เวลาครึ่งชั่วยามก็คือหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ผมนั่งพิงต้นไม้โดยที่แผ่นหลังแนบไปกับลำต้นที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขาทั้งสองข้างกางอยู่บนกิ่งไม้ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้ใบไม้ที่หนาแน่นและสลับซับซ้อนผมก้มศีรษะลงเพื่อมองสำรวจสภาพร่างกายของซ่งฉียวนตลอดเวลา เนื่องจากสายตาดีเมื่อก้มลงไปมองเช่นนี้ก็ยังสามารถเห็นถึงคิ้วที่ขมวดมุ่นและแก้มที่แดงของซ่งฉียวน
อาจิ่วยืนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับผมค่อนข้างมากมองผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองเด็กน้อยที่อยู่ด้านล่างอีกครู่หนึ่งจากนั้นจึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา “นายท่านขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน ก็แค่พาเขากลับไปไม่ใช่หรือ? มันจะเป็เื่ใหญ่แค่ไหนกันเชียวเหตุใดท่านจึงต้องทำหน้าตาโศกเศร้าแล้วรอจนถึงครึ่งชั่วยามด้วยเล่า? นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นท่านแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ออกมา มองแล้วข้ารู้สึกไม่คุ้นเคยเลยจริงๆขอรับ”
เมื่อได้ยินอาจิ่วพูดเช่นนี้ผมจึงยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ผลสุดท้ายก็ไม่ได้เห็นสีหน้าท่าทางที่ตัวเองแสดงออกมาอยู่ดีความรู้สึกนี้ทำให้ผมกระวนกระวายใจไปชั่วขณะโดยไร้ซึ่งเหตุผล
ไม่รู้ว่าเป็เพราะคิดไปเองหรืออย่างไรผมมักจะรู้สึกว่าใบหน้าของซ่งฉียวนคล้ายกับแดงเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกราวกับว่าความร้อนที่แผ่ออกมาเหมือนจะสามารถพัดพามาทางอากาศจนแพร่กระจายมาถึงผมทำให้หัวใจที่อ่อนไหวของผมสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหันจนเคยชินไปเสียแล้ว
ผมยอมรับว่าในใจนั้นอ่อนไหวและเปราะบางเป็อย่างมากเพราะเมื่อตอนก่อนที่ตัวเองจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังถือว่าเป็คนที่เข้าสังคมอยู่บ้างทว่าหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยแล้วกลับกลายเป็คนที่ไม่เข้าสังคม มัวแต่เล่นเกมและเขียนนิยายทั้งวันหมกมุ่นอยู่กับโลกที่ตัวเองสมมติขึ้นมาโดยไม่สามารถก้าวออกไปได้ และเพราะเป็โรคหัวใจจึงทำให้การเล่นกีฬาประเภทต่างๆ นั้นน้อยลงมากตามไปด้วยการเข้าสังคมมากที่สุดก็คือการไปโรงพยาบาลอยู่เป็ประจำ เพื่อตรวจติดตามอาการของโรคและรับยามากิน
เนื่องจากอยู่คนเดียวมาเป็เวลานานแล้วยามว่างก็มักจะคิดเื่ต่างๆ มากมาย เมื่อตัดเื่เกมและโครงเื่ของนิยายทิ้งผมมักจะคิดถึงอนาคตอันมืดมนของตัวเองหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตอันแสนสั้นของผม เวลาที่เดินอยู่บนถนนแล้วมองไปยังผู้คนและสิ่งต่างๆรอบตัวก็สามารถทำให้อารมณ์อ่อนไหวได้อย่างแปลกประหลาด
แม่ของผมเป็คนอารมณ์ร้าย นิสัยก็แข็งกร้าวอย่างยิ่งน้อยครั้งมากที่ผมจะได้เห็นด้านที่อ่อนแอของท่าน ทว่าในวันนั้นเมื่อท่านได้ยินคุณหมอวินิจฉัยว่าหัวใจของผมอ่อนแอแม่ก็ร้องไห้โฮออกมานับั้แ่ร่างกายของผมทรุดลง แม่ของผมก็มักจะไปจุดธูปไหว้พระอยู่บ่อยๆ ผู้ที่ไม่เชื่อเื่ผีสางเทวดาเช่นนั้นเวลานี้กลับหลงใหลเสียจนเหมือนกับถูกผีเข้าอย่างไรอย่างนั้น
หลายครั้งที่ท่านดึงหูของผมและสั่งสอนให้ผมทำความดีให้มากๆอย่าเอาแต่มานั่งทุกข์ใจอยู่ภายในบ้าน เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าผมก็ถูกท่านฝึกให้คอยช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อหากมีโอกาสจากนั้นก็คอยรายงานให้ท่านทราบเป็ประจำ ทั้งหมดนั่นเพียงเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มของแม่
ผมคงจะคิดมากเกินไป ตอนนี้ปลายจมูกเริ่มแสบไปหมดแล้วความรู้สึกโศกเศร้าเริ่มแผ่ซ่านออกมาจากทางจมูก ลามไปจนถึงขอบตาทั้งสองข้างที่เริ่มรื้นขึ้นมาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของผมบนโลกใบนั้นตอนนี้จะเป็อย่างไรบ้าง หวังว่าผมจะสามารถข้ามมิติกลับไปได้ผมไม่อยากให้แม่ที่ปากแข็งแต่ใจอ่อนของผมต้องมาเป็คนผมขาวส่งศพคนผมดำ [1]
โลกใบนี้ได้พรากครอบครัวซึ่งเดิมทีนั้นนับว่าเป็ของผมไปและผมก็ได้พรากครอบครัวซึ่งเดิมทีนั้นเป็ของซ่งฉียวนไปด้วยมือของผมเช่นเดียวกันไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่คนดีอีกต่อไปแล้ว
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆหัวใจที่อ่อนไหวและเปราะบางทั้งยังอ่อนแอของผมไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสงบลงได้แต่ว่าป่าไม้แห่งนี้ยังคงเงียบสงบ ไม่มีคนที่มีลักษณะเหมือนจะเป็เยี่ยวั่งจือผ่านเข้ามาเลยสักคนถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะกว้างใหญ่แต่ผมก็สามารถสังเกตเห็นได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นเลย
“แค่ก แค่ก...”
พอได้ยินเสียงเด็กน้อยไอขึ้นอีกครั้งผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปกัดฟันแล้วะโลงมาจากต้นไม้ หยุดอยู่ตรงด้านหน้าซ่งฉียวนแบกเขาขึ้นบนบ่าแล้วยอมรับชะตากรรม จากนั้นบอกกับอาจิ่วที่นั่งอยู่บนไหล่ของผมและกำลังจ้องมองมายังผมพร้อมกับรอยยิ้ม“พอแล้ว ถึงเวลาแล้ว โชคชะตานี้ข้ายอมรับแล้ว”
ผมไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตัวเองได้ อาจจะเป็ความรู้สึกผิดและความใจอ่อนที่ทำให้ผมตัดสินใจพาเขากลับไปพูดไปก็อาจจะไม่เข้าใจสักเท่าไร แต่ว่าสิ่งเดียวที่ผมมั่นใจเลยก็คือในเมื่อผมเป็คนพาเขาไป ผมก็จะปฏิบัติต่อเขาให้เหมือนกับที่เยี่ยวั่งจือทำทั้งหมดแม้ว่าภายหลังคนผู้นี้จะยังเกลียดอวี๋เคอเป็อย่างมากทว่าหากเขา้าที่จะสับผมเป็ชิ้นๆ ผมก็จะรับไว้และจะไม่มีวันบอกตัวตนของผมให้เขาได้รู้ตลอดกาล
เพราะผมรู้ว่าเป้าหมายเดียวที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็คือเพื่อฆ่าอวี๋เคอหากศัตรูของตัวเองปฏิบัติต่อตัวเองดีเช่นนี้ ด้วยสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้แล้วหากไม่บ้าก็คงจะแปลก
......
เชิงอรรถ
[1] คนผมขาวส่งศพคนผมดำ หมายถึงคนรุ่นใหม่เสียชีวิตก่อนคนรุ่นเก่า และยังหมายถึงหนุ่มสาวที่ตายก่อนวัยอันควร