เมื่อหนีเจียเฮ่อนำผลการตรวจสอบไปบอกหนีเจียเอ๋อร์ นางก็ได้แต่รู้สึกผิดหวัง
ในสมองตอนนี้ มืดแปดด้านไปหมด หากผู้ที่คิดจะฆ่านางมิใช่เว่ยฉีหราน แล้วจะเป็ใครไปได้?
สวีซื่อหรือ?
...
วันรุ่งขึ้น
เว่ยฉีหรานก็นำเื่นี้ไปร้องเรียนในราชสำนัก ตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้
“ทูลฝ่าา ด้วยองค์รัชทายาทถูกลอบปลงพระชนม์ หนีเจียเอ๋อร์จึงนำทหารองครักษ์ขององค์รัชทายาทบุกมายังจวนสกุลเว่ยของกระหม่อม หมายจะค้นหามือสังหาร อีกทั้งหนีเจียเฮ่อก็ยังนำกำลังพลส่วนหนึ่งมาพร้อมป้ายทองอาญาสิทธิ์ เพื่อขอตรวจสอบจวนของกระหม่อม แต่สุดท้าย นอกจากจะไม่พบตัวผู้ร้ายแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กระหม่อมยิ่งนัก ฝ่าา โปรดทรงให้ความเป็ธรรมแก่กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะโมโหมาก แต่เขาก็ยังเก็บงำความรู้สึก และสงวนกิริยาต่อหน้าพระพักตร์ได้อย่างไร้ที่ติ
เว่ยฉีหรานผู้นี้ ด้วยผลงานกับคุณความดีที่ทำเพื่อบ้านเมือง ทำให้เขาสามารถกุมอำนาจส่วนใหญ่ในราชสำนักเอาไว้ได้
นอกจากจะเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ยังเก่งกาจในการา จนกระทั่งต้วนอวิ๋นหรานก็ยังต้องมาขอคำชี้แนะอยู่บ่อยครั้ง
กล่าวได้ว่า ที่แคว้นฉีหลานยังอยู่อย่างสงบได้อย่างทุกวันนี้ ก็เป็เพราะกองทัพของเขานั่นเอง!
กู่หังจิ่นกวาดตามองไปทั่วบริเวณ ราวกับมิได้ใส่ใจการร้องทุกข์ของขุนนางผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
“ท่านแม่ทัพเว่ย หากจะว่ากันตามตรง เื่นี้ข้าเองก็มีส่วนผิด ที่ใต้เท้าหนีทำเช่นนั้น ก็เพราะเป็ห่วงความปลอดภัยขององค์รัชทายาท ตอนที่เขามาขอป้ายอาญาสิทธิ์ ข้าก็มอบให้โดยมิได้ไต่ถาม ว่าเขาจะใช้มันเพื่อตรวจค้นจวนของผู้ใด หากท่านจะตำหนิ ก็คงต้องตำหนิข้าด้วย”
นายท่านหนีปรายตามองหนีเจียเฮ่อ ก่อนจะแก้ต่างแทนบุตรชาย “ท่านแม่ทัพเว่ย เสี่ยวเอ๋อร์ในตอนนี้ ก็เป็อาจารย์...”
“หืม? ข้าทราบเื่นี้ดี ดังนั้น นางจึงควรทำหน้าที่ของตัวเอง โดยถวายการสอนและดูแลองค์รัชทายาทให้ดี มิใช่หรือ?” เว่ยฉีหรานปรายตามอง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก “เสนาบดีหนี ท่านควรสั่งสอนบุตรของตัวเองให้ดี”
ได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางก็เริ่มเหงื่อแตกพลั่ก... เอ่ยวาจาเชือดเฉือนโดยไม่ใส่ใจสิ่งใดอย่างนี้เชียวหรือ?
การสร้างความบาดหมางกับเว่ยฉีหรานนั้น เป็สิ่งที่ไม่สมควรยิ่ง ด้วยพวกเขานึกภาพไม่ออกเลย ว่ามันจะจบลงเช่นไร...
นายท่านหนีหันไปทางฮ่องเต้ ก่อนโค้งคำนับ “ท่านแม่ทัพเว่ยจะใจแคบเกินไปแล้ว ที่เจียเฮ่อทำไป ก็เพราะเป็ห่วงความปลอดภัยขององค์รัชทายาท ถึงได้ส่งคนเข้าไปตรวจค้นจวนเว่ยเพื่อหาตัวคนร้าย ที่คิดจะลอบปลงพระชนม์องค์ชาย ฝ่าา โปรดทรงให้ความเป็ธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
กู่หังจิ่นขมวดคิ้ว พลางโบกมือเล็กน้อย “ท่านเสนาบดีหนี ใจเย็นก่อนเถิด”
เมื่อเห็นบิดาทำเช่นนั้น หนีเจียเฮ่อก็รู้สึกแย่ เพื่อให้เื่จบลง เขาจึงต้องยอมขอโทษเว่ยฉีหรานด้วยความจำใจ
แต่อีกฝ่ายไม่คิดจะจบเื่ นอกจากจะไม่ยอมรับคำขอโทษแล้ว ยังยืนกรานให้ฮ่องเต้ทรงลงทัณฑ์เขาอีกด้วย
ด้านสวีเพ่ยหรานกับนายท่านสวี ที่พยายามจะออกหน้ามาช่วยเหลือ ก็ถูกเว่ยฉีหรานกล่าววาจาเสียดสีจนต้องเงียบไป
กู่หังจิ่นจึงได้ออกคำสั่งลงโทษหนีเจียเฮ่อ โดยให้ต้วนอวิ๋นหลานมานำตัวเขาออกไป นั่นทำให้เว่ยฉีหรานพึงพอใจเป็อย่างยิ่ง
...
พอก้าวพ้นท้องพระโรง หนีเจียเฮ่อกับนายท่านหนี ต่างก็โค้งคำนับขอบคุณต้วนอวิ๋นหลาน
แม่ทัพหนุ่มคลี่ยิ้ม “ข้าเป็พี่ร่วมสาบานของเสี่ยวเอ๋อร์ เมื่อพี่ชายของนางเดือดร้อน ข้าจะนิ่งนอนใจได้หรือ?” เขาตบไหล่หนีเจียเฮ่อเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เื่นี้ปล่อยให้เป็หน้าที่ข้าเอง หากท่านยังสืบต่อ เกรงว่าอาจจะถูกเว่ยฉีหรานจับได้อีกเป็แน่”
หนีเจียเฮ่อยังไม่ทันตอบตกลง นายท่านหนีก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “ขอบคุณท่านแม่ทัพต้วนที่ช่วยเหลือ”
หนีเจียเฮ่อจึงต้องยอมรับ “ขอบคุณขอรับ ท่านแม่ทัพต้วน”
ต้วนอวิ๋นหลานพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัว เดินไปอีกทาง
คล้อยหลังอีกฝ่าย นายท่านหนีก็หันไปตำหนิบุตรชายอย่างแรง และพาลโกรธไปถึงหนีเจียเอ๋อร์ด้วย
...
จบเื่ หนีเจียเฮ่อก็กลับมายังตำหนักบูรพา เพื่อจัดการภารกิจต่างๆ จนแล้วเสร็จ จากนั้น ก็เดินทางกลับจวนสกุลหนีในตอนเที่ยง เพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้น้องสาวฟัง รวมถึงเื่ที่ว่า หลังจากนี้ ต้วนอวิ๋นหลานจะเป็ผู้จัดการทุกอย่างเอง และท่านพ่อก็สั่งมิให้ทั้งสองเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก
แต่มีหรือที่หนีเจียเอ๋อร์จะยอมแพ้ง่ายๆ นางยังคงบอกว่าจะสืบเื่นี้เอง แต่จะทำอย่างลับๆ โดยมิให้ผู้ใดล่วงรู้
...
อีกด้านหนึ่ง
สวีซื่อได้รับรู้เื่นี้จากนายท่านสวี จึงคิดว่านี่ช่างเป็โอกาสเหมาะยิ่งนัก จึงสั่งคนให้ไปขโมยตราประทับของหนีเจียเอ๋อร์มา แล้วให้หลินมามาไปยังโรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เพื่อทำเอกสารกู้ยืมในชื่อของหนีเจียเอ๋อร์
หลินมามากลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า “นายหญิง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ!”
ได้ยินเช่นนั้น สวีซื่อก็แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนเดินออกจากเรือน โดยมีหลินมามาตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงห้องหนังสือ นางก็ไม่อ้อมค้อม เปิดประเด็นขึ้นทันที “นายท่านรู้หรือไม่เ้าคะ? ว่าเหตุใดเสี่ยวเอ๋อร์จึงถูกกลุ่มชายชุดดำตามล่า?”
นายท่านหนีวางพู่กันในมือลงทันที “ฟังจากน้ำเสียงของเ้า ดูเหมือนจะรู้สินะ ว่าเป็ฝีมือของผู้ใด?”
สวีซื่อจึงตอบ “เป็เพราะนางติดหนี้ก้อนโตที่โรงพนันเสี่ยวเหยาอย่างไรเล่าเ้าคะ คงกลัวว่าท่านจะดุด่า ถึงไม่ยอมอยู่บ้าน กลับไปหลบอยู่ที่เรือนบนูเา แต่ก็ไม่พ้นถูกไล่ล่าให้ไปชดใช้หนี้เ้าค่ะ”
นายท่านหนีจ้องเขม็ง พลางทุบโต๊ะ แล้วตะคอกว่า “กล้าใส่ร้ายลูกข้าเช่นนี้ อย่าคิดว่าเป็คนสกุลสวีแล้ว ข้าจะไม่กล้าลงโทษเ้า!”
สวีซื่อกัดฟันกรอด ทำใจดีสู้เสือ ก่อนโต้กลับทันที “จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน ข้าให้คนไปสืบเื่นี้มาแล้วเ้าค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น นายท่านหนีก็เริ่มลังเล จึงส่งคนไปยังโรงพนันเสี่ยวเหยา เพื่อหาข้อเท็จจริงทันที
...
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม พ่อบ้านก็กลับมาพร้อมข้อมูลสำคัญ
นายท่านหนีมองกระดาษที่มีตราประทับของหนีเจียเอ๋อร์เด่นหราอยู่ตรงหน้า พลางกำมือแน่น แต่ละใบไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตำลึง เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว ก็เป็เงินสูงถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นห้าพันแปดร้อยตำลึง
“ดีแต่ก่อเื่ให้ข้าจริงๆ!” นายท่านหนีตบโต๊ะอย่างแรง “ไปตามคุณหนูรองมาพบข้า เดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” พ่อบ้านตอบ แล้วเดินไปตามหนีเจียเอ๋อร์ด้วยความหวาดหวั่น
สวีซื่อที่ยืนอยู่ไม่ไกล ยกแขนเสื้อขึ้นมา เพื่อปกปิดรอยยิ้มร้ายของตน
ขณะเดียวกัน หลินมามาและบ่าวรับใช้สองคน ก็เข้ามาจับตัวเสี่ยวเสวียนเอาไว้ เพื่อป้องกันมิให้นางนำเื่นี้ไปแจ้งต่อโจวชิงหวา...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้