่ปรโลกแล้ว สิ่งที่ท่านถืออยู่ในมือเอาไปข่มขู่ผู้ใดได้หรือ?”
อาลักษณ์อู๋กัดฟันเผยสีหน้าขัดแย้งออกมา “เกิดเื่พวกนี้แล้ว องค์หญิงใหญ่ไม่ปล่อยพวกท่านเป็แน่”
“ยามนี้องค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ปล่อยพวกท่านอยู่แล้ว” เหยียนอู๋อวี้ร้อนใจเล็กน้อย “มอบให้นายท่านยังมีโอกาสรอด หากมอบให้องค์หญิงใหญ่ นางอาจฆ่าคนปิดปาก ใต้เท้าเป็คนฉลาดคงคิดได้กระมัง!”
อาลักษณ์อู๋นิ่งเงียบ กำลังใช้ความคิด คล้ายว่าเขายังคงมีความลังเล เหยียนอู๋อวี้จึงกล่าวอีกว่า “หลังนับถึงสิบ หากใต้เท้ายังไม่ตัดสินใจ ข้าคงต้องขอตัวลา!”
รอบด้านเงียบงัน เหยียนอู๋อวี้นับหนึ่ง สอง สาม สี่…
กระทั่งสิบผ่านไปด้วยความยากลำบาก อาลักษณ์อู๋กัดฟันเอ่ยถาม “เสียนอ๋องปกป้องความปลอดภัยของทั้งตระกูลข้าได้หรือ?”
“ไม่ได้” เหยียนอู๋อวี้กล่าวปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ได้เพียงแค่ครอบครัวท่าน สายข้างเคียงไม่รับประกัน”
อาลักษณ์อู๋มิได้ไล่ถาม ปัจจุบันเสียนอ๋องมิใช่รัชทายาทเฉกเช่นในปีนั้น สาเหตุที่สร้างพันธมิตรกับเขาก็เพราะ้าการคุ้มกันอีกชั้นหนึ่ง อันที่จริงั้แ่เขาเริ่มเป็พันธมิตรกับเสียนอ๋อง เขาก็เสียหมากเดิมพันไปแล้ว เขากัดฟันกรอดพลางกล่าวว่า “ตกลง”
มุมปากที่ซ่อนอยู่หลังผ้าปิดหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เหยียนอู๋อวี้ฟังคำอธิบายของอาลักษณ์อู๋อยู่เงียบๆ จนจบก็มิได้อยู่ต่ออีก
แม้นางเป็คนจัดวางคุกหลวง ทว่ายามนี้กำลังคนเข้มงวดยิ่งกว่าแต่ก่อนจนเหลือเวลาให้นางไม่มากนัก
หลังจากได้ฟังคำพูดของอาลักษณ์อู๋ นางจึงออกจากคุกหลวงไปทันที
ตอนแรกหลังจากที่รู้ว่าอาลักษณ์อู๋เป็คนขององค์หญิงใหญ่ เหยียนอู๋อวี้ก็คาดเดาไว้ว่าอาลักษณ์อู๋จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ไม่มีทางใส่ไข่ไก่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียวอย่างแน่นอน แต่ละฝ่ายในราชสำนักทุกคนต่างลอบวางหมากภายในอย่างลับๆ เพื่อเหลือทางรอดไว้ให้ตนเองเสมอ มิเช่นนั้นหากเกิดเื่ก็จะพินาศย่อยยับ อาลักษณ์อู๋อยู่ในแวดวงการเมืองภายในราชสำนักมาหลายปีจะไม่รู้วิธีนี้ได้อย่างไร?
เขายืนอยู่ด้านหลังองค์หญิงใหญ่ ถูกไทเฮาโจมตีอย่างสุดความสามารถเพื่อแสดงให้เห็นว่าที่พึ่งพิงอื่นๆ ของเขามิใช่ไทเฮาอย่างแน่นอน และเขายังได้เข้าร่วมอยู่ใน ‘พันธสัญญาทำลายล้างตระกูลอวิ๋น’ ยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่จะเป็คนของตระกูลอวิ๋น ซ่งอี้เฉินนั้นยิ่งเป็ไปไม่ได้เช่นกัน เขาไม่เคยชายตามองฮ่องเต้ไร้อำนาจผู้นี้
เช่นนั้นตัวเลือกที่เหลือจึงมีเพียงเสียนอ๋องเท่านั้น
แม้ในปีนั้นเสียนอ๋องจะพ่ายแพ้ให้กับซ่งอี้เฉิน ทว่าเขายังพอรักษาอำนาจได้อยู่บ้าง เหยียนอู๋อวี้ย่อมไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเขาจะจำศีลในหลายปีมานี้โดยไม่มีกำลังอำนาจสักกระผีกริ้น
หลังจากพักหายใจในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งพลันสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้ นางจึงเคลื่อนไหวโจมตีฉับพลันโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว...…