อวิ๋นอี้ไม่อยากสนใจว่าหรงซิวไปที่ใด ตอนที่เขากำลังจะเดินออกไป นางกลับบังเอิญเห็นัที่ตื่นตัวของเขา
เมื่อนึกถึงเื่นี้ แก้มของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
นางเข้าไปในผ้าห่ม เอื้อมมือออกไปตบเบาๆ อย่างอดกลั้นไม่ได้ หายใจเข้าออกอย่างแรง บอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก
อวิ๋นอี้หลับตา พยายามหลับก่อนหรงซิวจะกลับมา
ไม่รู้ว่าเป็เพราะอาหารเย็นหรือกระไร นางไม่เพียงแต่มีสติมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของนางยิ่งร้อนราวกับจะลุกเป็ไฟ
ร้อนมาก
นางเอื้อมมือออกไป ในคืนปลายวสันต์ต้นคิมหันต์ อากาศไม่ได้หนาว แต่สำหรับอวิ๋นอี้ที่ร้อนจนเหงื่อออก อุณหภูมิเช่นนี้กำลังพอดี
หน้าต่างในห้องมีช่องระบายอากาศ มีลมพัดผ่าน ทำให้นางสบายตัวจนยิ้มออก
อวิ๋นอี้นอนไม่หลับ เริ่มคิดเื่ต่างๆ
นางนึกถึงอาหารค่ำวันนี้ รู้สึกเพียงว่าตนเองหาเื่ใส่ตัวเสียแล้ว
หรงซิวเป็คนเ้าเล่ห์ ต่อไปนางคิดแกล้งเขาให้น้อยลงจะดีกว่า
เช่นเดียวกับครานี้ ที่นางต้องร้อนไปทั้งตัว หรงซิวยังไม่กลับมา คงจะไปอาบน้ำเย็นข้างนอก
ทั้งสองคนคิดแต่จะจัดการกันไปมา ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อกระไร...
อวิ๋นอี้ถอนหายใจยาวๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แล้วประตูก็ขยับ
นางเงี่ยหูฟังทันใด หรี่ตามองไป มีเพียงร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามาอย่างแ่เบา
หรงซิวเข้ามาหานางในชั่วพริบตา เห็นว่าสาวน้อยยังไม่หลับ เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ "รอข้าอยู่หรือ?"
"ไม่นี่เพคะ" นางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว "ข้าเพียงแค่นอนไม่หลับ”
หรงซิวยิ้มนิ่งๆ ถอดเสื้อนอกออกใส่แต่เสื้อตัวในแล้วนอนลง
มือใหญ่ๆ โอบเอวของนาง หน้าอกแนบแผ่นหลัง เสียงหัวใจเต้นแรงชัดเจนเป็พิเศษในคืนที่เงียบสงบ หรงซิวหายใจออก ความร้อนพุ่งขึ้นบนใบหน้าของนาง “หลับกันเถิด?”
อวิ๋นอี้ขยับ จับมือของเขาก็รู้สึกได้เพียงความเยือกเย็น
"อย่าขยับสิ" หรงซิวยิ้มพูดอย่างช่วยไม่ได้ "มิฉะนั้นข้าต้องไปอาบน้ำเย็นอีกรอบ"
"ไม่ใช่ความผิดของข้านี่" อวิ๋นอี้พึมพำ
“แล้วผู้ใดเป็คนเตรียมอาหารมือเย็นกัน?” เขาถาม
อวิ๋นอี้พูดไม่ออก "ฝ่าาจะคิดบัญชีกับข้าหรือเพคะ?"
"เปล่า" เขาลดเสียงลงแล้วพูดอย่างใจเย็น "ข้าจะทนชำระบัญชีกับเ้าได้อย่างไร อวิ๋นเออร์ทำกระไรล้วนถูกหมด ข้าไม่เซ้าซี้กับเ้าหรอก”
อวิ๋นอี้เม้มปาก เออออไปเสียงหนึ่งแล้วไม่พูดอีก
นางััได้ถึงความเอาใจใส่ของหรงซิวที่ปรนเปรอนาง พร้อมด้วยความรักเอ็นดูที่แท้จริง
แต่กระนั้น...
เพราะเหตุนี้ อวิ๋นอี้ถึงได้รู้สึกผิด
จะเกิดกระไรขึ้น หากวันหนึ่งหรงซิวรู้ว่านางไม่ใช่อวิ๋นอี้จริงๆ?
อวิ๋นอี้รู้สึกลำบากใจ นางรู้ดีว่าเหตุใด
ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นเมื่อใด นางค่อยๆ ตระหนักได้ว่า นางหวั่นไหวกับหรงซิวขึ้นมาบ้างแล้ว
บางทีมันอาจจะเริ่มแรกจากความแปลกประหลาดใจั้แ่แรกพบ หรือเป็ตอนที่เขาอุ้มนางให้ขึ้นม้าและดูแลนางในตอนนั้น บางทีอาจจะเป็เพราะเขาคอยพูดช่วยนาง พูดแทนนางต่อหน้าไทเฮา หรืออาจจะเป็วันเวลาที่เขาถือร่มมารับนางกลับจวนท่ามกลางสายฝน หรือบางที...เป็เพียงเพราะอุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่น กลิ่นหอม หรือจะเป็เสียงที่นุ่มนวลของเขา
อวิ๋นอี้ไม่อาจมั่นใจได้
เพียงแต่ว่าดวงตาของนางตอนนี้ คอยแต่จะมองหาเขา ใจของนางคอยคิดถึงแต่เขา ในตอนที่นางหลับใหล ติดการโดนโอบกอดของเขาเสียแล้ว
ทันใดนั้นนางตระหนักว่านาง้ามีเขามากเพียงใด
แต่...
อวิ๋นอี้ถอนหายใจยาว ของปลอมก็คือของปลอม นางเป็แค่ของเลียนแบบ จะแสร้งเป็เช่นนี้ต่อไปได้อีกนานเท่าใดกัน?
หลังจากใช้สมองอย่างหนัก นางยังคิดหาคำตอบไม่ได้ ในที่สุดเมื่อเวลาล่วงเลยไป นางก็หลับสนิทไปเสียแล้ว
ท่ามกลางสภาพอากาศที่เริ่มร้อนขึ้น ดอกไม้งามทุกดอกล้วนเบ่งบาน สีสันสะดุดตา ดอกท้อในจวนบานกันอย่างหนาแน่นสดใส กิ่งก้านถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีชมพู ่หลายวันมานี้อากาศดีมาก ราวกับเป็การประกาศการมาถึงของฤดูคิมหันต์
เซียงเหอพูดชมสภาพอากาศ ทิวทัศน์งดงาม แนะให้นางหาเวลาออกไปเดินเล่น
อวิ๋นอี้ฟังอย่างเกียจคร้าน อารมณ์ไม่สู้ดีนัก
เดินล่งเดินเล่นกระไรกัน นางมีเวลาออกไปเที่ยวเล่นเช่นนั้นที่ใดกัน เพียงแค่เื่ที่จะอธิบายตัวตนของนาง ก็จะแย่แล้ว
ยิ่งนางกังวลมากเท่าไร นางยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น แต่นางไม่อาจทำสิ่งใดได้
นางไม่ได้อยากเข้ามาในร่างนี้เสียเมื่อไร นางกลายเป็เช่นนี้โดยบังเอิญ!
เื่ตกหลุมรักหรงซิว ไม่ใช่เื่ที่นางจะควบคุมได้นี่!
ผู้ชายที่หล่อเหลาแสนดีเช่นนี้ มาอยู่ต่อหน้าหน้านางทุกวัน ปฏิบัติต่อนางด้วยความอ่อนโยนต่างๆ นานา เป็ผู้ใดก็คงจะทนมิได้มิใช่หรือ?
หลักเหตุผลนางล้วนเข้าใจ แต่เข้าใจเื่พวกนี้มีประโยชน์กระไรกัน
หากหรงซิวรู้ความจริง บอกให้นางออกไปจากร่างเ้าของเดิม นางคงนั่งอธิบายหลักเหตุผลกับเขาไม่ได้ใช่หรือไม่?
ในตอนที่อวิ๋นอี้อารมณ์เสียอยู่นั้น เซียงเหอเห็นพ่อบ้านตัวสั่นอยู่ที่ประตู จึงกระซิบนางว่า "พระชายาเพคะ พ่อบ้านมาแล้วเพคะ"
“เรียกเขาเข้ามา” นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
หลังจากที่พ่อบ้านเข้ามา เขาทำความเคารพ แล้วรายงานเื่สำคัญ บอกว่าโรงเตี๊ยมส่งคนมา
อวิ๋นอี้กลับมามีสติทันใด "คนใช้พูดกระไรบ้าง?"
"อย่างที่พระชายาคาดไว้พ่ะย่ะค่ะ ที่โรงเตี๊ยมเกิดเื่แล้ว"
"ข้าจะไปดู"
บอกจ่างกุ้ยโรงเตี๊ยมไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หากมีผู้ใดมาหาเื่ ให้มารายงานนางทันที
อวิ๋นอี้คาดการณ์ว่าครานี้พวกคนที่มาหาเื่ คงเกี่ยวข้องกับซูเมี่ยวเออร์เป็แน่
นางอยู่เฉยๆ ก็ว่าง นางจะไปดูว่าเกิดกระไรขึ้น
อวิ๋นอี้บอกให้เซียงเหออยู่บ้านแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เซียงเหอเดินตามอย่างแปลกใจว่า “พระชายา โรงเตี๊ยมกระไรเพคะ? ที่โรงเตี๊ยมมีเื่ เหตุใดท่านถึงต้องไปดูเล่าเพคะ?”
อวิ๋นอี้ทำเป็ไม่ได้ยิน แล้วออกจากจวนไป ขึ้นไปบนรถม้าไม่นานก็หายเข้าทางเลี้ยวไป
รถม้าวิ่งเร็วมาก ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที อวิ๋นอี้ก็มาถึงโรงเตี๊ยมเกาเซิ่งแล้ว
นางเข้าทางประตูด้านข้าง จ่างกุ้ยที่รออยู่นานเห็นนาง รายงานสถานการณ์กับนางด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เมื่อวานนี้มีคนสองคนมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ พวกเขาดูดุดันโเี้ บอกว่า้าจะพักที่นี่ โรงเตี๊ยมของเราถูกจองเต็มหมดแล้ว ข้าน้อยจึงตอบท่านสองคนนั้นไปตามตรง พวกเขาไม่ได้พูดกระไรมาก ด่าพวกเราแล้วออกไป เช้าตรู่วันนี้พวกเขามาอีกแล้ว อยากจะพักที่นี่ ข้าน้อยได้แต่พูดขออภัย บอกว่า่นี้โรงเตี๊ยมของเรารับลูกค้าไม่ได้แล้วเขาสองคนก็ลงมือกับข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ...”
จ่างกุ้ยเป็ชายวัยกลางคนอ้วนๆ ออกมาทำงานั้แ่เช้า กลับต้องมาเจอกับเื่เช่นนี้ เขาเคยเจอเื่ที่ทำให้ไปไม่เป็เช่นนี้เสียที่ไหน พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือทันทีว่า “ข้าน้อย.. พวกเขาไม่เพียงลงมือกับข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ แต่ยังทำลายร้านเราด้วย ข้าน้อยทำได้เพียงแจ้งเื่กับทางการไป"
อวิ๋นอี้สังเกตว่ามีรอยมือแดงที่แก้มซ้ายขวาของเขา รู้ว่าเขารู้สึกแย่
หลังจากเข้าไปในห้อง นางก็บอกให้จ่างกุ้ยนั่งลง รินชาให้อย่างสุภาพ แล้วส่งให้เขาด้วยตัวเอง จ่างกุ้ยใมาก น้ำตาที่ไหลหยุดลงทันใด พูดตะกุกตะกัก “พระชายา...พระชายา เหตุใด...กรุณากับข้าน้อยมากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"
"จ่างกุ้ยทุ่มเทให้กับโรงเตี๊ยม นี่คือสิ่งที่เ้าควรได้รับ" อวิ๋นอี้พูดปลอบ "แต่กระนั้นจ่างกุ้ยวางใจเถิด ในเมื่อเ้าช่วยข้าทำงาน เ้าก็เป็คนในความคุ้มครองของข้า เพลานี้มีคนมาตบหน้าเ้า เท่ากับเป็ปฏิปักษ์ต่อข้า แม้จะยอมเื่นี้ได้ แต่ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”
น้ำเสียงของนางหนักแน่น ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสงบใจลงได้ “เื่นี้ข้าจัดการเอง หากผู้ใดไม่รู้จักชั่วดี ก็ต้องทำให้มันทนทุกข์เสียหน่อย"
อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างเ็า
จ่างกุ้ยมองที่สตรีตรงหน้าด้วยคิ้วและแววตาที่น่าทึ่ง ร่างกายที่บอบบาง ในขณะนั้น นางกลับดูมีอำนาจมากจนเขาใ
อวิ๋นอี้ถามเื่อื่นต่อ หลังจากดื่มชาเสร็จ นางถึงได้เดินลงมาข้างล่างช้าๆ
โถงหลักชั้นล่างถูกทำลายจนทรุดโทรม ภาพที่เห็นมีแต่ความรก แขกที่อยู่ในโรงเตี๊ยมเกือบทั้งหมดอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขายืนมุงกันอยู่ที่ห้องโถงแออัดจนน้ำยังไหลออกไม่ได้ [1] ในบรรดาฝูงชน พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่ทั้งผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงกลาง
"ขอทางหน่อย" จ่างกุ้ยเหิมเกริมขึ้น แหวกทางให้อวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้เดินผ่านฝูงชนโดยไม่มองด้านข้าง หลังจากที่นางยืนอยู่กลางห้องโถง หลายคนจากหยาเหมิน[2] ขมวดคิ้ว กำลังจะถามว่านางคือผู้ใด ก็ได้ยินจ่างกุ้ยแนะนำนางก่อน “ท่านเ้าหน้าที่ นี่คือพระชายาเจ็ด นางบังเอิญมาดื่มชาที่นี่ ความวุ่นวายที่ชั้นล่างรบกวนถึงท่านพระชายา นางจึงลงมาดู”
เชิงอรรถ
[1] น้ำไหลออกไม่ได้ 水泄不通 หมายถึง แออัดมาก
[2] หยาเหมิน 衙门 หมายถึง ที่ว่าการท้องถิ่น