“ท่านอาจารย์”
เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ในครั้งแรก หัวใจผมก็สั่นระริกอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่ผมเป็คนให้เขาเรียกแบบนี้ แต่สุดท้ายตัวเองกลับรู้สึกลนลานขึ้นมาเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงที่เอ่ยคำว่าท่านอาจารย์ของเขาทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยมาก ราวกับว่าเคยมีคนเรียกผมแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเป็ใคร
“ท่านอาจารย์ ข้าขอถามชื่อของท่านได้หรือไม่ขอรับ? ” อาการตกอยู่ในภวังค์ของผมถูกคำถามอันพิลึกพิลั่นของซ่งฉียวนขัดจังหวะขึ้น
เดิมทีแล้วเขาจะต้องถามชื่อในตอนท้ายไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมเ้าเด็กบ้านี่ถึงมาถามอะไรตอนนี้? โครงเื่จะดำเนินผิดไปหรือเปล่า? แบบนี้คงต้องใช้กลอุบาย! คิดได้ดังนั้น เมื่อเขาถามแล้ว สุดท้ายผมก็จำต้องแกล้งทำ อย่างไรเสียสถานการณ์ตอนนี้เขาก็กำลังตกอยู่ในอารมณ์ฟุ้งซ่านและอ่อนไหว อีกทั้งเพิ่งได้รับการช่วยเหลือออกสู่โลกภายนอกก็คงยังเกิดความสับสนและมึนงงอยู่บ้าง หากคนแรกที่ได้รู้จักในเวลานี้ทำดีกับเขา ก็จะกลายเป็กุญแจสำคัญที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากความเกลียดชังได้ชั่วคราว
“ความจริงแล้วหากท่านอาจารย์ไม่ตอบก็ไม่เป็ไรขอรับ ข้าเพียง... อยากถามดูก็เท่านั้น” น้ำเสียงอันแ่เบาของซ่งฉียวนดังแว่วเข้ามาในหูของผมอย่างอ่อนแรง ผมกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง จึงพบว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มองผมอีกต่อไป แต่กลับหันไปยังอีกด้านอย่างเงียบๆ ท่าทางที่กำลังกัดริมฝีปากทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกสงสารเป็พิเศษ
ผมคิดตามหลักการแบบนักจิตวิทยา แล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา ปรับน้ำเสียงให้คงที่ แล้วตอบเขาไปว่า “ข้ามีนามว่าเยี่ยวั่งจือ เป็เพียงผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่งเท่านั้น ต่อไปก็จงลืมไปเสียเถิด”
ขณะที่ผมพูด ซ่งฉียวนก็หันหน้ามาทางผม แม้จะรู้ว่าเขามองไม่เห็น แต่กลับจ้องมองมาทางผมอย่างแน่วแน่ ดูเหม่อลอยเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขบเม้มริมฝีปาก แล้วยิ้ม พูดอย่างระมัดระวัง “ซ่งฉียวนเข้าใจแล้วขอรับ”
ทว่าเมื่อเขาเพิ่งพูดประโยคนี้จบไป คิ้วก็พลันขมวดเข้าหากันเป็ปมยุ่ง ไม่รู้ว่าเป็น้ำหรือเหงื่อเย็นๆ กันแน่ที่ไหลลงมาตามใบหน้าอันหม่นหมอง ปากขยับไปมา ราวกับกำลังกล้ำกลืนฝืนทนอะไรบางอย่าง แต่เสียดายที่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ เืสีแดงเข้มไหลออกมาตามร่องมุมปาก ผมที่เห็นแล้วก็ต้องใ
ผมเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่าอาการาเ็ของเขารุนแรงจนถึงขั้นไหนแล้ว ก่อนจะรีบยื่นมือไปจับจุดชีพจรบนข้อมือของเขา จึงยิ่งรับรู้ได้ชัดเจนเลยว่าระดับการแตกหักของเส้นลมปราณภายในนั้นรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก มิหนำซ้ำเขายังตกลงมาจากที่สูง แรงดันน้ำมหาศาลแทบจะทำให้อวัยวะภายในของเขาอยู่สะเปะสะปะไปหมด เมื่อมองลึกเข้าไปด้านในแล้วก็รู้สึกปวดใจ
ผมรีบเสกหม้อต้มสีทองใบเล็กออกมาจากในมิติ ซึ่งด้านในมีระดับอุณหภูมิที่ร้อนระอุจนเหมือนกับการหมุนเก้ารอบของดวงอาทิตย์ขนาดจำลอง ผลคืนิญญาจะต้องกินภายในสิบวันหลังจากเด็ดผลออกจากขั้ว นอกเสียจากจะมีสภาพแวดล้อมที่สามารถเก็บรักษามันได้ดีพอ จึงจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ โดยก่อนหน้านี้มันถูกเก็บไว้ในมิติภายในร่างกายของอาจิ่ว ซึ่งมีเปลวไฟคอยปกป้องเอาไว้อย่างไม่ต้องกังวล ต่อมาผมจึงตั้งใจหาหม้อต้มที่มีขนาดเล็กพิเศษแบบนี้มาใส่โดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงสามารถรักษาความอบอุ่นเอาไว้ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรักษาปราณิญญาส่วนใหญ่ในผลคืนิญญาเอาไว้ได้อีกด้วย ช่างเป็สิ่งจำเป็ที่ควรมีอยู่ทุกที่จริงๆ
เมื่อเปิดฝาออก ก็มีเส้นเปลวไฟของผลคืนิญญาที่กำลังแผ่กระจายพลังปราณิญญาออกมาจากพื้นผิว แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้น และก็เป็ไปตามคาด อาจิ่วที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็พลันเคาะประตูรัวๆอย่างโกรธเคือง และพุ่งเข้าไปด้านในด้วยความน้อยใจ “เป็เช่นนี้เอง! ข้ารู้แล้ว! นายท่าน ท่านทำเกินไปแล้ว! นำผลคืนิญญาที่ข้าแย่งมาอย่างยากลำบากมาป้อนเ้าเด็กบ้านี่! อ๊าอ๊า! ข้าไม่ยอมนะ! ”
ผมเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด และตั้งใจจะไม่ไปสนใจเขาอีก รู้ว่าที่เขาเป็แบบนี้ก็แค่โวยวายเพราะอารมณ์เสีย โอดครวญสักสองสามคำ ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร
หลังจากสงบสติอารมณ์ลง นิ้วชี้และนิ้วกลางก็แนบประสานกัน เพื่อแยกเส้นลมปราณอันแหลมคมออกมา แล้วนำวิธีการหั่นผลไม้แบบทั่วไปที่เคยทำมาใช้ หลังจากกวัดแกว่งไปหลายรอบ ผลคืนิญญาก็ถูกแยกเป็เส้นบางๆ แล้วค่อยๆ แยกตัวออกจากกันในหม้อใบเล็ก เมื่อัักับอุณหภูมิสูงก็ไม่ระเหยไป ดูแล้วน่าพิศวงมาก
“ฉียวน เ้าจงฟังให้ดี นี่เป็เพียงวิธีเดียวที่ข้าจะช่วยเ้าได้ในตอนนี้ สรรพคุณของผลคืนิญญานั้นรุนแรงอย่างเหลือล้น เ้าอาจจะรู้สึกเ็ป หากยังยืนหยัดจะทำต่อไป ข้าจะคอยปกป้องเ้าอยู่ที่นี่เอง”
คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเด็กน้อยกระตุกไปมาโดยแทบจะไม่สังเกตเห็น แล้วฝืนอ้าปากอย่างยากลำบาก เป็เหตุให้เืไหลลงมาเป็ทาง ก่อนจะฉีกยิ้มใส่ผมเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ฉียวนทนได้ขอรับ”
พูดตามตรง ทำไมจู่ๆ ผมถึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้รู้ความขนาดนี้? และยังทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารอีก แม้ว่าภาพอันน่าสยดสยองจากเืที่ติดอยู่ตรงมุมปากของเขาจะดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ
ผมข่มความคิดอันยุ่งเหยิงที่ผุดขึ้นมาในใจลง จากนั้นจึงใช้มือประคองหลังของซ่งฉียวนเอาไว้ แล้วสั่งให้เขานั่งขัดสมาธิบนเตียง สองมือวางลงเบาๆ ที่หัวเข่าทั้งสองข้าง
“อ้าปาก”
เมื่อเห็นเขาทำตามอย่างว่าง่าย แต่ในใจผมกลับเต้นรัวเร็ว ในตอนแรกที่เขียนโครงเื่ตรงนี้ ก็ใช้วิธีดำเนินเื่แบบทั่วไปของนิยายแฟนตาซี หลังจากกินผลคืนิญญาเข้าไป ตัวเอกก็จะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ประมาณว่า “ปราณิญญาอันแรงกล้าพุ่งเข้าปะทะกันในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง จนเกือบจะทำให้ร่างกายผอมบางของเขาะเิ...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างอดไม่ได้ แล้วดึงเส้นบางๆ ของผลคืนิญญาที่แยกออกจากกันอย่างระมัดระวัง แบ่งเป็เส้นเล็กๆ นำเข้าไปในปากเขา ประมาณสิบหยดจึงหยุดลงทันที
หลังจากนั้นจึงคอยสังเกตปฏิกิริยาของเขาอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น