อิ้งเยว่เกิดเื่ที่สำนักศึกษาสตรี แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ชอบเข้ากลุ่มกับใคร มักไปไหนมาไหนเพียงลำพัง แต่เพราะความเฉลียวฉลาดโดดเด่นกว่าผู้อื่น อาจารย์หลายท่านในสำนักศึกษาสตรีต่างชอบนางเป็พิเศษ เว่ยกูกูผู้สอนวิชาพิณถึงกับยอมแหกกฎรับนางเป็ศิษย์สายตรง ทุกวันหลังจากเลิกเรียนก็อยู่ศึกษาวิชาพิณต่ออีกหนึ่งชั่วยาม
ด้วยเหตุนี้อิ้งเยว่ถึงกลับช้ากว่าคนอื่นๆ หนึ่งชั่วยาม
และเมื่อวานก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งยังคงเหมือนกับทุกวัน
หลังจากเลิกเรียนพิณแล้ว อิ้งเยว่ก็เตรียมตัวกลับ ขณะที่เดินมาถึงบันไดมีคนผลักนางจากด้านหลัง ทำให้นางตกลงมาจากที่สูง หากไม่เพราะอิ้งเยว่มีไหวพริบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการกุมศีรษะของตนเองไว้ และอาศัย่ที่เรี่ยวแรงยังเหลืออยู่ะโร้องขอความช่วยเหลือจนมีคนมาพบทันเวลา หากรอจนถึงฟ้ามืดไร้วี่แววผู้คน เกรงว่าจะเป็เื่ร้ายมากกว่าดี
ขณะที่ซูซานหลางมาถึงอิ้งเยว่หมดสติไปแล้ว แต่เพราะพลาด่จังหวะที่ดีที่สุดในการค้นหาเบาะแสไปแล้ว ประกอบกับฝ่าาไม่อยู่เมืองหลวง จึงไม่มีใครไม่กล้าเข้าไปจัดการตรวจสอบสำนักศึกษาสตรี
เชื่อว่าผู้ลงมือก็คาดการณ์ถึงจุดนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงเลือกลงมือ่เวลานี้
แน่นอนว่าไม่มีใครคุยรายละเอียดเหล่านี้กับเฉียวเยว่ นางกุมมือของอิ้งเยว่พูดพล่ามเสียยืดยาว แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เอาแต่พูดๆๆ ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยให้อิ้งเยว่หลับ นางจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
ไท่ไท่สามรู้สึกได้ถึงความผิดปรกติของบุตรสาวคนเล็ก ก็รู้สึกปวดใจ ดึงเฉียวเยว่มาคุยอย่างจริงจัง "เ้าดึงพี่สาวมาคุยด้วยตลอดเวลาเช่นนี้ นางก็เหนื่อย เฉียวเยว่ให้พี่สาวพักผ่อนดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปากอย่างลำบากใจ "แต่พี่สาว..."
นางไม่กล้าพูดมากไปกว่านั้น
"เ้าคงมิได้คิดว่าหากข้านอนหลับไปแล้วก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยกระมัง?" อิ้งเยว่ค่อนแคะ
เฉียวเยว่ดึงมือน้อยๆ ของตนเอง ท่าทางน่าสงสาร
"อย่าคิดเหลวไหลส่งเดช เ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ ต่อให้ไม่อยากพักก็อย่ามาคุยจ้อรบกวนการพักผ่อนของข้า เ้ากระต่ายน้อยพูดมาก"
เฉียวเยว่มองพี่สาวซึ่งเป็ถึงขนาดนี้ก็ยังมิวายพ่นพิษออกจากปาก ก็คิดว่านางคงไม่เป็อันใดจริงๆ ค่อยวางใจในที่สุด "เช่นนั้นพี่สาวก็พักผ่อนให้มากๆ"
อิ้งเยว่ตอบอื้ม ก่อนหลับตาลง เฉียวเยว่ขยับเข้าไปเป่าที่ขาของนาง อิ้งเยว่ลืมตาอีกครั้งเอ่ยปากอย่างระอา "เ้าจะทำไมอีก?"
"ข้าจะเป่าให้ ท่านจะได้ไม่เจ็บอีก ท่านนอนเถอะ" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
อิ้งเยว่ไม่พูดอันใดแต่ขอบตาเริ่มแดง นางหลับตาลง น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตา
เฉียวเยว่กระดกก้นน้อยๆ เป่าให้ไม่หยุด
ไท่ไท่สามเบือนสายตาไปทางอื่น
เป็ซูซานหลางที่เข้ามาอุ้มเฉียวเยว่ นางหันกลับไปทำเสียงจิ๊ "ท่านพ่อจะทำอันใด? ข้าจะช่วยเป่าให้พี่สาว นางจะได้หลับสบายขึ้น ทำแบบนี้แล้วจะหายเจ็บ"
ซูซานหลางสูดหายใจลึกเอ่ยว่า "เฉียวเยว่ก็ไปเข้านอนดีหรือไม่ หากเ้าไม่นอน พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาจะมีแรงอยู่เป็เพื่อนพี่สาวได้อย่างไร"
เฉียวเยว่ดึงชายเสื้อยื้อไม่อยากไป "งั้นข้าไม่นอนก็ได้"
ซูซานหลางปวดใจจะตายอยู่แล้ว จุมพิตดวงหน้าน้อยของบุตรสาว "เด็กดี เ้าเล็กแค่นี้ จะทนได้อย่างไร พวกเราจะอยู่เป็เพื่อนพี่สาวของเ้าเอง ไม่มีปัญหาหรอก"
เขาไม่กล้าบอกว่าเมื่อวานตนเองก็แทบบ้า
"พรุ่งนี้เฉียวเยว่ค่อยมาเล่านิทานให้พี่สาวฟังดีหรือไม่ เฉียวเยว่เป็นักเล่านิทานผู้ยิ่งใหญ่มิใช่หรือ?"
"ท่านพ่อเห็นข้าเป็เด็กน้อยอีกแล้ว" ความอ่อนเพลียระบายไปทั่วดวงหน้าเล็กจ้อยของเฉียวเยว่
"เฉียวเยว่ก็เป็เด็กมิใช่หรือ?" ซูซานหลางเอ่ยเสียงเบา
เฉียวเยว่ยังคงขยำชายเสื้อ ขยำแล้วขยำอีก
"ลุงจะอุ้มเฉียวเยว่ไปเดินในสวนสักรอบ หลังจากนั้นค่อยเข้านอนดีหรือไม่" ทันใดนั้นฉีจือโจวก็เอ่ยปาก
เฉียวเยว่พยักหน้าเงียบๆ ไม่มีโทสะแม้แต่น้อย
แม้ซูซานหลางจะยังวิตกกังวล แต่ก็ส่งเฉียวเยว่ให้ฉีจือโจว เขาอุ้มนางเดินออกไป เฉียวเยว่กอดคอท่านลุงไม่พูดไม่จา
ฉีจือโจวอุ้มเฉียวเยว่พลางเอ่ยเสียงเบา "เฉียวเฉียวไม่ต้องกลัว"
คนของเรือนสามต่างเกิดเหตุร้ายต่อเนื่องกันหลายครั้ง แม้เฉียวเยว่จะเป็เพียงเด็กน้อยก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงเื่นี้
"มีคนร้าย" เฉียวเยว่พึมพำ
ความรู้สึกนี้ย่ำแย่มาก เห็นชัดอยู่ว่ามีคนมุ่งร้ายต่อเรือนสามของพวกเขา ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป็ใคร แต่นึกถึงพี่สาวที่ได้รับาเ็ นางก็ทรมานใจอย่างบอกไม่ถูก
"หึหึ มีคนร้ายรึ? เมื่อมีคนร้าย ก็ต้องสังหารให้หมด" ฉีจือโจวรำพึงเบาๆ น้ำเสียงของเขาเย็นะเื
เฉียวเยว่เงยหน้ามองท่านลุงของตนเอง
ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่ดวงตาล้ำลึกยากจะคาดคะเนประหนึ่งบ่อลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง
"เฉียวเฉียวไม่ต้องกลัว" ฉีจือโจวลูบศีรษะเฉียวเยว่เบาๆ ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ ก็ยังสามารถััถึงความเ็าที่หลงเหลืออยู่ได้
เฉียวเยว่ไม่ตอบ
ฉีจือโจวแค่นหัวเราะอย่างเ็า "เห็นข้าฉีจือโจวกับสกุลฉีของพวกเรารังแกง่ายนักหรือ? เฉียวเฉียวไม่ต้องเป็ห่วง และไม่ต้องหวาดกลัว ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้..." เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนพูดต่อ "แม้จะเป็สกุลซู ข้าก็จะไม่ละเว้น"
เกิดเหตุร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีคนในจวนสกุลซูรู้เห็นและร่วมกวนน้ำจับปลา เื่แบบนี้ย่อมเป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน
แม้เสียงของฉีจือโจวจะแฝงแววโเี้ แต่เฉียวเยว่กลับอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
นางกอดคอฉีจือโจว กระซิบเสียงเบา "ท่านลุง ข้าจะบอกความลับท่านหนึ่งอย่าง"
"หืม?"
"ข้าจำคนที่ทำร้ายเสี่ยวชุ่ยครั้งก่อนได้ เขาเป็บ่าวของญาติผู้พี่ของพี่ชายใหญ่ เป็คนของตระกูลมารดาของป้าสะใภ้ใหญ่เ้าค่ะ"
ฉีจือโจวเลิกคิ้ว "ขอบใจเฉียวเยว่ที่บอกลุง"
เขาจุมพิตดวงหน้าน้อยของนางเบาๆ พลางกล่าวปลอบขวัญ "เฉียวเฉียววางใจเถอะ ลุงจะคุ้มครองเ้าเอง"
เฉียวเยว่ซบศีรษะน้อยๆ บนซอกคอของฉีจือโจว
แม้นางจะรู้ว่าบิดาก็เป็ห่วงพวกนางมาก แต่นางกลัวว่าเบาะแสเหล่านี้จะยิ่งทำให้เขาลำบากใจ แม้จะมีความเกี่ยวข้องกับป้าสะใภ้ใหญ่ แต่ไม่อาจกล่าวหาว่านางเป็คนร้ายได้ ป้าสะใภ้ใหญ่สนิทสนมใกล้ชิดกับพวกเขามานาน เพียงแต่มีหลายเื่ที่ยากจะอธิบายได้
หากเกี่ยวข้องกับป้าสะใภ้ใหญ่จริง ทั้งบิดานางกับท่านลุงใหญ่ต่างก็ต้องลำบากใจทั้งสองฝ่าย เมื่อเป็เช่นนี้ ไม่สู้บอกเื่นี้กับท่านลุงดีกว่า
เฉียวเยว่ไม่เข้าใจวิถีของคนภายนอก แต่นางรู้ว่าถึงแม้เด็กเล็กๆ อย่างตนเองจะทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องพยายามปกป้องคนในครอบครัวอย่างสุดความสามารถ
ท่านลุงเป็เสนาบดีเ้ากรมอาญา ควรให้คนที่เหมาะสมทำงานที่เหมาะสม เื่จับคนร้ายท่านลุงของนางต้องเก่งกล้าสามารถกว่าบัณฑิตเช่นบิดาของนางอย่างแน่นอน
"เฉียวเยว่นอนหลับดีๆ ลุงจะอุ้มเ้าจนกว่าจะหลับ เอาไว้พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็กลับมาเป็กระต่ายน้อยร่าเริงสดใสดีหรือไม่ รับปากลุง แล้วลุงก็จะรับปากเ้า ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ กล้ามาข่มเหงรังแกพวกเ้า ลุงจะต้องแก้แค้นให้อย่างแน่นอน ขอเพียงเฉียวเยว่อย่ากลัวลุงก็พอ..."
เฉียวเยว่ไม่กลัวแม้แต่น้อย นางรีบส่ายหน้า "ข้าไม่กลัวท่านลุงสักหน่อย ข้าชอบท่านลุงที่สุด"
มุมปากของฉีจือโจวโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม...
ขณะที่ฉีจือโจวอุ้มเฉียวเยว่กลับมาถึง นางก็หลับไปแล้ว
ไท่ไท่สามมองอยู่เงียบๆ ก่อนเอ่ยว่า "ส่งนางให้ข้าเถอะ ข้าจะอุ้มนางกลับห้องเอง"
...
เช้าวันต่อมาขณะที่ท่านหมอกำลังเปลี่ยนยาทำแผลให้ใหม่ เฉียวเยว่ก็เข้ามาใกล้ๆ แล้วถามซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยสีหน้าจริงจังราวกับเป็ผู้ใหญ่
พอได้ยินท่านหมอบอกว่าพี่สาวของนางปกป้องตำแหน่งสำคัญของตนเองขณะตกลงมา ไม่นับว่าาเ็สาหัส แต่ก็ต้องดูแลตนเองอย่างดี นางถึงวางใจมากขึ้น
อิ้งเยว่อ่านตำราอยู่บนเตียง เห็นกระต่ายอ้วนตัวน้อยดึงชายเสื้อของท่านหมอมาถามจุกจิกไม่ยอมปล่อย ก็ทำท่าเบื่อหน่าย "ข้ามิได้เป็อันใดเสียหน่อย เ้าทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ไปได้"
"ข้าต้องถามให้แจ้งชัด จะได้ไม่ถูกผู้อื่นหลอก" เฉียวเยว่ตอบอย่างจริงจัง
"เ้าประสาทหลอนไปแล้ว ใครจะไปหลอกเ้ากัน"
"พวกท่านไงล่ะ พวกท่านทุกคนล้วนชอบหลอกเด็ก" เฉียวเยว่เชิดคางอวบน้อยๆ ขึ้นมา
อิ้งเยว่ถึงกับขำพรืด "แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยพูดโกหก"
เฉียวเยว่นึกตรึกตรองอย่างละเอียด คิดจะหาหลักฐานที่พี่สาวของนางเคยหลอกเด็ก แต่ก็นึกไม่ออก ก่อนทำสีหน้าสิ้นหวัง "เช่นนั้นท่านก็รักษาคุณสมบัติไม่โกหกหลอกลวงของตนเองให้ดีแล้วกัน"
อิ้งเยว่ขำแทบตาย เด็กน้อยคนนี้ของพวกนางช่างเ้าเล่ห์แสนกลไม่มีใครเกิน
"ฉีอันเล่า?" อิ้งเยว่พลันนึกได้ว่ายังไม่เห็นน้องชายคนเล็ก
"กำลังฝึกมวยอยู่ข้างนอก เขาบอกว่าจะฝึกฝนร่างกายให้ดี ภายภาคหน้าจะได้สามารถช่วยท่านจัดการกับคนร้ายได้" เฉียวเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อิ้งเยว่หัวเราะพรืดออกมาอีกหน แต่หลังจากหยุดหัวเราะนางก็รู้สึกอบอุ่นใจ
นางกวักมือเรียก "มานี่"
เฉียวเยว่รีบวิ่งเข้าไป แล้วปีนขึ้นเตียงอย่างคล่องแคล่ว มองขาของอิ้งเยว่ด้วยความเป็ห่วง เอ่ยถามว่า "เจ็บมากใช่หรือไม่?"
"ไม่เจ็บ" อิ้งเยว่ตอบพลางส่ายหน้า
"เห็นไหม เห็นไหม ตอนนี้ท่านกำลังหลอกเด็กอยู่ มันจะไม่เจ็บได้อย่างไร ต้องเจ็บมากแน่ๆ" เฉียวเยว่สบช่องชี้เป้าทันที
พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ก้มศีรษะลงเป่า "เป่าแล้วจะได้หายเจ็บ เป่าแล้วความเ็ปก็จะโบยบินไป"
"ไม่เจ็บแล้วจริงๆ ไม่เจ็บเลยสักนิด เห็นพวกเ้าห่วงใยข้าขนาดนี้ ข้าไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย มีแต่ความสุขใจ" อิ้งเยว่ตอบอย่างหนักแน่น
เฉียวเยว่พิจารณาอิ้งเยว่ั้แ่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะถือวิสาสะลูบศีรษะของนาง ก่อนเอ่ยราวกับผู้ใหญ่ "ผิดปรกติ ท่านาเ็ที่ขา แต่เหตุใดสมองกลับเลอะเลือนเล่า ดูเหมือนจะโง่งมลงมาเยอะเลย"
อิ้งเยว่ถูกกระต่ายน้อยหยอกล้อจนหลุดขำออกมาอีกหน นางกลอกตาใส่น้องสาว เอ่ยว่า "เ้านี่ร้ายกาจจริงๆ เอาไว้ข้าหายดีก่อนเถอะ เ้าถูกตีก้นแน่"
เฉียวเยว่หัวเราะ "ฮิฮิ ตอนนี้ก็ตีไม่ได้"
"คุณหนูห้า คุณหนูเจ็ดเ้าคะ คุณหนูใหญ่กับพวกคุณหนูรองมาเยี่ยมเ้าค่ะ"
"เชิญพวกนางเข้ามาเถอะ" อิ้งเยว่กล่าวเสียงเรียบ
คุณหนูจากเรือนใหญ่และเรือนสองต่างมาพร้อมกัน
ิเยว่เดินนำอยู่ด้านหน้า ท่าทางเป็ห่วงเป็ใยอย่างมาก "น้องหญิงห้าเป็อย่างไรบ้าง"
"ดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่รีบนั่งเถอะ พี่สาวทุกท่านเชิญนั่งก่อน ชิงอวิ๋น ยกน้ำชา" อิ้งเยว่ทอยิ้มอ่อนจาง
เฉียวเยว่ปีนลงจากเตียง หลังจากนั้นก็ไปนั่งด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
"วันหลังเลิกเรียนแล้วข้าจะรอเ้า" แม้ว่าหรงเยว่จะชอบทำหน้าบูดและเอาแต่ใจ แต่แท้จริงแล้วเป็คนจิตใจดี เพียงแค่เป็สาวน้อยที่ชอบกระแนะกระแหนเท่านั้น "เ้าคิดถึงแต่เื่เรียน ไม่มีสมองไปคิดป้องกันตัวจากคนชั่ว จนถูกทำร้ายเอา"
อิ้งเยว่ฉลาดปราดเปรื่องไหนเลยจะมองไม่ออก นางยิ้มตอบกลับไป "เ้าค่ะ"
"พี่หญิงสาม ต่อไปท่านปกป้องข้าด้วยดีหรือไม่?" เฉียวเยว่ยิ้มหน้าบาน
ไม่รอให้หรงเยว่ตอบ นางก็กะพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยอย่างเอ้อระเหย "ข้างดงามเพียงนี้ ดูดีเยี่ยงนี้ ต่อไปก็คงเฉลียวฉลาดไม่แพ้พี่สาว คนอิจฉาริษยาต้องมีเยอะกว่าแน่ๆ"
"หึ ใครจะไปอิจฉากระต่ายอ้วนอย่างเ้ากัน" หรงเยว่แค่นเสียงเยาะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้