เมื่อทุกคนได้ยินชื่อของพระชายาเจ็ด จากเดิมที่มีความอยากรู้อยากเห็นมากอยู่แล้ว เพลานี้กลับยิ่งยืดคอมองไปข้างหน้า
พวกบุรุษที่ยืนอยู่แถวหน้าเกือบถูกเบียดจนเปลี่ยนร่าง ทำได้เพียงบอกด้านหลังให้อย่าเบียด แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่ได้ยินและเบียดเข้ามาแรงกว่าเดิม
จ่างกุ้ยแปลกใจมาก เขาพูดเพียงประโยคเดียว ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เกิดความโกลาหลเช่นนี้
หากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าสถานการณ์จะวุ่นวายมากขึ้นอีก
จ่างกุ้ยมองไปที่อวิ๋นอี้ เห็นว่านางขมวดคิ้วก็หวั่นใจ รีบเรียกคนใช้มากกว่าสิบคนให้เข้ามา คนใช้เบียดออกมาจากฝูงชน เริ่มจับกันเป็วงกลม กั้นกลางระหว่างอวิ๋นอี้กับกลุ่มคนด้านหลัง
จนสีหน้าของอวิ๋นอี้ดีขึ้นเล็กน้อย
จ่างกุ้ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ตั้งสติ และก้าวไปข้างหน้าเพื่อพูดคุยกับเ้าหน้าที่ทั้งสอง
คนจากทางการย่อมเคยได้ยินชื่อของอวิ๋นอี้อยู่แล้ว แม้ว่าพระชายาจะเป็เพียงสตรี แต่ตราบใดที่นางมีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายเจ็ด พวกเขาจะพลาดโอกาสดีๆ ในการประจบสอพลอได้อย่างไร
ไม่รอให้จ่างกุ้ยแนะนำ ทั้งสองมองหน้ากันและเดินขึ้นไปทำความเคารพอวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้อยู่ในห้องโถงที่พังยับเยิน ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง นางนั่งไขว่ห้าง มีคนนำชามาให้ ท่าทางของนางค่อนข้างสงบ ดูไม่เข้ากับสภาพรอบๆ เสียเลย “มิทราบว่าท่านเ้าหน้าที่ทั้งสอง จะจัดการอย่างไรกับเื่นี้เ้าคะ?"
จะจัดการอย่างไรได้อีก ผู้ใดมีคนดันหลังที่แข็งแรงกว่า ย่อมต้องช่วยฝ่ายนั้นน่ะสิ
ทั้งสองรู้กันดี แต่กลับไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้
พวกเขาทำความเคารพ ก้มตัวลงแล้วอธิบายอย่างช้าๆ “พระชายาพูดเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ มิต้องเรียกท่านหรอกพ่ะย่ะค่ะ ท่านพูดเช่นนี้ มิเป็การให้เกียรติข้าน้อยเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อพูดเช่นนี้ สีหน้าของอวิ๋นอี้ก็ไร้ความอดทน เ้าหน้าที่สองคนดูจะรู้ตัว จึงรีบเปลี่ยนเื่พูด “หลังจากที่สอบถามแล้วได้ทราบรายละเอียดของเื่ หลักๆ เป็เพราะว่าสองคนนี้หาเื่ พวกเขาได้ยินว่าที่นี่เป็ที่ที่ได้พรจาก์ จึงมาที่นี่เพื่อความสิริมงคล ที่ไหนได้มาตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่มีห้องว่าง ่นี้ทั้งสองคนโชคร้ายมาก หลังจากถูกจ่างกุ้ยปฏิเสธ พวกเขาจึงไม่สบายใจ จึงลงมือทำลายร้าน”
อวิ๋นอี้พยักหน้า “ไม่สบายใจน่ะข้าเข้าใจดีเพียงแต่ผู้ใดอธิบายได้บ้าง ว่าจู่ๆ ทำลายข้าวของร้านผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร? ร้านถูกทำลายจนเป็เช่นนี้ จ่างกุ้ยก็อายุมากแล้ว เหตุใดเขาถึงต้องมาโดนกระทำเช่นนี้?"
ทันทีที่พูดจบ สายตาของทุกคนก็หันไปมองหน้าจ่างกุ้ย
เดิมใบหน้าแก่ๆ นั้นไม่ได้ดูดี เพลานี้ยิ่งมีรอยมืออยู่บนหน้า ดูน่าสงสารและน่าเวทนามากขึ้นไปอีก
ฝูงชนพากันถอนหายใจ ส่วนใหญ่ต่างพากันดูิ่พวกอันธพาลทั้งสอง
ใบหน้าหยาเหมินทั้งสองยิ่งทำตัวไม่ถูก อดยิ้มปลอมๆ ออกมาไม่ได้
ก่อนหน้าที่อวิ๋นอี้จะมา พวกเขาได้พูดคุยกับพวกอันธพาลแล้ว
พวกอันธพาลทั้งสองรู้ว่าพวกเขาทำผิดจึงแอบยัดเงินให้พวกเ้าหน้าที่
เอาเงินเขามา ย่อมต้องช่วยให้เขาพ้นความผิด
เดิมทีเ้าหน้าที่สองคนจะช่วยพวกอันธพาลพูด จากนั้นจะพูดเอาใจจ่างกุ้ย ทำให้เื่ใหญ่กลายเป็เื่เล็ก
ผู้ใดจะรู้ว่าระหว่างทางจะมีคนฆ่าเฉิงหยาวจิน![1]
แต่เฉิงหยาวคนนี้กลับแตะต้องไม่ได้เสียด้วย!
ผู้ใดไม่รู้จักอำนาจขององค์ชายเจ็ดกัน? นั่นคือปรมาจารย์ที่ยังเดินดินของเมืองหลวงเชียวนะ!
การล่วงเกินพระชายาเจ็ดนั้น ถือว่าเป็การบอกลาเมืองหลวง บอกลาการเลื่อนตำแหน่งลาภยศอย่างหมดหนทาง
เ้าหน้าที่ทั้งสองคนเข้าใจเป็อย่างดี สิ่งที่พวกเขาเสียใจมากในตอนนี้ก็คือ เขาไปรับเงินนั้นมาได้อย่างไร!
หากไม่ได้รับเงินมา ก็ไม่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้หรอก
“มิมีผู้ใดจะพูดเลยหรือ?” อวิ๋นอี้จิบชา “กระนั้นนำพวกที่หาเื่สองคนนั้นมา ข้าจะดูสิว่า ผู้ใดที่หยิ่งยโส กล้าทำการใดอุกอาจได้กลางวันแสกๆ!”
เสียงของนางเ็าและแข็งกระด้าง สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขึ้น ทำให้ทุกคนใ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดกระไรออกมา
เ้าหน้าที่สองคนใมากจนขาอ่อนแรง รีบลากอันธพาลสองคนมาข้างหน้า เพื่อเอาใจอวิ๋นอี้เขายกเท้าขึ้นกระทืบคนร้าย ได้ยินเสียงตุ๊บ อันธพาลคุกเข่าลงต่อหน้าอวิ๋นอี้
“พระ...พระชายา!” อันธพาลทั้งสองพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
อวิ๋นอี้หัวเราะแล้วพูด "เพลานี้รู้จักกลัวหรือ? พวกเ้ามิได้เก่งกาจมากหรือ กล้ามาหาเื่ภายในร้านของมหาเสนาบดีเช่นนี้ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่า พวกเ้าไม่พอใจกับร้านหรือว่ามีความไม่พอใจกับอัครมหาเสนาบดีขวาลู่กันแน่?"
ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ โรงเตี๊ยมที่มีเสียงจอแจก็เงียบลง
อัครมหาเสนาบดีขวาลู่หรือ!
ที่จริงแล้วโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็ของอัครมหาเสนาบดีขวาลู่!
นักเรียนที่เข้ามาพักทุกคนต่างพากันดีใจ เพราะนี่คือร้านของมหาเสนาบดี คิดว่าต้องเป็พรหมลิขิต จะต้องพบมหาเสนาบดีให้ได้ หากว่าโชคดี ไม่แน่อาจจะเข้าตามหาเสนาบดี มิต้องสอบข้อสอบเดือนวสันต์ก็ได้รับการแนะนำให้รับราชการจากมหาเสนาบดีโดยตรง เกรงว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ ในอนาคตอีกแล้ว
อวิ๋นอี้รู้ว่าพวกเขากำลังคิดกระไร
นางจงใจพูดชื่อของลู่จงเฉิงออกมา เป็การมัดใจผู้บริโภค ไม่มีผู้ใดจะเชี่ยวชาญไปกว่านางอีกแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง ทั้งอันธพาลและเ้าหน้าที่หยาเหมินได้ยินเช่นนั้น ก็แสดงสีหน้าลังเลออกมาให้เห็น
เ้าหน้าที่คิดว่าเื่นี้มันยากเกินจะรับมือ!
พระชายาเจ็ดองค์เดียวว่ารับมือยากแล้ว ยิ่งอัครมหาเสนาบดีขวาลู่อีก แตะต้องไม่ได้เลย!
ที่ทำให้ปวดไข่ก็คือพวกเขาดันรับเงินเ้าอันธพาลสองคนนั้นแล้ว ไม่ช่วยพวกเขาพูดล่ะก็ หากโดนแทงขึ้นมา สถานการณ์จะเป็อย่างไรต่อไม่กล้าคิดเลย
ส่วนพวกอันธพาลก็กลัวจนฉี่จะแตกแล้ว
พวกเขาไม่ได้ทุบร้านเพราะอารมณ์ไม่ดี แต่เพราะได้รับเงินมา ตั้งใจมาหาเื่ที่นี่ทำให้ร้านเสียชื่อเสียง
เดิมคิดว่าเื่กล้วยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเตะโดนแผ่นเหล็กเข้า
ท่าทีของอวิ๋นอี้ชัดเจนมาก หากไม่ยอมรับผิด เื่ก็จะไม่จบ!
พวกอันธพาลสองคนส่งสายตาให้กัน แล้วเขกหัวลงพื้นพร้อมๆ กัน หัวกระแทกลงกับพื้น ปากพลางร้องขอความเมตตา “พระชายาไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ข้าทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ! ข้าน้อยผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยมิได้มีความไม่พอใจกับท่านหรือท่านมหาเสนาบดีแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ พระชายาจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ ข้าน้อยยอมรับผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเถอะพ่ะย่ะค่ะ คนใหญ่ไม่จำคนเล็กนะ [2] พ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้าจะลงโทษเ้าอย่างไรก็ได้งั้นหรือ?” อวิ๋นอี้วางถ้วยชาลงช้าๆ ถามอย่างแ่เบา
“ใช่… ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” อันธพาลสองคนกัดฟันตอบ
อวิ๋นอี้ปรบมืออย่างไร้อารมณ์ ะโว่า "จ่างกุ้ย!"
จ่างกุ้ยโค้งคำนับด้วยความเคารพ พร้อมใบหน้าแดงบวมของเขา "พ่ะย่ะค่ะพระชายา"
"พวกเขาทุบตีเ้าอย่างไร ตีกลับไปเดี๋ยวนี้!" น้ำเสียงของอวิ๋นอี้ไร้ซึ่งความกำกวม "เ้าน่าจะรู้ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร"
นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ การเคลื่อนไหวของนางดูสง่าผ่าเผย การไขว่ห้างของนางดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยกำลังใจและคำบอกใบ้ที่มีความหมาย
จ่างกุ้ยเข้าใจแล้ว
นางกำลังช่วยให้เขาระบายความโกรธ หากเขาปฏิเสธ ต่อไปก็จะไม่มีผู้ใดคอยคุ้มครองแล้ว
จ่างกุ้ยพยักหน้า เดินไปข้างหน้า อวิ๋นอี้ยิ้มเล็กน้อย เรียกคนใช้ออกมาสี่คน จับคนร้ายลงบนพื้น หลังจากเตรียมการเสร็จ นางก็ส่งสัญญาณให้จ่างกุ้ยเริ่มตี
ต่อหน้าทุกคน นางพูดโดยไม่ลังเลว่า “วันนี้พระชายาองค์นี้จะสอนให้เ้ารู้ว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เป็อย่างไร เ้าจงจำไว้ให้ดี!”
เสียงตบดังลั่นไปมา ควบคู่ไปกับเสียงครวญครางอันเ็ปของบุรุษ
อวิ๋นอี้ไม่แยแส จนกระทั่งจ่างกุ้ยหยุดพูดด้วยความเคารพว่า "พระชายา ข้าตีจนพอใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
นางยืนขึ้นภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน สายลมวสันต์อันนุ่มนวลพัดผ่านโถงหลักไปจนสุดปลายนิ้วเรียวยาวของนางเกี่ยวเส้นผมเข้าไปที่หลังหู มองดูคนสองคนด้วยความดูถูก "เื่ตีคน ข้าจะไม่เอาความแต่เื่ที่ร้านโดนทุบ ภายในเวลาห้าวัน ข้า้าให้พวกเ้าซ่อมโถงนี้ให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม เมื่อถึงเวลาข้าจะมาดูเอง หากว่าไม่เสร็จ พวกเ้าคงคิดกันเองได้ว่าจะเป็อย่างไร เ้าหน้าที่! พวกเ้าสองคนคอยควบคุมดูแล หากไม่เสร็จพวกเ้าจะโดนด้วย!"
เ้าหน้าที่ตกตะลึง ทำได้เพียงพยักหน้าตอบ
อันธพาลสองคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา ในตอนนี้ได้สั่นจนเป็ตะแกรงแล้ว
พวกเขาร้องวิงวอน นอนราบกับพื้นเพื่อขอความเมตตาจากอวิ๋นอี้
ไม่คิดเลยว่านิ้วยังไม่ทันแตะชายผ้า พลันถูกอวิ๋นอี้เตะออกอย่างเฉยเมย "เข้าใจหรือไม่?"
"พระชายา..."
"ข้ามิได้จะปรึกษากับพวกเ้า! จงทำตามนี้ หากผู้ใดมิยอม ให้ไปหาข้าที่จวนองค์ชายเจ็ด ได้ยินชัดเจนหรือไม่?”
อวิ๋นอี้ตบชุด ยิ้มแล้วดันฝูงชนเดินออกไป
เชิงอรรถ
[1] ระหว่างทางจะมีคนฆ่าเฉิงหยาวจิน 半路杀出程咬金 หมายถึง เกิดเื่ไม่คาดคิดระหว่างทาง
[2] คนใหญ่ไม่จำคนเล็ก 大人不记小人过 หมายถึง ผู้สูงศักดิ์ไม่คิดความเซ้าซี้กับผู้น้อย ใช้ในการขอโทษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้