หลงเหยียนถ่ายพลังปราณของตนเข้าไปในร่างของราชสีห์หิรัณย์อย่างต่อเนื่อง ไม่นาน ลมหายใจที่เคยอ่อนแรงของราชสีห์หิรัณย์ก็ค่อยๆ เป็จังหวะสม่ำเสมอและมั่นคงยิ่งขึ้น โชคยังดีที่เขาเป็สัตว์เทพ หากไม่ได้ร่างกายที่แข็งแกร่งของราชสีห์หิรัณย์เข้ามาช่วยตน ป่านนี้ หลงเหยียนอาจจะตายไปแล้วก็ได้
แม้ราชสีห์หิรัณย์ยังไม่ตาย ถึงอย่างไรก็ใช้พลังปราณไปมากจนแทบไม่มีเหลือแล้ว อีกทั้งยังรับพลังโจมตีอย่างรุนแรง ราชสีห์หิรัณย์จึงทรุดอยู่ที่พื้น ไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนต่อแล้ว
เมื่อเห็นว่าราชสีห์หิรัณย์อาการดีขึ้น หลงเหยียนก็ประกายรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“เ้าหนุ่ม ไปตายเสียเถอะ คิดว่าทำแบบนี้แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้าหรือ? เ้าทำร้ายน้องชายของข้าจนเขาได้รับาเ็สาหัส ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเ้าได้อีกแล้ว”
เมื่อครู่ ลั่วซางตรวจร่างกายของลั่วเฉิงอย่างละเอียด พบว่าเส้นชีพจรในร่างของเขาขาดสะบั้น ต่อให้จะรอดชีวิตไปได้ อนาคตก็เป็ได้เพียงคนไร้ประโยชน์ที่ไม่อาจฝึกพลังได้อีกแล้ว ความแค้นนี้ทำให้ลั่วซางะเิโทสะออกมาอีกครั้ง
ซือถูหม่าพุ่งมายืนอยู่ข้างลั่วซางพร้อมใช้มือกดไหล่ของเขาเอาไว้ทันที!
“ลั่วซาง สงบอารมณ์ก่อนเถิด ตอนนี้ก็เป็ผลแพ้ชนะแล้ว เ้าไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้ เพราะเ้าเองก็ทำให้สัตว์เลี้ยงของเขาได้รับาเ็แล้วเช่นกัน”
แววตาของลั่วซางอัดแน่นไปด้วยความเยือกเย็น เขามองไปยังซือถูหม่าแล้วพูดอย่างแค้นเคือง “ใต้เท้าซือถูหม่า รบกวนเอามือออกไปจากตัวข้า มันก็เป็แค่สัตว์อสูรทองคำขั้นที่เจ็ด ต่อให้ตายก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ชีวิตของมันจะเทียบชั้นกับชีวิตของน้องชายข้าได้อย่างไร น้องชายของข้าาเ็หนักเพียงนี้ วันนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะเอาชีวิตเ้าหนุ่มนี่ให้ได้ ต่อให้เขาจะแข็งแกร่ง ถึงอย่างไรก็ยังเป็แค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น”
ความแข็งกร้าวในแววตาของลั่วซางทำให้ซือถูหม่ารับรู้ได้ว่าเขาโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด จริงอยู่ที่เขาแข็งแกร่งกว่าลั่วซาง ถึงกระนั้น เขาก็ไม่จำเป็ต้องมีเื่บาดหมางกับลั่วซางเพียงเพราะเด็กหนุ่มธรรมดาๆ อย่างหลงเหยียนเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เขาควรจะปกป้องลั่วซางด้วยซ้ำ
ซือถูหม่ากวาดตามองนักรบที่อยู่เบื้องล่างพลางพูดขึ้นเบาๆ “เช่นนั้นก็หาเหตุผลที่สมบูรณ์แบบที่จำเป็ต้องฆ่าเขามา”
“สามหาว ไร้มารยาท เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่ ขนาดยังไม่ได้เข้ามาเป็สมาชิกเมืองอู่ตี้ ยังไม่ได้เป็หนึ่งเดียวกับทิศตะวันออก ยังกล้าทำตัวเสียมารยาทกับข้าต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ท่านคิดว่าเขาสมควรตายหรือไม่”
พูดจบลั่วซางก็พุ่งเข้าไปโจมตีหลงเหยียนอีกครั้งโดยไม่เปิดโอกาสให้ซือถูหม่าพูดอะไรอีก
หลงเหยียนเสียพลังปราณไปมากเกินขีดจำกัดแล้ว เขาไม่สามารถตอบโต้หรือขัดขืนใดๆ ได้ด้วยซ้ำ พลังโจมตีอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามาทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าแท้จริงแล้วความตายอยู่ใกล้กับตนเพียงใด
“สิงโตน้อย ข้าขอโทษที่พาเ้ามาที่นี่ ถึงอย่างไรข้าก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเจอคนที่ต่ำทรามเพียงนี้ เขาตั้งความผิดให้ข้าแบบส่งๆ เพียงเพราะอยากจะเอาชีวิตข้า หากยังมีโอกาส หากข้า หลงเหยียนแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย คนที่ต้องตายในวันนี้คงกลายเป็เขาไปแล้ว”
หลงเหยียนแหงนหน้าขึ้นไปมองคนอื่นๆ ที่อยู่หน้าแท่นประลอง อัจฉริยะเหล่านี้ต้องฝ่าฟันความยากลำบากนานัปการถึงจะได้เข้าร่วมทิศตะวันออก ข้ารู้สึกอิจฉาพวกเขาจริงๆ
“ทว่าหากให้ข้าเลือกใหม่อีกครั้ง ข้าก็ยังจะเลือกทำเช่นเดิม เพียงครั้งนี้ ข้าคงไม่ทำอะไรอย่างวู่วามเหมือนในตอนนี้อีกแล้ว อย่างน้อยก็คงจะรอให้ตัวเองแข็งแกร่งอย่างแท้จริงก่อน ถึงจะทำตัวเป็วีรบุรุษผู้ผดุงธรรม”
“ท่านพ่อ เป็ลูกเองที่ลืมคำตักเตือนของท่าน!”
พลังที่น่าหวาดผวาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลั่วซางพุ่งเข้ามาใกล้จนหลงเหยียนมองเห็นใบหน้าอำมหิตของเขาได้อย่างชัดเจน เขาค่อยๆ หลับตาลง พลังชีวิตในร่างกายกำลังเหือดหายไป ิญญาัที่มีก็ร้องคำรามขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ในวินาทีแห่งความเป็ความตาย เมื่อได้เห็นสิ่งที่ลั่วซางกำลังทำอยู่ ฝูงคนที่ยืนอยู่ใต้แท่นประลองก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามเขาสักคน เพราะนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายชัดๆ
ซือถูหม่าเองก็เสียดายไม่ต่างกัน ในวินาทีแห่งชีวิต ในตอนที่ฝ่ามือของลั่วซางกำลังจะประทับลงบนร่างของหลงเหยียน
อยู่ๆ ก็มีเสียงคำรามดังก้องขึ้น
“หยุดนะ!” เสียงคำรามที่ทรงพลังผลักให้ลั่วซางถลากลับไปหลายก้าว เมื่อหันกลับมามอง และเห็นเ้าของเสียงลั่วซางก็หน้าซีดเผือดลงทันตา
แม้กระทั่งซือถูหม่าที่อยู่ไม่ไกลก็ยังมองสตรีผู้เป็เ้าของเสียงด้วยความตื่นตระหนกไม่แพ้กัน ทุกคน ณ ที่แห่งนี้สั่นสะท้านไปตามๆ กัน คิดไม่ถึงว่าการกระทำของลั่วซางจะทำให้ใต้เท้าผู้นำทิศตะวันออกลงมือด้วยตนเอง นั่นเป็ศิษย์หลัก ซึ่งเป็ศูนย์กลางของทิศตะวันออกเชียวนะ ว่ากันว่าเมื่อหลายปีก่อน ใต้เท้าผู้นำที่เป็แค่ศิษย์ระดับล่างใช้พร์และความสามารถที่มี ค่อยๆ ไต่เต้าจนมายืนอยู่ในตำแหน่งระดับสูงอย่างทุกวันนี้ด้วยตนเอง แม้ว่านางจะเป็สตรี ทว่าความสามารถที่มีก็ทำให้ทุกคนยกย่องและนับถือนางอย่างถ้วนหน้า
ซือถูหม่ากับพวกเป็แค่หัวหน้าผู้ฝึกระดับล่างที่มีอำนาจควบคุมครูฝึกนับสิบคนเท่านั้น ทว่าใต้เท้าผู้นำมีอำนาจควบคุมหัวหน้านับสิบทีเดียว ซึ่งนางที่เป็ถึงใต้เท้าผู้นำ ย่อมมีพลังที่แข็งแกร่งสมตำแหน่งอยู่แล้ว สิ่งที่มั่นใจได้คือการที่นางมีพลังมากกว่าระดับชีพธรณีอย่างแน่นอน
หลงเหยียนมองไปตามที่มาของเสียง เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคยอีกครั้ง มันเป็กลิ่นอายที่ทำให้เขารู้สึกวางใจและผูกพันจริงๆ
‘เว่ยเวย! ท่านแม่...’ หลงเหยียนมองไปยังสตรีคนนั้น เขาอยากจะะโเรียกอีกฝ่าย ทว่าเมื่อเหลือบไปเห็นยอดฝีมือที่รายล้อมอยู่ข้างกายนาง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกลังเลขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะเรียกออกไปหรือไม่
ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างกายนางไม่ใช่คนธรรมดา กลับเป็ยอดฝีมือที่มีพลังมากกว่าระดับชีพธรณีทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ นางไปที่เมืองัโดยพายอดฝีมือระดับชีพัขั้นที่เก้าแค่สี่คนเท่านั้น ในตอนนั้น หลงเหยียนรู้ว่านางต้องมีพลังมากกว่าระดับชีพเทพขั้นที่หนึ่งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่านางจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ พลังของนางแกร่งยิ่งกว่าลั่วซางอย่างน้อยสองระดับเลยก็ว่าได้
ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายเว่ยเวยเป็สตรีสองนาง ซึ่งเป็สาวใช้คนสนิทของนางนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีวัยรุ่นอีกห้าถึงหกคน พวกเขากระจายออกเปิดทาง ทำให้นางที่ยืนอยู่ตรงหน้าดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
กลิ่นอายของพลังที่กระจายออกมาจากร่างของนางนั้นแข็งแกร่งจนไม่มีใครกล้าขัดขืนสักคน คำพูดของนางมีอำนาจเด็ดขาด หากใครกล้าขัดคำสั่ง ก็อาจจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ
เมื่อได้เห็นนาง หลงเหยียนก็รู้สึกวางใจ เพราะเขารู้ดีว่าตนไม่ต้องตายแล้ว โชคยังดีที่นางมาทันเวลา แม้ท่านแม่จะอายุย่างเข้าเลขสี่แล้ว กลับยังงดงามน่ามอง ทั้งยังดูสูงสง่าเหลือเกิน รังสีพลังที่น่าหวาดกลัวทำให้ซือถูหม่ากับคนอื่นๆ ต่างก็ไม่กล้ามองหน้านางด้วยซ้ำ สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ข้างกันสวมชุดบางสีแดงสด พวกนางน่าจะมีอายุประมาณสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น ทั้งสองกวาดสายตาที่คมเฉียบไปยังฝูงคนทั้งหลาย มุมปากอมยิ้ม ทว่าใบหน้ากลับเยือกเย็นไม่ต่างไปจากหยาดหิมะ รวมทั้งใบหน้าเรียวสวยและดวงตากลมโต ทำให้ทั้งสองดูทรงเสน่ห์อย่างยากจะพรรณนา
แม้กระทั่งหลงเหยียนก็ยังอึ้งงันไปชั่วขณะ สตรีในเมืองอู่ตี้งดงามเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ?
บุรุษที่ยืนมุงอยู่รอบๆ ก็รู้สึกคอแห้งไปตามๆ กัน พวกเขาไม่กล้ามองเว่ยเวย ทว่ากลับจ้องไปที่สาวใช้ทั้งสองคนอย่างไม่ละสายตา ความงามของพวกนางดึงดูดสายตาของทุกคนในที่นี้ โดยเฉพาะผู้เข้าสมัครที่ร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ พวกเขาเบิกตากว้าง บางคนก็กลืนน้ำลายไม่หยุด หากพวกนางสังเกตเห็นการกระทำของพวกเขาละก็ คนพวกนี้ต้องเดือดร้อนแน่
เว่ยเวยยังใช้ผ้าสีขาวปิดบังใบหน้าดังเดิม ลำพังแค่รังสีแห่งอำนาจที่แผ่กระจายออกมาก็ทำให้ไม่มีใครหน้าไหนกล้าคิดเกินเลยต่อนางแล้ว สตรีที่เป็เช่นนี้คงไม่มีชายใดในโลกที่สามารถรับมือไหว
ถึงว่า ท่านพ่อถึงพิชิตใจนางไม่ได้!
‘ท่านแม่...’ หลงเหยียนร้องเรียกนางในใจซ้ำๆ
เว่ยเวยไม่ได้พูดอะไร เพียงมองไปยังหลงเหยียนครู่หนึ่งเท่านั้น หลงเหยียนจดจำใบหน้านิ่งเฉยใต้ผ้าคลุมนั้นได้อย่างชัดเจน อีกด้านหนึ่ง ซือถูหม่าและคนอื่นๆ รีบเข้ามากล่าวทักทายนางอย่างเคารพนอบน้อม
“ใต้เท้าท่านผู้นำ”
เว่ยเวยไม่ได้ตอบอะไร ผิดกับหญิงรับใช้ข้างกายนางที่ร้องตวาดขึ้น
“ลั่วซาง ช่างบังอาจนัก เป็แค่ผู้ฝึกสอน เ้ามีอำนาจอะไรถึงทำเื่แบบนี้ ใครให้สิทธิ์เ้าลงมือกับผู้เข้าแข่งขันเช่นนี้?”
ลั่วซางรีบอธิบาย “ใต้เท้าท่านผู้นำ เ้านี่ทำผิดกติกา เขาสามหาว ทั้งยังหยิ่งผยอง กล้าทำตัวไร้มารยาทกับข้าต่อหน้าผู้คน คนที่มีนิสัยเช่นนี้ หากให้เข้าร่วมทิศตะวันออกละก็ ข้าเกรงว่าต่อไปเขาจะอวดดีจนไม่เห็นหัวใคร อาจจะนำความอัปยศมาสู่การหยามเกียรติของแขนงทิศตะวันออกได้”
หลงเหยียนยันแขนลงกับพื้นเพื่อประคองตนไว้ สีหน้าเ็ปของเขาทำให้เว่ยเวยรู้สึกสงสารและปวดใจเหลือเกิน ถึงกระนั้นนางก็ไม่พูดอะไรสักคำ เป็สาวใช้ข้างกายนางต่างหากที่พูดด้วยเสียงไพเราะ “หืม? เื่เป็เช่นนี้หรอกหรือ ข้ากลับได้ยินมาว่าหนุ่มน้อยผู้นี้เป็คู่ประลองของน้องชายเ้า อีกทั้งยังเอาชนะน้องชายเ้าได้อีกด้วย เพราะแบบนั้นเ้าก็เลยเคียดแค้น อยากจะฆ่าเขาให้ตายกระมัง ต่อหน้าใต้เท้าท่านผู้นำยังกล้าพูดโกหกอีกหรือ ดูท่า เ้าใจกล้าไม่เบาเลย”
--------------------