ม่านรัตติกาลมาเยือน เรือนที่เหยียนชิงพักมีคำสั่งไม่ให้ใครเข้ามา ในห้องถูกลงกลอน ลมในตอนกลางคืนพัดเข้ามาจากหน้าต่าง และไฟในตะเกียงก็สั่นไหวเล็กน้อย คนร่างผอมกำลังนั่งไขว่ห้าง สวมชุดบางเรียบ นั่งอยู่ข้างโต๊ะเตี้ยกำลังยกพู่กันเขียนบางอย่าง
“เขียนอ่านหนังสือยามค่ำคืน ใต้เสียงไฟที่พลิ้วไหวจะทำร้ายดวงตาเอาได้”
เสียงบุรุษแหบแห้งตามมาด้วยเสียงปิดหน้าต่างดังขึ้น
เหยียนชิงหยุดการกระทำ และมองไป “เ้ามาแล้ว”
จิงโม่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวยกมือประสาน “คารวะองค์ชาย”
เหยียนชิงอยากจะบอกว่าไม่ต้องมากพิธี แต่เขาได้กลิ่นของยาจึงขมวดคิ้วถาม “เ้าเป็อะไร?”
ขณะที่ถาม ก็ก้าวไปข้างหน้า พลันได้กลิ่นเือีกครั้ง หัวใจเริ่มหนักอึ้ง “จิงโม่ เ้าได้รับาเ็รึ?”
เนื่องจากเขามีสถานะพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ จิงโม่จึงไม่เคยมีกลิ่นพิเศษใดๆ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นเฉพาะเด่นมาจากตัวจิงโม่ ประสาทััของเขาไวต่อสิ่งแปลกปลอม
จิงโม่ไม่ได้ปิดบัง นั่งลงบบนเก้าอี้โดยที่ไม่ต้องให้อีกฝ่ายบอกก่อนจะตอบไปว่า “อาการาเ็เล็กน้อย ไม่เป็อะไรมาก คุณชายไม่ต้องเป็ห่วง”
เหยียนชิงส่ายหัว
“ถึงจะเป็าแเล็กน้อย ข้าคงไม่สังเกตเห็น มีอะไรที่ข้าช่วยเ้าได้บ้าง?”
ชาติที่แล้วเขารู้อยู่แล้วว่าในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของพรรคเจิ้น จิงโม่เป็ยอดฝีมือชั้นยอด อย่างน้อยวรยุทธ์ของเขาก็เทียบได้กับเว่ยซูหานที่อยู่จุดสูงสุด ต้องรู้ก่อนว่าเว่ยซูหานที่ต่อมาก็กลายเป็แม่ทัพพิทักษ์แคว้นที่มีชื่อเสียงในด้านวรยุทธ์ ไม่ต้องพูดถึงจิงโม่ที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหาร ภารกิจที่ออกมาล้วนเป็การลอบสังหาร หากเขาได้รับาเ็ คาดว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่ธรรมดา
คำพูดของเหยียนชิง จิงโม่ไม่ได้โต้แย้ง เพียงแค่มองแว็บเดียวก่อนจะเอ่ยขึ้น “ออกไปทำภารกิจ แต่ก็ได้รับาเ็โดยบังเอิญ”
เหยียนชิงขมวดคิ้ว “ที่นี่หรือ?”
จิงโม่พยักหน้า “อืม สังหารคนผู้หนึ่ง”
เสียงแหบแห้ง และแ่เบาทำให้เหยียนชิงรู้สึกใอย่างบอกไม่ถูก การฆ่าคนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าโอรส์ช่างกล้าหาญยิ่งนัก เขาถอนหายใจเบาๆ และถามว่า
“ใคร? แล้วสำเร็จหรือไม่?”
จิงโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ตอบอีกฝ่ายว่าเป็ใคร แต่ยืนยันว่า “สำเร็จแล้ว”
เหยียนชิงรู้ที่ตนถามถึงผู้ถูกสังหารออกจะกะทันหันเกินไป ผู้ที่ได้รับรางวัล และคนที่ถูกฆ่าไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังนั้นเขาจึงพูดเื่นี้อีก
“ข้าขอดูแผลเ้าหน่อย กลิ่นคาวเืบนตัวเ้าชัดเจนเกินไป ออกไปคงไม่สะดวก ข้าทายาให้เ้าก่อนก็แล้วกัน”
“เช่นนั้นก็คงต้องรบกวนคุณชายแล้ว”
จิงโม่ไม่ปฏิเสธอีก เขาเอื้อมมือเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีขาวที่ถูกย้อมด้วยเื ใต้เสื้อมีแผลจากดาบยาวประมาณหนึ่งนิ้ว ดูแล้วลึกมาก อาบไปด้วยเื บนหน้าอกถูกย้อมไปด้วยสีแดง ดูแล้วน่าใไม่ใช่เล่น ส่วนาแอยู่ห่างจากหัวใจประมาณสองคืบ
จิงโม่ใช้เพียงผ้าธรรมดา และผงยาโรยลงบนาแเท่านั้น การรักษารีบร้อนอย่างลวกๆ เืยังไหลซึมออกมาด้านนอกไม่หยุด
เหยียนชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้พูดคุยกับเขาได้สงบนิ่งมานานขนาดนี้ได้อย่างไร จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ถ้ายังเป็แบบนี้ต่อไปเ้าจะตายแน่ๆ”
พูดจบก็หยิบเสื้อตัวธรรมดาออกมาฉีกเป็ผ้าแล้วเริ่มพันแผลให้กับเขา
จิงโม่ส่ายหน้าอย่างใจเย็น “ไม่ หากข้าไม่มาพบคุณชาย ตอนนี้ก็คงออกจากเมืองไปแล้ว” เมื่อออกจากเมืองเขาก็จะจัดการกับแผลของตนให้ดีกว่านี้
เหยียนชิงหยุดเคลื่อนไหวและพยักหน้าอย่างเข้าใจ ใช่ ชาติที่แล้ว จิงโม่ต้องเคยออกไปทำภารกิจนี้ ภายหลังเจอกันอีกครั้งเขาก็ยังสบายดี ตอนที่ตนตาย จิงโม่ยังไม่ตาย
“ขอโทษ”
จิงโม่ “คุณชายไม่ต้องขอโทษ”
เหยียนชิงเม้มปากไม่พูดไม่จา ช่างมันเถอะ คนทิฐิสูงเช่นนี้ทำให้เขาเข้าใจก็พอแล้ว
จิงโม่มองคนที่ทำแผลให้ตัวเองอย่างชำนาญ ในใจก็เกิดความประหลาดใจไม่น้อยว่า คุณชายน้อยเปลี่ยนไปมากจริงๆ หลังจากได้แต่งงานแล้ว
หลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว ก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็เก็บผ้าเปื้อนเืไว้ในเสื้อ เก็บยาที่เหยียนชิงให้มา หลังจากแน่ใจว่าในห้องไม่มีร่องรอยหลงเหลืออยู่ จิงโม่จึงถอนหายใจเบาๆ พูดกับเหยียนชิงที่ล้างมือในอ่างข้างๆ ว่า
“มีข่าวสองข่าว ข้อแรก จดหมายที่คุณชายขอให้ส่งไปยังชายแดนทางเหนือมีการตอบกลับแล้ว”
“ขอบคุณ…” เหยียนชิงรับจดหมายมาอย่างตื่นเต้น แล้วรอให้เขาบอกข่าวอีกข่าว
จิงโม่ “ประการที่สอง ข้าได้ข้อมูลของคุณชายใหญ่แล้ว”
“จริงรึ?” ดวงตาของเหยียนชิงเป็ประกาย “ตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ที่ไหน”
จิงโม่ “สามวันก่อน ข้าเจอเขาที่หอเยียนจือ จึงนำสถานการณ์ในปัจจุบันของท่านให้เขาฟัง บวกกับแผนการบางส่วนของท่านด้วย คุณชายใหญ่รู้สึกละอายใจกับเ้าและฮูหยินเหยียน เขาคอยติดตามเื่การค้าของจวนตระกูลเหยียนอยู่ด้านนอก พอฟังแผนของเ้าแล้วก็บอกว่าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ที่เมืองชายแดน ให้เ้าจัดการเื่ในจวนได้อย่างสบายใจ เขาจะคอยช่วยเหลือเ้าอยู่ข้างนอก”
เหยียนชิงขมวดคิ้ว “เขาไม่ยอมกลับจวนรึ?”
พี่ใหญ่เป็บุรุษเ้าสำราญ ต้องไปดื่มเหล้าที่หอนางโลมแน่ๆ หากท่านแม่รู้ว่าต้องโกรธอย่างแน่นอน
จิงโม่กระแอม พร้อมกับเลียนแบบเสียงของเหยียนลั่ว
“ที่จวนมีชิงเอ๋อร์คอยดูแลอย่างดีข้าก็วางใจใน ในเมื่อออกมาแล้ว ก็ทำอยากจะทำตัวดีๆ ถึงจะกลับไปเผชิญหน้ากับท่านแม่ได้ ตอนนี้ขอยังไม่กลับไปก่อนดีกว่า ได้โปรดนำคำพูดนี้ไปแจ้งเขาด้วย”
พูดจบก็กระแอมเบาๆ เพื่อปรับเสียงของตัวเอง
“นี่เป็คำพูดเดิมของคุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่มีนิสัยเรียบง่าย ดูแล้วคงชอบท่องยุทธภพมาก เกรงว่าคงไม่กลับจวนง่ายๆ ดูจากความตั้งใจของเขาแล้ว ข้าเองก็ไม่กล้าบังคับเขาให้มาด้วย”
เหยียนชิงถอนหายใจ แต่ในใจกลับคิดว่า
ชาติที่แล้วก็เป็แบบนี้หรือ? ในเมื่อชาติที่แล้ว ถ้าเขาสนใจเื่ของตระกูลเหยียนแล้วทำไมไม่เคยติดต่อกับครอบครัวเลยล่ะ? เขาอยู่ที่ไหนตอนครอบครัวเกิดเื่?”
เขาไม่เคยเชื่อว่าพี่ชายจะเป็คนเหี้ยมโหด เขาดูเป็คนง่ายๆ ชอบอิสระนั้นไม่ผิด แต่เขาไม่เคยติดต่อกับครอบครัว เว้นแต่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…
จิงโม่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยเสริมขึ้นอีกประโยค
“ข้ากำชับคุณชายใหญ่ว่าหากมีเวลาก็ติดต่อหาครอบครัวบ้าง เขาก็ตอบตกลง บอกว่า่นี้ก็มีเื่ให้โมโหบ้าง แต่ตอนนี้เขารู้ว่าตัวเองหุนหันพลันแล่นเกินไป อีกสองสามวันถึงจะเขียนจดหมายส่งถึงบ้านเพื่อขอโทษฮูหยินกับคุณชาย”
“อื้ม งั้นก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว...”
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน จะให้พูดเื่อื่นก็คงไร้ประโยชน์ พอรู้ว่าเขาสบายดี คอยติดต่อที่บ้านบ่อยๆ ก็พอแล้ว
ถ้าพี่ชายรู้สึกว่าตัวเองหุนหันพลันแล่น ชาติที่แล้วพี่ชายคงเป็ฝ่ายติดต่อครอบครัวก่อน แต่นี่เขากลับไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลย เช่นนั้นก็มีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว
ไม่นานหลังจากที่พี่ชายของเขาออกจากบ้าน เขาก็เอาแต่ตั้งใจเรียนหนังสือเท่านั้น มารดาที่เริ่มเหนื่อยล้าก็มอบเื่ภายในบ้านให้เหยียนิฮ่วนจัดการ เกรงว่าข่าวที่พี่ชายส่งกลับมาคงถูกเหยียนิฮ่วนขัดขวางไว้
“มีคนอื่นอยู่กับท่านพี่หรือไม่?”
เขาจำได้ว่าตอนที่พี่ชายออกจากบ้านไปเพียงคนเดียวเท่านั้น บ่าวสาวใช้ในเรือนถูกท่านแม่ลงโทษให้ไปช่วยที่เรือนอื่น บ่าวคนสนิทของเขาไม่ได้พาไปด้วยแม้แต่คนเดียว
“มีคนที่เหมือนกับข้า” จิงโม่ตอบเสียงเบา “คุณชายน่าจะรู้”
“…โอ้…เข้าใจแล้ว”
เหยียนชิงเหม่อลอยไปสักพักกว่าจะนึกขึ้นได้ เขาลืมไปเสียสนิท…
ท่านพ่อจัดองครักษ์เงาไร้นามให้เขากับพี่ชาย แต่องครักษ์เงาของพี่ชายไม่ได้ลึกลับเหมือนจิงโม่ เขาเคยเจอมาั้แ่เด็ก คนหนึ่งคือพี่สาวที่อ่อนโยน และงดงามนามว่าเยี่ยหลัน หากพี่ชายสามารถหลบหนีได้อย่างราบรื่นเกรงว่าคงได้นางช่วยไปไม่น้อย หากมีนางอยู่ด้วย ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลมาก
แต่ถึงแม้จะอย่างนั้น ชาติที่แล้วพี่ใหญ่ไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อยมันน่าสงสัยเกินไป… เป็ดังคาด ชาติที่แล้วเขาเองใส่ใจครอบครัวน้อยเกินไป พอเกิดเื่ขึ้นก็สับสนไปหมด แทบจะจำเยี่ยหลันที่อยู่ข้างๆ พี่ชายไม่ได้เลย
วรยุทธ์ของเยี่ยหลันนั้นสูงส่งและฉลาด ทั้งยังเชี่ยวชาญด้านใช้ยาพิษ ตอนที่ตระกูลถูกใส่ร้ายก็ยังติดต่อเขาไม่ได้ ตี้จวินส่งคนไปตามหาก็หาไม่เจอ จะเกี่ยวข้องกับนางหรือไม่?
เมื่อเห็นเหยียนชิงขมวดคิ้วเสียจนจมอยู่ในความคิด จิงโม่พูดเสียงต่ำว่า
“คุณชายมีคำสั่งอะไรอีกหรือไม่? เข้าพักที่นี่มันอะไรที่ไม่สะดวกหรือไม่?”
“เปล่า มันดีมาก” เหยียนชิงได้สติกลับมาแล้วยิ้มตอบ “ขอบคุณสำหรับการจัดการของเ้า”
จิงโม่ส่ายหน้า “คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าสะดวกก็เลยทำให้เท่านั้น”
เหยียนชิง “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็พักผ่อนที่นี่เถอะ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ อาการาเ็ของเ้าก็จะหายเร็วขึ้นด้วย”
จิงโม่ปฏิเสธ “ไม่เป็ไร ภารกิจสำเร็จแล้ว ข้าต้องกลับไปรายงานตัว”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน
“ในเมื่อคุณชายไม่มีเื่จะสั่งอีก ข้าก็ขอตัวก่อน คุณชายต้องระวังตัวให้มาก”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เหยียนชิงพยักหน้า “เ้าเองก็ระวังตัวด้วย”
สิ้นเสียงของเขา เงาของจิงโม่ก็เลือนหายจากหน้าต่างกลืนไปกับความมืด
เหยียนชิงขมวดคิ้วพลางปิดหน้าต่าง เก็บพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึกบนโต๊ะเตี้ย หยิบจดหมายที่พับซ้อนกันออกมาดู
เมื่อไม่นานมานี้ เขาให้จิงโม่ส่งจดหมายถึงแม่ทัพเว่ยที่อยู่ไกลจากชายแดนทางเหนือ อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของเว่ยซูหาน และเล่าเื่ความคิดของตัวเอง
จะช่วยเหลือเว่ยซูหาน วันหน้าหากมีโอกาสก็จะช่วยเขาอย่างแน่นอน เมื่อเวลาเหมาะสมก็จะคืนอิสรภาพให้เขา และไม่ยอมให้เขาอยู่ในฐานะภรรยาชายอีกต่อไป
เพื่อป้องกันไม่ให้คนผิดสังเกต จึงได้แต่ยืมมือจิงโม่นำไปส่งให้ คิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นถึงเพียงนี้ เป็ไปตามคาด จิงโม่ร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้มาก ชาติที่แล้วหากเขาสามารถคิดได้เช่นนี้ก็คงไม่…
ลายมือที่เปี่ยมด้วยพลังของแม่ทัพพิทักษ์แคว้น ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแสดงความขอบคุณต่อเขา และตระกูลเหยียนเท่านั้น อีกทั้งบอกว่าพร้อมช่วยเหลือเว่ยซูหาน วันหน้าพร้อมจะเดินไปกับตระกูลเหยียน และเว่ยซูหานอย่างแน่นอน
เหยียนชิงอ่านจดหมายจบมุมปากพลันยกยิ้ม เขาวางจดหมายไว้บนตะเกียงจุดไฟ และเผาเป็เถ้าถ่านก่อนจะโยนออกไปนอกหน้าต่าง
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะชาติที่แล้วเหล่าทหารผ่านศึกเหล่านี้ดูิ่เว่ยซูหาน ทำพวกเขาเกลียดชังตระกูลเหยียนถึงกระดูก ถึงแม้ว่าจะเคยไปหามาสู่กับบิดามาบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมพูดเพื่อตระกูลเหยียนเลยแม้แต่ประโยคเดียว
การทำแบบนี้จะช่วยขจัดความเข้าใจผิด และความขัดแย้งที่ไม่จำเป็ออกไปได้ เขา้าให้พวกเขารู้ว่าตระกูลเหยียนจะไม่ปล่อยให้เว่ยซูหานอับอายขายหน้าแน่นอน