ที่พำนักของอวี๋เคอมีมากกว่าหนึ่งแห่งมาแต่ไหนแต่ไรในฐานะทายาทเศรษฐีผู้ที่มีร่างกายปีศาจมาั้แ่กำเนิด เขาเป็เ้าของบ้านเรือนที่ได้รับมาจากมรดกตกทอดนับไม่ถ้วนอีกอย่าง เขาได้แอบเลี้ยงดูหนุ่มหล่อสาวสวยไว้มากมายถึงเพียงนั้น หากไม่ซื้อห้องหับเอาไว้มากหน่อยแล้วจะซ่อนหญิงในเรือนทอง [1] ได้อย่างไร?
สถานที่ที่อาจิ่วพาผมไปคือเรือนลับแห่งหนึ่งที่นับว่าอยู่ไม่ไกลจากวังปีศาจมากนักเคยเป็ที่อาศัยของบุรุษผู้หนึ่งที่อวี๋เคอโปรดปราน ซึ่งถูกเลี้ยงดูเอาไว้ก่อนหน้านี้ต่อมาได้ยินว่าอวี๋เคอเล่นสนุกจนเบื่อแล้ว จึงถูกกู้จิ่นเฉิงกำจัดทิ้งไปจุดจบจึงไม่ได้ดีไปกว่าหญิงสาวสองคนนั้นเลย
ขณะที่นั่งอยู่บนหลังของอาจิ่วก็ฟังเขาพูดเื่เล่าเหล่านี้กับผมอย่างเจื้อยแจ้ว ผมช้อนศีรษะของซ่งฉียวนมาหนุนบนต้นขาของตัวเองจากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมยาวตัวหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตามากนักจากแหวนหยกสีเขียวมรกตบนมือออกมาคลุมให้เขาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะแยกพลังปราณอันแข็งกล้าออกเป็เส้นบางๆ อีกครั้งแล้วประคองมันส่งผ่านไปยังร่างเล็กที่อยู่เบื้องล่างอย่างแ่เบาและเชื่องช้าที่สุดเพราะเกรงว่าหากไม่ระวังอาจทำให้เส้นลมปราณอันเปราะบางของเขาแตกหักได้
ทว่าเวลาผ่านไปสิบนาทีก็มาถึงเรือนแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือเรือนหลังนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราโดยซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าไผ่สีเขียวมรกต บรรยากาศเงียบสงบมากและเนื่องจากใกล้ถึง่ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้วใบไผ่ที่ห้อยอยู่้าจึงถูกลมพัดปลิวร่วงไปไม่น้อย กระจายอยู่บนพื้นดินและก่อตัวเป็เส้นทางเล็กๆ ขึ้นมาอย่างบังเอิญ ซึ่งนำทางตรงไปสู่ประตูหน้าเรือน
หากจู่ๆ ผมเกิดรู้สึกว่าที่นี่ดีกว่าวังปีศาจขึ้นมาจะทำอย่างไรดี?
เมื่อถึงหน้าเรือนอาจิ่วก็หมอบลงอย่างนุ่มนวลและมั่นคงผมจึงอุ้มซ่งฉียวนเดินตรงไปเปิดประตูเรือนเข้าไปด้านใน คุณคงสงสัยใช่ไหมว่าทำไมถึงไม่มีกุญแจ? แล้วเรือนของอวี๋เคอจำเป็ต้องมีกุญแจด้วยหรือ? มีใครที่กล้าคิดจะไปยุ่งกับเรือนของเขากัน?
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ความจริงตอนที่ผมเปิดประตูเรือนออกถึงได้เข้าใจ เพราะประตูบานนี้ถูกผนึกจิตนึกคิดเอาไว้ก่อนแล้วแม้ผมจะรีบลบเครื่องหมายนั้นออก แต่ตอนนี้กู้จิ่นเฉิงอาจจะรับรู้ได้แล้วว่ามีคนมาที่นี่
ทุกเื่ของอวี๋เคอเขาล้วนเป็คนจัดการให้เข้าที่เข้าทางทั้งหมด ทุกความเคลื่อนไหวของผมอาจถูกคนผู้นี้คอยติดตามสอดส่องอยู่ในเงื้อมมือก็เป็ได้กู้จิ่นเฉิงทำให้ผมปวดหัวมากจริงๆ เมื่อนึกถึงหนึ่งชั่วยามก่อนหน้าคนผู้นี้ไม่ว่าผมจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่เอ่ยถามผมเลยแม้แต่น้อย แล้วตรงดิ่งโยนซ่งฉียวนลงไปในแม่น้ำผมจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาชั่วขณะ
แต่ช่างมัน เลิกคิดเถอะอย่างไรเสียก็เป็สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในโครงเื่อยู่แล้ว ต่อจากนี้ค่อยว่ากัน
การตกแต่งภายในเรือนหลังนี้เต็มไปด้วยสีสันทั้งยังดูสง่างามและอลังการมากพอสมควร เรือนเบื้องหน้าเป็เรือนรับรองส่วนเื้ัถึงจะเป็เรือนพำนัก ผมเปิดประตูบานหนึ่งเข้าไปอย่างถือวิสาสะไม่เห็นฝุ่นหรือหยากไย่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งภายในห้องก็ดูสะอาดสะอ้านโต๊ะน้ำชาถูกจัดวางอย่างเป็ระเบียบ ผ้าห่มบนเตียงช่างดูอบอุ่นทีเดียว
เมื่อไล่ให้อาจิ่วออกไปเฝ้าอยู่ด้านนอกผมจึงหาเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งมานั่งใกล้ๆ กับซ่งฉียวนที่ข้างเตียงจากนั้นจึงหาผลคืนิญญานั่นในแหวนหยกแล้วนำออกมาวางมันบนฝ่ามือแล้วมองอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ตระหนักถึงปัญหาที่ร้ายแรงอย่างหนึ่งขึ้นมา
ผมจะป้อนมันให้เขาได้อย่างไร? จากความสามารถในการแบกรับของร่างกายเขาในตอนนี้หากกินผลไม้ชิ้นใหญ่ขนาดนี้เข้าไปแล้ว จะไม่ทำให้เส้นลมปราณแตกดับไปเลยหรือ?
“อวี๋เคอ...”
ขณะที่ผมกำลังไตร่ตรองเื่นี้อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองขึ้นทันใดจึงก้มหน้าลงสบตากับดวงตาอันว่างเปล่าคู่นั้น สายตาที่มองมาอย่างฉับพลันทำให้ผมใจนเตลิดจากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าเ้าเด็กนี่มองไม่เห็น ผมจะตาขาวไปทำไมกัน?
สถานการณ์ระหว่างเขาและผมชะงักไปพักใหญ่ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ราวกับเหตุการณ์เดจาวูประเภท “ข้าเป็ใคร? ข้าอยู่ที่ใด? ข้ากำลังทำอะไรอยู่? ” ปะทะเข้าที่หน้าเพียงแต่การแสดงออกนี้ดำเนินไปได้ไม่ถึงสองวินาที ซ่งฉียวนก็เรียกสติตัวเองกลับมา ั้แ่ผมข้ามมิติมายังโลกใบนี้จวบจนตอนนี้ผมยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กคนนี้เลยทุกครั้งที่เห็นเขาล้วนมีแต่สีหน้าที่ทุกข์ทนขมขื่น หรือไม่ก็น่าสังเวช อ่อนแอและไร้คนเหลียวแล ทว่าในเวลานี้กลับเห็นรอยยิ้มจากมุมปากของเขาซึ่งเป็ระดับเส้นโค้งที่ไม่สูงมากแต่ก็ชัดเจนเพียงพอน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความคาดเดาจางๆ ผมได้ยินเขาถามว่า “เ้าเป็ใคร”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เยี่ยวั่งจือพูดในหนังสือขึ้นมาได้ผมจึงขยับริมฝีปาก แล้วตอบเขาไปว่า “ข้าได้รับความไว้วางใจจากพ่อของเ้าให้มาช่วยชีวิตเ้า จากนี้ไปเ้าเรียกข้าว่าอาจารย์เถิด”
......
เชิงอรรถ
[1] ซ่อนหญิงในเรือนทองหมายถึง แต่งภรรยาเข้าบ้าน หรือ แอบเลี้ยงดูหญิงสาวที่ไม่ใช่คนรักอย่างทะนุถนอม