ชิงอีที่กำลังหลับตาแช่น้ำร้อนอยู่ในอ่างอาบน้ำ รู้สึกว่าความปวดร้าวที่เอวค่อยๆ จางหายไป จึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างสบายตัว ในระหว่างนั้นนางก็เรียบเรียงความทรงจำของเ้าของร่าง ทันใดนั้น นางก็ััได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาคู่สวยลืมตามาเผชิญกับใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนาง
อ้อ ที่แท้ก็ผี
พูดให้ถูกคือิญญาเ้าของร่าง
ชิงอียกยิ้มมุมปาก ไม่มีอาการใแม้แต่น้อย นางฟาดฝ่ามือดังเพียะใส่ผีสาวจนปลิวไปอีกทางหนึ่ง “เ้าคิดที่จะมาหลอกหลอนใครกันฮะ?”
ผีสาวมึนจากการถูกตบอยู่พักหนึ่ง ถึงจะดึงสติกลับมาได้ นางตัวสั่นงกๆ ชี้นิ้วไปที่ชิงอี “ทำไมเ้าถึงอยู่ในร่างข้า? หรือว่าเ้าเป็ผี!”
ชิงอีกลอกตามองบน “ดูให้ชัดๆ ตอนนี้ร่างนี่เป็ของข้า”
ดวงตาของผีสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดง ร่างิญญาก็เริ่มมีรูปร่างชัดเจนขึ้น ในตอนนั้นเอง ชิงอีถึงได้เข้าใจ
“ไม่น่าเชื่อว่าเ้าจะมีคุณสมบัติเป็ลี่กุ่ย[1]ด้วย น่าสนใจนัก” นางพูดพลางลูบคาง
ลี่กุ่ย ไม่ใช่ว่าอยากเป็ก็เป็ได้ เท่าที่มองดูความเคียดแค้นของผีสาวไม่ได้แรงกล้ามากนัก ออกจะหนักไปทางปล่อยวางไม่ได้เสียมากกว่า โดยปกติร่างของผีที่เพิ่งกำเนิดใหม่จะอ่อนแอมาก ถ้าแค่ล่องลอยอยู่ที่อื่นยังพอไหว แต่การที่ผีเกิดใหม่อย่างนางบุกมาถึงภายในวังหลวงที่มีพลังัของราชวงศ์อบอวลมากที่สุดได้ เพียงเพราะความรู้สึกที่ปล่อยวางไม่ได้เนี่ย มันจะเป็ไปได้ด้วยหรือ?
ดูเหมือนว่าหลังจากที่นางตาย คงไปวนเวียนอยู่ในที่ที่มีพลังแห่งความชั่วร้ายรุนแรง อีกทั้งยังเป็ผีที่เพิ่งถือกำเนิดเลยง่ายต่อการรับพลังงานชั่วร้าย
หลังจากเ้าของร่างสิ้นชีพไปไม่นาน นางก็เข้ามาในร่างนี้ หากมีอะไรจริงๆ นางก็น่าจะััได้แล้วนี่นา?
น่าสนใจทีเดียว
ชิงอีมองผีสาวอย่างพิจารณา “ฮึ ตอนยังมีชีวิตอยู่ก็ดันอ่อนแอเสียเหลือเกิน พอตายไปเป็ผีเกิด ดันอยากจะแข็งแกร่งขึ้นมา แต่ก็เหมาะกับพวกอ่อนแอละนะ”
“เ้าคืนร่างของข้ามาเดี๋ยวนี้” ผีสาวกระโจนเข้าใส่
ชิงอีปรายตามองอย่างเหยียดหยาม ผีสาวหวีดร้อง จนร่างิญญาของนางเกือบจะแตกดับอีกครา
ชิงอีไม่ได้สนใจ และขึ้นจากอ่างอาบน้ำ มิได้แยแสว่าจะถูกผู้อื่นเห็นร่างเปลือยเปล่าของตน นางบรรจงสวมชุดนอนสีแดงราวกับเือย่างเชื่องช้า ยามที่ชุดดูดซับน้ำจากผิวกายให้ความรู้สึกคล้ายกับิัของมนุษย์ที่เพิ่งโดนถลกมาหมาดๆ แถมพอเห็นรอยยิ้มของผู้สวมชุดก็ยิ่งทำให้ผีสาวรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“ที่ปรโลกมีขั้นมีตอนอยู่นะ เ้าไม่รีบไปต่อแถว เพื่อไปเกิดใหม่หรือไง มัวแต่วนเวียนอยู่เช่นนี้ คิดอยากจะแก้แค้นขึ้นมาเช่นนั้นหรือ?”
ผีสาวกัดริมฝีปากแดงแน่น “ข้าแค่อยากถามคนที่ทรยศต่อความรักของข้าด้วยตัวเองว่าเหตุใดเขาถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้?”
ชิงอีแสดงสีหน้าดูถูกอย่างชัดเจน นางรำคาญพวกโง่ที่สมองมีแต่เื่รักๆ เป็ที่สุด นี่ขนาดตายไปแล้วก็ยังไม่ยอมรับ กับอีแค่บุกไปฆ่าอีกฝ่ายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทำไม่ได้หรือไง? ทั้งที่ได้พลังนั่นช่วยให้หลุดรอดเข้ามาในวังหลวงนี่ได้แท้ๆ
“ในวังหลวงอบอวลไปด้วยพลังั ที่อื่นที่ข้าไปมา ต่างทำให้ข้าไม่สบายตัว...เว้นแต่ที่นี่...”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ ชิงอีได้แต่ยิ้มอย่างสมเพชเวทนา
ผีสาวมองมาที่ชิงอี “ท่านช่วยข้าทีเถิด หากท่านช่วย ข้าสัญญาว่าจะไม่มาวุ่นวายกับท่านอีก ถ้าท่านอยากได้ร่างนี้ ข้าก็จะยกให้”
“ถ้าข้าไม่ช่วย แล้วเ้าจะทำอะไรได้?”
ผีสาวคิดจะทำร้ายชิงอี ทว่า นางฉุกคิดถึงบทเรียนเมื่อครู่ จึงรีบคลายพลัง และทำได้เพียงมองชิงอีด้วยน้ำตาคลอหน่วย
ชิงอีตั้งท่าจะตะคอกใส่ผีสาว แต่กลับมองไปทางหน้าต่างแทน
ข้างบนนั้นมีรอยเจาะเป็รูเล็กๆ อยู่ ด้านหลังของรูนั้น มีสายตาของใครบางคนเคลื่อนผ่านไป
เสาเหย้ากลั้นหายใจ ยืนอยู่นอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ภาพที่ชิงอีพูดกับอากาศเมื่อครู่ดูแปลกพิกล แม้จะจับใจความไม่ค่อยได้ แต่ก็อดกลัวไม่ได้
องค์หญิงใหญ่กลับมาในค่ำคืนนี้ นางดูไม่ค่อยปกติเท่าไร!
แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไร ก็คิดไม่ออกว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติ!
เสาเหย้าเงยหน้าขึ้น เห็นกลุ่มคนถือโคมสว่างโชติ่กำลังมาทางนี้
นางทำตาโตก่อนจะตะลีตะลานเข้าไปต้อนรับทันที
“หลิวมามา[2]ท่านมาแล้ว” เสาเหย้ารีบเข้าไปประจบ เพราะอีกฝ่ายเป็คนของฮองเฮาตู้
หลิวมามาถอนลมหายใจดังฮึด้วยความเย่อหยิ่ง แล้วเอ่ยถามทั้งที่รู้ “นางล่ะ?”
เสาเหย้าพยักพเยิดไปที่ประตู
แอ๊ด
บานประตูห้องอาบน้ำถูกผลักเข้ามา
หลิวมามาพาคนของวังหลวงเดินเรียงเข้าไปในตำหนัก ภาพที่เห็นภายในห้อง ทำให้นางแปลกใจไม่น้อย
เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับชิงอีนั่งสางผมอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งไม่รู้ว่าถูกนำมาวางอยู่ตรงนี้ั้แ่เมื่อใด ราวกับกำลังรอพวกนางอยู่ก่อนแล้ว
หลิวมามาเลิกคิ้วขึ้น พลางคิดว่าองค์หญิงใหญ่ดูนิ่งเกินคาด หากเป็แต่ก่อนนางคงจะใจนตัวสั่น ไม่ต่างจากกระต่ายไปแล้ว
“เสาเหย้า นับวันเ้าชักจะเหิมเกริมมากขึ้นนะ ดูท่าข้าคงจะเมตตาเ้าเกินไป” ชิงอีพูดโดยไม่หันมามองสักนิด “พาพวกฝูงนกฝูงกามาถึงตำหนักเชียนชิวของข้า ในสายตาของพวกเ้าคงไม่เห็นข้าเป็นายเลยสินะ”
ไม่รอให้เสาเหย้าอ้าปากพูด หลิวมามาแสยะยิ้มเย็น “องค์หญิงใหญ่เพคะ หม่อมฉันเป็ซั่งอี๋[3]ที่ได้รับคำสั่งจากฮองเฮาให้คอยสั่งสอนเื่กิริยามารยาทเพคะ เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่ท่านเสด็จกลับวัง หม่อมฉันรับหน้าที่สอนกฎ และมารยาทภายในวังหลวงให้องค์หญิงอย่างไรล่ะเพคะ”
“แต่อย่างไรก็เป็เพียงบ่าวรับใช้” ชิงอีปรายตามองอย่างดูถูก “ข้าอนุญาตให้เ้าพูดแล้วหรือไง?”
หลิวมามาแสยะยิ้ม “ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะทรงลืมสิ่งที่หม่อมฉันสอนไปหมดแล้วสินะเพคะ ไม่เช่นนั้น คงไม่กล้าทำเื่เสื่อมทรามไร้จริยธรรมเช่นนี้ เสาเหย้า ไปนำสิ่งนั้นมา!”
“นี่เ้าค่ะ” แวบหนึ่ง เสาเหย้าเหลือบมองชิงอีด้วยความลำพองใจ แล้วหยิบห่อผ้าข้างหลังโยนลงบนพื้น เผยให้เห็นเสื้อคลุมตัวโคร่งของผู้ชายแก่สายตาของผู้คนภายในห้อง
หลิวมามาขึ้นเสียง “เมื่อตอนกลางวันมีองครักษ์เห็นองค์หญิงใหญ่ทรงลอบออกจากวัง ยามกลับมาก็ทรงใส่เสื้อคลุมของผู้ชายกลับเข้ามา เสาเหย้าเป็พยานได้! หลักฐานทุกอย่างอยู่ตรงนี้หมดแล้ว องค์หญิงจะทรงไม่ยอมรับเื่ที่ตัวเองได้กระทำลงไปอีกหรือเพคะ?”
ใบหน้าของชิงอีเรียบเฉย เอาแต่มองสองคนนั้นที่พูดจาเข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย แล้วถามว่า “พูดจบแล้วใช่หรือไม่? ” ก่อนจะหันไปมองข้างกาย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ข้าไม่ชอบเื่น่ารำคาญ”
หลิวมามาเห็นแบบนั้นก็ฉงน คิดว่าองค์หญิงตรัสกับอากาศทำไม?
แน่นอนล่ะ พวกนางไม่รู้ว่าภายในห้องนี้จะมีสิ่งที่พวกนางมองไม่เห็นอยู่ด้วย ั้แ่เห็นหลิวมามากับเสาเหย้าเข้ามาสีหน้าของผีสาวฉู่ชิงอีก็เกรี้ยวกราด ยิ่งได้ยินคำพูดของพวกนาง แววตาของผีสาวฉู่ชิงอีวาวโรจน์ขึ้น แสดงออกถึงความเคียดแค้นอย่างชัดเจนขนาดนี้ ดูท่าว่าเมื่อก่อนนางคงถูกสองคนนี้รังแกไม่น้อย
ยามที่เป็มนุษย์นางไม่สามารถทำอะไรคนพวกนี้ได้ แต่หลังจากที่เป็ผี คิดว่านางจะยังกลัวอีกเหรอ!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผีสาวก็พุ่งเข้าไปสิงร่างของเสาเหย้าทันที ร่างของผู้ถูกสิงสั่น พร้อมเกิดรอยยิ้มแปลกๆ ขึ้นบนใบหน้า จากนั้นนางก็หันมากระหน่ำตบหลิวมามาไม่ยั้ง ทำเอาหลิวมามาตาลาย
ชิงอีแนะนำด้วยท่าทีสบายๆ “อย่าเลือกที่รัก มักที่ชังสิ”
สิ้นคำแนะ เสาเหย้าตวัดมือกลับมาตบหน้าของตนเองไม่ยั้ง เหมือนกับที่ทำกับหลิวมามา แถมยังหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า เหล่านางกำนัลที่มากับหลิวมามาต่างพากันตื่นตระหนก!
“นางกำนัลนี่บ้าไปแล้ว!”
“เอะอะโวยวายกันซะจริง” ชิงอีบ่นพร้อมชักสีหน้า
เสาเหย้ามีท่วงทีค่อนข้างคล่องแคล่ว สองมือผลัดกันตบหน้าตัวเองทีหน้าหลิวมามาที
แล้วใช่ว่าหลิวมามาไม่อยากหลบ แต่ร่างกายกลับไม่เป็ดั่งใจคิด นางเอามือปิดหน้า และอาศัยจังหวะนี้ะโบอกพวกที่มากับตน “พวกเ้าตายกันหมดแล้วหรืออย่างไร? รีบมาจับนางบ่าวเลวนี่ไว้!”
ด้วยเหตุนี้เหล่ามามาจึงได้สติ แล้วรีบกรูกันเข้าไปจับเสาเหย้าเอาไว้
น่าแปลกที่คนรูปร่างเล็กอย่างเสาเหย้า กลับสามารถต่อกรกับเหล่ามามาเฒ่าตัวแสบได้ ทั้งยังไม่โดนจับได้แล้ว นางกลับเหวี่ยงคนพวกนั้นไปคนละทิศละทาง
ส่วนหลิวมามาในสภาพยับเยินจนดูไม่ได้สบโอกาสพักหายใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่พอเห็นเสาเหย้าถูกจับได้ นางปรี่ตัวเข้าไปหมายจะตบ แต่คิดไม่ถึงว่าจะโดนเสาเหย้ากัดนิ้วเข้าให้
“อ๊าก” หลิวมามาส่งเสียงร้องโหยหวน เนื่องจากถูกเสาเหย้ากัดจนนิ้วขาด
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเสาเหย้าได้ทำการกลืนนิ้วที่ขาดนั่นลงท้อง โดยไม่สนว่าเคี้ยวละเอียดหรือไม่
“อ๊าก นางบ่าวนี่ ชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว!” เหล่ามามาเฒ่าที่กดตัวเสาเหย้าเอาไว้ต่างตื่นใ แล้วพากันปล่อยมือ และะโหนีไปให้ไกลจากนาง
หลิวมามาเหงื่อแตกพลั่กๆ จากการที่ถูกกัดจนนิ้วขาด ทั้งยังตกตะลึงเกินกว่าจะขยับตัวไปไหน
“ไปได้แล้ว! รีบไปเร็ว! นางบ่าวนี่อันตรายมาก!” ขณะที่พวกมามาเตรียมจะหนี ประตูของตำหนักก็ปิดลงเองจนเกิดเสียงดังปัง แม้พวกนางพยายามเปิดเท่าไรก็เปิดไม่ออก ราวกับมีคนลงกลอนไว้จากด้านนอก
“ไหนๆ ก็มาแล้ว อย่าเพิ่งรีบกลับสิ” น้ำเสียงสบายๆ ของหญิงสาวดังจากด้านหลัง หลิวมามาหันกลับมาก็พบกับรอยยิ้ม และสายตาอันเ็าของชิงอี ทำเอารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
*****************************
[1] ลี่กุ่ย หมายถึง ผีร้าย
[2] มามา หมายถึง สรรพนามที่ใช้เรียกนางกำนัลรับใช้าุโที่เคยแต่งงานแล้ว คัดเลือกจากแม่ม่ายที่ไม่มีลูก อายุประมาณ 40 - 50 ปีเข้ามาเป็นางกำนัลรับใช้เชื้อพระวงศ์ที่มีตำแหน่งสูง เช่น ฮองไทเฮา ฮองเฮา หรือเป็แม่นมให้กับพระโอรสพระธิดาของฮ่องเต้กับฮองเฮา และพระชายา นอกจากนี้ ยังสามารถทำหน้าที่ควบคุมดูแล สั่งสอนเหล่านางกำนัลรับใช้ทั่วไปได้ รวมถึงอบรมสั่งสอนมารยาท พิธีการและกฎภายในวังหลวง
[3] ซั่งอี๋ หมายถึง ตำแหน่งของข้าราชสำนักหญิงฝ่ายในขั้นหก มีหน้าที่อบรบสั่งสอนเื่กิริ ยามารยาทและกฎภายในวัง