แค่ฟังจากน้ำเสียงเหลียนเซวียนก็รู้ว่าผู้อื่นไม่เต็มใจ แม้ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงเสียดายนัก แต่เขาก็ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
แผลที่ตัวจะว่าเจ็บก็เจ็บอยู่ แต่เขาทนได้ นางทำท่าเสียดายเช่นนั้นย่อมมีความจำเป็ต้องใช้ ตนเองก็ไม่ได้ปวดถึงขั้นต้องกินยาระงับปวด
ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นสว่างวาบ "งั้น... ยาแก้ปวดนี้ก็เก็บก่อนเผื่อใช้ในยามจำเป็ ท่านกินยาแก้อักเสบเม็ดนี้เถอะ ตราบใดที่ไม่เกิดการอักเสบ าแก็จะค่อยๆ หายไปเอง"
พูดจบ ก็เก็บยาแก้ปวดเม็ดนั้นใส่กระเป๋าใบเล็กอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบยาแก้อักเสบวางใส่มือเขา ก่อนเทน้ำใส่ถ้วยพลาสติกใบเดิม
"เอ้า น้ำของคุณ กินยานี้เข้าไป อีกประเดี๋ยวยังต้องทายาอีก"
เมื่อวานใช้ทิงเจอร์ไปแล้วครึ่งขวด ช่วยเขาทายาแค่ที่ใบหน้าและลำคอ แต่าแตามร่างกายยังไม่ทันทาให้
เหลียนเซวียนค่อยๆ คลำยาในมือ ลักษณะเป็รูปไข่ ผิวเรียบลื่น อ่อนนุ่มเล็กน้อย เหมือนจะมีอะไรอยู่ข้างใน
"รีบกิน รีบกิน"
เซวียเสี่ยวหรั่นเร่งเร้า
เหลียนเซวียนใส่ยาเข้าปากโดยไม่ลังเลอีกต่อไป เขาก็ใช้ลิ้นััขณะอยู่ในปาก ลื่นๆ แต่กลับเหนียวขึ้นเล็กทีละน้อย
"น้ำให้ท่าน รีบดื่มแล้วกลืนลงไป"
เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นถ้วยพลาสติกมาถึงปากของเขา
เหลียนเซวียนจำต้องกลืนยาลงไปแล้วดื่มน้ำตาม
"เอาล่ะๆ ตอนนี้จะทายาให้ท่าน"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบทิงเจอร์ออกมาอย่างคล่องแคล่ว เพราะไม่มีก้านสำลี เธอดึงกระดาษชำระออกมาแผ่นหนึ่งฉีกเป็สี่ส่วน แล้วม้วนเป็เส้นยาวๆ ก่อนจุ่มลงในขวด พริบตาเดียวยาน้ำก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง
ความสามารถในการดูดซึมของกระดาษชำระค่อนข้างสูง เซวียเสี่ยวหรั่นแลบลิ้นออกมา
"เร็วเข้า มีาแตรงไหนบ้าง ข้าจะทายาให้"
เธอขยับเข้าหาเหลียนเซวียน กวาดมองสำรวจั้แ่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง เมื่อวานตอนทายามืดเกินไป าแบนใบหน้ายังทาไม่ค่อยจะตรงตำแหน่งเท่าไร เธอรีบหยิบกระดาษม้วนมาป้ายบนใบหน้าของเขา
เหลียนเซวียนถอยไปด้านหลัง หนังตากระตุก แม่นางผู้นี้ เ้าช่วยทำอะไรช้าลงหน่อยได้หรือไม่
"อย่าหลบสิๆ ไม่เจ็บหรอก เดี๋ยวยาก็ถูกกระดาษชำระดูดจนแห้งพอดี ยาน้ำนี้มีแค่นี้ อย่าให้สิ้นเปลือง" เซวียเสี่ยวหรั่นตามมาติดๆ สายตาของเธอไม่ค่อยดีนัก แสงสว่างในถ้ำก็ค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้ด้วยความเคยชิน
ใกล้จนกระทั่งใบหน้าของเหลียนเซวียนัักับลมหายใจของเธอ เขาปั้นหน้านิ่ง หลบแล้วหลบอีกอย่างไม่เป็ตัวของตัวเอง
"อย่าขยับสิ อย่าขยับ"
แม่นางผู้นั้นกลับบีบเข้ามาทุกทาง เหลียนเซวียนไม่มีทางเลือกจำต้องทำตัวแข็งทื่อไม่ขยับ
"เรียบร้อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว พอเห็นใบหน้าเขียวๆ ม่วงๆ ตรงหน้า ก็สูดหายใจสะท้านเยือกในโพรงอก แม่เ้าโว้ย! ทายาเสร็จอัปลักษณ์ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ฝ่ายเหลียนเซวียนหลังจากเห็นนางถอยออกไปแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไม่ชินกับการให้คนแปลกหน้ามาััใกล้ชิดขนาดนี้
"แผลตามตัวล่ะ?"
พอได้ยินคำกล่าวของนาง จากที่เพิ่งโล่งใจอยู่หลัดๆ ก็กลับมาตึงเครียดอีกหน
เหลียนเซวียนรีบสั่นศีรษะ เป็การแสดงออกว่าาแตามร่างกายไม่นักหนา ไม่ทายาก็ไม่เป็ไร
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับตาไวเห็นรอยเขียวเป็จ้ำๆ ใต้สาบเสื้อที่แบะออกครึ่งหนึ่งของเขา เธอวางของในมือลงด้านข้างอย่างระมัดระวัง
"มา ถอดชุดออก ข้าจะทายาที่าแตามตัวให้ท่าน"
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่คิดอะไรมาก แค่อยากจะทายาให้เสร็จๆ เธอยังต้องไปย่างเกาลัดมากินอีกนะ ตอนนี้เพิ่งกินไปแค่สามสี่ส่วนของกระเพาะเท่านั้นเอง
เหลียนเซวียนตัวแข็งทื่ออีกหน ส่ายหน้าพลางยกมือห้าม พยายามบอกอย่างสุดชีวิตว่าไม่ต้องแล้ว
"เฮ่อ อย่าเอาแต่ส่ายหน้า ท่านดูเอาเอง เสื้อผ้ามีแต่คราบเื ต้องมีาแแน่ๆ มีแผลก็ต้องจัดการ มิเช่นนั้นจะอักเสบได้ง่าย" อาภรณ์ตัวยาวสีขาวของเขาเปรอะเปื้อนคราบเืเต็มไปหมด บางแผลคงไม่น้อยแน่ๆ แต่ยาน้ำกลับเหลือไม่มากแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นย่นหัวคิ้วกล่าวว่า
"อย่าพิรี้พิไร เร็วเข้าหน่อยเถอะ ทำแผลเสร็จยังต้องไปย่างเกาลัดใส่ท้อง หลังจากนั้นก็รีบเข้านอน พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีกมาก ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยอกสักหน่อย รูปร่างผอมเป็ไม้กระดานแบบนี้ ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหน"
อย่าพิรี้พิไร ผอมเป็ไม้กระดาน ไม่มีอะไรน่ามอง? เหลียนเซวียนตกตะลึงกับคำพูดของเธอจนแทบหยุดหายใจ แม้แต่ท่าทางต่อต้านก็ชะงักไปด้วย
แต่หลังจากนั้น หัวคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ที่บอกว่าใช่ว่าไม่เคยเห็นบุรุษเปลือยอกหมายความว่าอย่างไร
นางเป็หญิงสาว จะไปเห็นบุรุษเปลือยอกภายใต้สถานการณ์แบบไหน
เหลียนเซวียนเม้มปากแน่นโดยไม่รู้ตัว
เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งจะตระหนักได้ ในยุคสมัยนี้คำพูดบางอย่างไม่อาจกล่าวส่งเดช
"เอ้อ แถวบ้านข้า อากาศร้อนมาก มักมีคนเปลือยอกออกมาเดินข้างนอก บางทีไม่ระวังเหลือบไปเห็นเข้าน่ะ แหะๆ" นางอธิบายพลางหัวเราะแห้งๆ
แท้จริงแล้ว่หน้าร้อนที่อากาศร้อนจัด คนเดินเปลือยอกไปไหนมาไหนในหมู่บ้านก็มีไม่น้อยจริงๆ ผู้ชายส่วนมากแค่หยิบเสื้อพาดบ่าก็ออกจากบ้านกันแล้ว
สถานที่แบบไหนถึงได้มีเื่ขัดต่อหลักศีลธรรมจรรยาเช่นนี้ ดวงตาที่เห็นไม่ชัดปรายมาที่นางปราดหนึ่ง
"โอ๊ย อย่ามัวแต่คุยอย่างอื่นอยู่เลย ให้ข้าจัดการาแให้ก่อนเถอะ ท่านช่วยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกที จะสวมหรือไม่ก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก"
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบเบี่ยงประเด็น สาบเสื้อแนวเฉียงของเขาเดิมทีก็ไม่ได้ผูกให้ดีอยู่แล้ว เสื้อผ้าหลวมโพรก ข้างในก็ไม่ได้สวมเสื้อตัวอื่น ขยับนิดก็เผยให้เห็นหนังหุ้มกระดูกแล้ว
พูดจบก็ยื่นมือเข้าไปดึงเชือกที่ผูกเป็ปมผีเสื้อออก เสื้อก็คลายออกไป
เหลียนเซวียนตัวแข็งทื่อ เส้นสายที่คางหดเกร็ง
อาภรณ์ตัวยาวลื่นหลุดไปแล้ว เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่มีแต่กระดูก บนนั้นเต็มไปด้วยาแน่ากลัว มีรอยเฆี่ยนสั้นบ้างยาวบ้างลายพร้อยเต็มตัว มีทั้งรอยแดง รอยจ้ำสีม่วง ทั้งปูด ทั้งบวม
เห็นแล้วก็น่าใ
เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากค้าง พูดไม่ออกอยู่เป็เวลานาน
เหลียนเซวียนไม่ขยับ แต่แววตาเย็นะเืดุจน้ำค้างเหมันต์กลับหลุบลง
"แย่มาก ต้องเป็คนประเภทไหน จิตใจถึงโหดร้ายเฆี่ยนท่านจนยับขนาดนี้" เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมา ก็หยิบทิงเจอร์กับกระดาษชำระที่เอามาม้วนเป็แท่งขึ้นมาทันที "ฆ่าคนแค่ศีรษะตกพื้นก็พอ ทำไมต้องทรมานกันขนาดนี้ ไม่สิ พูดแบบนี้ก็ไม่ได้ ถูกทรมานอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ หากสังหารคือจบสิ้นชีวิต ความเคียดแค้นชิงชังจะมีความหมายอะไร ชีวิตคนถึงจะสำคัญที่สุด"
เธอย่อตัวลงคุกเข่าสะกดกลั้นความเ็ป เริ่มจากใส่ยาที่าแให้เขาอย่างจริงจัง ขณะที่มือเคลื่อนไหว ปากก็พูดมิได้หยุดหย่อน
แม้เหลียนเซวียนจะรับาเ็และถูกพิษ แต่เธอเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนเลว ตาของเขามองไม่เห็น ปากก็พูดไม่ได้ อุปนิสัยอาจจะอวดดีและเ็าอยู่บ้าง ขนาดมีาแเต็มตัว ก็ยังวางเฉยไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น
คนแบบนี้ไม่น่าจะใช่คนเลว ถึงจะไม่แน่ใจนัก แต่เชื่อสัญชาตญาณของตนเองไว้ก็ไม่เสียหาย
กลิ่นอายเ็าน่ากลัวที่ติดตัวเหลียนเซวียนค่อยๆ สลายไปพร้อมกับเสียงบ่นของเธอ
"เหลียนเซวียน ท่านร่อนเร่พเนจรอยู่ในยุทธภพ รสชาติของมันคงไม่ถูกปากเท่าไรหรอกกระมัง ประเดี๋ยวลมหอบมา ประเดี๋ยวคลื่นซัดไป ทุกวันต้องอยู่ภายใต้แสงเงากระบี่ มีคำกล่าวว่าคนท่องยุทธภพ ไหนเลยจะไม่โดนดาบ ท่านก็เลยถูกคนลงมืออย่างอำมหิตใช่หรือไม่"
ขณะที่ฟังนางพูดต่อ มุมปากของเหลียนเซวียนก็กระตุกอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าหญิงสาวเช่นนางไปฟังเื่เหลวไหลเหล่านี้มาจากไหนกัน