นอกสนามประลอง
ผู้ฝึกตนจำนวนมากยืนล้อมพื้นที่เอาไว้ โดยไม่ยอมขยับไปไหน รวมถึงคุณชายเก้า และเหล่าคนใต้อาณัติด้วย
“แค่กๆๆๆ!” คุณชายเก้าใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ก่อนจะกระแอมกระไออย่างหนัก แต่ดวงตาคู่นั้นกลับหรี่ลง
“คุณชายเก้า กู่ไห่ผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ? หยิบลูกท้อร้อยปีออกมาอย่างเปิดเผย ต่อหน้าฝูงชน คิดที่จะทำอะไรกันแน่? ทั้งยังท้าทายให้ผู้คนไปแย่งชิงมันอีก” ผู้ติดตามคนหนึ่งเอ่ยถาม ด้วยความไม่เข้าใจ
“เหอะ! เ้าจะไปรู้อะไร” คุณชายเก้าหรี่ตา ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“หืม?”
“เ้าเห็นเพียงลูกท้อร้อยปีที่กู่ไห่นำออกมา แต่กลับไม่ทราบถึงความตั้งใจลึกๆ ของเขา ที่เผยลูกท้อร้อยปีให้ทุกคนเห็น ก็เพื่อดึงดูดให้ผู้ฝึกตนจากเกาะจิ๋วหวู่ทั้งหมดนี้ มุ่งความสนใจมาที่ตัวเอง
ช่างเป็คนที่น่าสนใจเสียจริง... จิตใจ! เขาคือผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมจิตใจผู้คน... ฮะแฮ่ม!” คุณชายเก้ายกมือขึ้นปิดปากอีกครั้ง ก่อนกระแอมไอ
“อา... ดึงดูดผู้ฝึกตนทั้งเกาะจิ๋วหวู่ ให้มาสนใจตัวเอง? คุณชายเก้า ผู้น้อยไม่เข้าใจ!”
“เขากำลังปกป้องครอบครัว คงจะเป็กู่ฉินและกู่ฮั่น บุตรชายบุญธรรมทั้งสอง” คุณชายเก้าอธิบาย
“โอ้?”
“เมื่อกู่ไห่มิได้ปรากฏตัวเป็เวลานาน ผู้ฝึกตนที่เฝ้าตอรอกระต่ายอยู่นอกจวนสกุลกู่ ก็จะค่อยๆ หมดความอดทน แต่ตอนนี้ลูกท้อร้อยปีได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ความอดทนของพวกเขาก็จะกลับคืนมา และเฝ้ารอให้กู่ไห่เดินเข้าไปในกับดักที่วางเอาไว้
ดังนั้น 'พืชผัก' ที่กระต่าย้า จะต้องอยู่ในสภาพที่ดี เกรงว่านอกจากจะไม่ทำร้ายกู่ฉินและกู่ฮั่นแล้ว ยังต้องปกป้องทั้งสองอย่างเต็มที่ เพื่อรอให้กู่ไห่กลับไปติดกับดักที่พวกเขาวางเอาไว้” คุณชายเก้าอธิบาย
“กู่ไห่้าให้ผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศ มารวมตัวกัน เพื่อปกป้องกู่ฉินและกู่ฮั่นอย่างนั้นหรือ? และราคาที่ต้องจ่าย ก็แค่แสดงลูกท้อร้อยปีที่ตนถือครองเอาไว้เท่านั้น?” ผู้ติดตามคนนั้นเริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป
“ถึงแม้จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าเข้าไปเผชิญหน้าเขา ใช้ความน่าเกรงขามข่มขวัญ จนผู้คนที่พบเห็นต่างจำนน และยอมถูกมัดมือมัดเท้า อยู่ในการควบคุมแต่โดยดี เป็กลอุบายที่ลึกล้ำนัก!” คุณชายเก้าหรี่ตามอง
“คุณชายเก้า พวกเราจะลงมือหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชุดขาวก็ส่ายหน้า ก่อนกล่าวเสียงเย็น “จำเอาไว้ ข้ามิได้มาที่นี่เพราะเื่นี้ แจ้งลั่วเทียนเกอ เขามิได้อยู่ที่นี่หรอกหรือ? เช่นนั้น มีใครอื่น้าจะสวมบทบาทเป็ข้าอีกหรือไม่ ข้าอยากจะรู้ความสามารถของคนอื่นๆ ด้วย”
“ขอรับ!”
...
ในสนามประลอง
กู่ไห่พากลุ่มอาชญากรจำนวนมากออกไป
ผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศ ทำได้เพียงมองตามร่างของอีกฝ่าย ที่กำลังเดินจากไป
ในกลุ่มนักโทษเหล่านี้ กู่ไห่เชื่อใจเกาเซียนจือมากที่สุด ดังนั้นจึงมอบหน้าที่ตรวจสอบสถานที่ให้เขา ด้วยความสามารถของอีกฝ่าย การสำรวจพื้นที่จึงเป็ไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนอื่น เขาแยกคนของพรรคต้าเฟิงออกไป และกันไม่ให้คนนอกเข้ามาใกล้ แล้วเริ่มตรวจสอบอย่างรอบด้าน ทุกซอกทุกมุม ตามที่กู่ไห่กำชับไว้
ส่วนกองทัพเหลืองของซ่างกวนเหิน ก็เฝ้าติดตามกู่ไห่ไม่ห่าง
ซ่างกวนเหินหยิบแหวนออกมาจากร่างของหลี่เหว่ย
“นี่คือแหวนมิติ?” กู่ไห่มองดูแหวน ก่อนเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว! นายท่าน มีช่องว่างมิติเล็กๆ อยู่ภายใน แต่แหวนวงนี้ก็มิได้พิเศษอะไรนัก อย่างมากก็มีพื้นที่เพียงหนึ่งจั้งเท่านั้น หากท่าน้า ขอเวลาเพียงสองวัน ผู้น้อยจะปลดตราผนึก และเอาสิ่งของภายในแหวนออกมาให้” ซ่างกวนเหินกล่าวอย่างมั่นใจ
“ดี!” กู่ไห่พยักหน้า
ฝนยังคงตกหนัก เหล่าอาชญากรจึงได้หยุดพักชั่วคราว แต่ผู้ฝึกตนที่อยู่รายรอบ ก็ยังเอาแต่จ้องมองกู่ไห่ไม่ละสายตา ราวกับกลัวว่าชายหนุ่มและพวกจะหนีหายก็ไม่ปาน
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนบางคนก็วิ่งไปรอบๆ บริเวณ พยายามจะส่งข้อความถึงกู่ไห่
...
ในตอนเย็น สี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพมารวมตัวกันอีกครั้ง ตามคำสั่งกู่ไห่
ณ ห้องโถงใหญ่ ในตำหนักเต่าัที่หลี่เหว่ยเคยอาศัยอยู่
ด้านนอกตำหนัก มีกลุ่มนักโทษคอยรักษาความปลอดภัยอยู่
บัดนี้ กู่ไห่กำลังมองไปยังเกาเซียนจือ
“นายท่าน ของที่ข้ายึดมาได้ทั้งหมด ถูกวางเอาไว้ในห้องข้างๆ แล้ว และโถงใหญ่แห่งนี้ก็คือขุมทรัพย์ของหลี่เหว่ย ผู้น้อยได้ลองไขกลไกดูแล้วขอรับ” เกาเซียนจือกล่าวอย่างตื่นเต้น
“หืม?”
แครกๆๆ!
เกาเซียนจือหมุนกลไกในตำหนัก ทันใดนั้น ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงมุมกำแพง ประตูเล็กๆ นั่น ดูเหมือนจะนำไปสู่ชั้นใต้ดิน
กู่ไห่และสี่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ต่างมองหน้ากันอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าสู่ทางลับ
เมื่อมาถึงด้านล่าง ไข่มุกราตรีลูกหนึ่งก็ส่องประกายเจิดจ้า
“นี่คือค่ายกลอย่างนั้นหรือ?” ฮวางบูเอ่ยขึ้น พลางเบิกตากว้าง
“ในูเามีค่ายกลขนาดนี้เชียวหรือ? นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้สินะ” ซ่างกวนเหินกล่าวเสียงต่ำ
“หินิญญา... ที่นี่มีหินิญญามหาศาล!” เฉินเทียนซานพูดอย่างยินดี
พื้นที่ขนาดใหญ่ของห้องใต้ดินนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยหินิญญาจำนวนมากมายเหลือคณานับ กองพะเนินจนสูงเป็ูเาขนาดย่อม
“ข้ารู้!” กู่ไห่เผยรอยยิ้มกว้าง
“นายท่านเดาไม่ผิด หลายปีมานี้พรรคต้าเฟิงสะสมทรัพย์สมบัติไว้มากมาย ต่อให้ต้องเอาออกไปเป็บรรณาการ ก็ย่อมมีซุกซ่อนไว้อีกมากเป็แน่” เกาเซียนจือหัวเราะ
“ในเมื่อมีหินิญญามากมายถึงเพียงนี้ เช่นนั้น ก็ใช้พวกมันสร้างค่ายกลเถอะ!” กู่ไห่กล่าวด้วยเสียงต่ำ
“สร้างค่ายกล?” ทุกคนมองกู่ไห่ด้วยความกังขา
“ใช่แล้ว! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของร่างกาย... ค่ายกลสระิญญาที่ข้าสร้างขึ้น ในดินแดนแรกสาบสูญเมื่อคราวก่อน ยังจำได้หรือไม่? ข้าจะวางค่ายกลสระิญญาั์อีกแห่งหนึ่ง สำหรับพวกเราสามพันคน
ทุกคนอยู่ในหุบเขาคนโฉดมานานปี ร่างกายย่อมอ่อนแอ หรือไม่ก็เป็โรคร้าย ต้องฟื้นฟูสุขภาพของทุกคนให้แข็งแรงเสียก่อน” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“เช่นนั้น ต้องใช้หินิญญามากเท่าใดหรือ?” เฉินเทียนซานเอ่ยถาม ด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆๆๆ! ต้องใช้อย่างมหาศาล” กู่ไห่กล่าว พลางยกยิ้ม
“ขอรับ!” เกาเซียนจือรับคำอย่างดีใจ
“สระิญญา?” ฮวางบูและซ่างกวนเหิน ต่างแสดงสีหน้างงงัน
“นอกจากสระิญญาแล้ว ข้ายังต้องสร้างค่ายกลขนาดใหญ่อีกด้วย ยามนี้ พวกเ้าต้องผลัดกันมาช่วยข้าสร้างค่ายกล พยายามจัดวางให้เสร็จสมบูรณ์ในคืนนี้ เพราะจากนี้ไป คงจะมีศึกใหญ่ตามมาแน่!” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” ทุกคนตอบ
“เฉินเทียนซาน ทางด้านเิไท่ มีการเคลื่อนไหวอันใดหรือไม่?” กู่ไห่มองเฉินเทียนซาน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เอ่อ... เิไท่? ตอนนี้เขามิได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เพราะต้องรักษาอาการาเ็ ข้าเคยคุยกับเขา เขาบอกว่าเฟิงหลิงต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี จึง้าเวลาในการดูแลรักษาให้หายเป็ปกติ” เฉินเทียนซานรายงาน พลางส่ายหน้า
กู่ไห่ยกยิ้มบาง ก่อนกล่าว “เ้าบอกเิไท่เกี่ยวกับสถานการณ์ของเรา รวมถึงพลังชี่ที่ใช้ในการรับมือกับพลังระดับหยวนอิงหรือไม่?”
“เอ่อ... เอ่อ!... เพราะท่านห้ามมิให้พูด ข้าจึงบอกเพียงสิ่งที่เขาถามเท่านั้น” เฉินเทียนซานส่ายหน้า
“เิไท่ถาม? ผู้บัญชาการเฉิน ท่านยังคงประเมินเขาต่ำเกินไป เิไท่มิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน[1] จึงไม่ควรเอ่ยอะไรให้เขาล่วงรู้” ซ่างกวนเหินส่ายหน้า
“บอกมิได้หรือ?” เฉินเทียนซานเอ่ยถามอย่างงุนงง
“ช่างเถอะ! เื่เหล่าไม่ใช่ความลับอะไร หากเิไท่คิดจะสืบหา ก็คงไม่ยาก” กู่ไห่พูดเสียงทุ้ม
“นายท่าน พวกเราไม่ควรไว้ใจเิไท่อย่างนั้นหรือ? จากที่เขาเล่าให้ข้าฟัง ก็ดูเหมือนจะเป็คนจริงใจตรงไปตรงมานี่นา
โอ้!... ยังมีเฟิงหลิง แม้เขาจะถูกขังอยู่ที่นี่เป็เวลานานถึงยี่สิบปี แต่ก็ยังรักนางสุดหัวใจ เช่นนี้แล้ว เขาจะเป็คนชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ?...” เฉินเทียนซานกล่าวอย่างสับสน
“คนจริงใจ? เหอะ!” กู่ไห่ยิ้มเยาะ ก่อนสั่นศีรษะ “ข้ายอมรับ ว่าเิไท่เป็คนมีความสามารถ แต่ที่บอกว่าเขาเป็คนจริงใจตรงไปตรงมา เ้าคิดผิดแล้ว”
“หืม? มิใช่หรือ?”
“ด้วยความรักความผูกพันฉันพี่น้อง ไม่มีทางที่จะทรยศกันได้ แต่กับเยว่เหยาซึ่งเติบโตขึ้นมาด้วยกัน เพียงเพื่ออนาคตของตน เขายังสังหารได้ลง โดยไม่สนใจคำว่าพี่ชายน้องสาว
เิไท่ฆ่าเยว่เหยาอย่างเืเย็น ไม่แยแสว่าหลี่เหว่ยจะรู้สึกอย่างไร เป็เ้า จะสามารถปลิดชีพพี่น้องที่เ้ารัก เพื่ออนาคตของตนได้หรือไม่?” กู่ไห่กล่าวอย่างเฉยชา
“อา?... ข้า...” สีหน้าของเฉินเทียนซานเปลี่ยนไป
“ยิ่งกว่านั้น คนคนนี้ยังแสดงละครตบตาได้เก่งกาจ ในตอนนั้น ก่อนที่พวกเราจะกลับไปยังหุบเขาคนโฉด เขาดูอ่อนแอจนไม่อาจขยับเขยื้อน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน กลับรับมือหลี่เหว่ยได้ และระหว่างที่ปลุกจิตสำนึกของเฟิงหลิงก็เช่นกัน คราแรกแสร้งทำเหมือนจะตาย แต่กลับมีแรงจะไปสังหารหลี่เหว่ย ไม่คิดว่ามันแปลกหรืออย่างไร?” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“บางที...”
“ไม่! เขาคือหัวหน้าสังกัดปฐี เป็สหายร่วมงานของข้า ข้าจะไม่ทำอะไรเขา ตราบเท่าที่ไม่มายุ่งกับข้า! แต่ข้ามิได้มีมิตรไมตรีอันใดกับเขา นี่เป็เพียงผลประโยชน์ร่วมกัน
ข้าช่วยให้เขาเป็อิสระ และเขาสัญญาว่าจะช่วยเราปลดผนึกหน้ากาก แต่เขากลับลืมไปว่าจะต้องช่วยพวกเรา ดังนั้นจึงถือว่าไม่มีบุญคุณใดๆ ติดค้างกัน เช่นนี้แล้ว เ้ายังจะชื่นชมเขาอีกอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่เอ่ยเสียงเรียบ
“หา?” ท่าทีของเฉินเทียนซานเปลี่ยนไปทันที
“ผู้บัญชาการเฉิน เิไท่ผู้นี้รู้หน้าไม่รู้ใจ มักจะวางแผนอย่างแยบยล ทั้งยังเป็คนอำมหิต อย่าถูกเขาหลอกด้วยรูปลักษณ์ภายนอก หรือคำขอบคุณอย่างน่าเวทนานั่น ภายใต้ความน่าสงสาร บางทีอาจจะมีคมเขี้ยวกระหายเื ที่หมายบดขย้ำเ้าก็เป็ได้” เกาเซียนจือกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
ฮวางบูและซ่างกวนเหิน ต่างก็พยักหน้าเสริมอีกแรง
“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัวให้มาก” เฉินเทียนฉานพยักหน้า
“นายท่าน แล้วป้ายพกของข้าล่ะ จะทำอย่างไร?” เกาเซียนจือเอ่ยถาม
ป้ายหัวหน้าสังกัดปฐีที่ได้มาจากเิไท่ตัวปลอมนั้น เป็ของหออี้ผิน
กู่ไห่ส่ายศีรษะ ก่อนเอ่ย “เก็บไว้เถอะ”
“เอ๋? แต่หากท่านถังจู่รู้เข้า?...” เฉินเทียนซานพูดอย่างสงสัย
“รู้แล้วอย่างไร? เรามิได้มีหน้าที่ตามหาเิไท่ที่หายตัวไปเสียหน่อย แล้วเหตุใดต้องยอมให้เขานำสิ่งที่ข้าทุ่มเททำมา กลับคืนไปด้วย?... ในเมื่อนายท่านเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็จะเก็บมันไว้!” เกาเซียนจือเอ่ยอย่างจริงจัง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง กู่ไห่ก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนพูด “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่าง ที่เิไท่ยังปิดบังพวกเราอยู่”
“หืม?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน
“ใช่แล้ว! นายท่าน ดูผิดปกติจริงๆ” สีหน้าของซ่างกวนเหิน เริ่มมีวี่แววคิดไม่ตกทันที
“หืม?” ฮวางบูและเฉินเทียนซาน มองซ่างกวนเหินด้วยความไม่เข้าใจ
“ก่อนหน้านี้ที่สนามประลอง เมื่อนายท่านกล่าวว่าเขาถูกผู้อื่นสวมรอย ด้วยนิสัยของเิไท่ ปกติแล้ว น่าจะพาเฟิงหลิงออกจากพรรคต้าเฟิงไปทันที แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น และเลือกที่จะอยู่ต่อแทน” ซ่างกวนเหินกล่าว พลางไตร่ตรอง
“พรรคต้าเฟิง ยังมีของที่เิไท่้าอีกอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของเกาเซียนจือเปลี่ยนไป
“หรือจะเป็หลี่เหว่ย?” ฮวางบูเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“จับตาดูเิไท่เอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา และคอยปกป้องหลี่เหว่ยอย่างเข้มงวด” กู่ไห่สั่ง
“ขอรับ!” ทุกคนขานรับ
“เอาละ พวกเ้าเลือกคนของตัวเองมาช่วยสร้างค่ายกล ข้าจะรีบร่างแผนผังเดี๋ยวนี้ ตามที่ข้าออกแบบไว้ จะต้องใช้หินิญญาจำนวนมาก เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในพรรคทั้งหมด” กู่ไห่พูดเสียงต่ำ
“ขอรับ!” ทุกคนรับทราบ
ด้วยหินิญญาที่มีอยู่ กู่ไห่และพวกจึงเริ่มลงมือทันที
-----------------------------------------
[1] มิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน (不是省油的灯) เป็สำนวนจีน หมายถึง ไม่ใช่ผู้ที่ไร้ความสามารถ ที่จะถูกจัดการได้โดยง่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้