จนกระทั่งสังเกตเห็นสัญญาณที่สารวัตรเหยียนส่งมา ูเี่อันจึงหันกลับไปมองข้างหลัง ลู่เป๋าเหยียนจริงๆ ด้วย!
ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่! ูเี่อันใจนแทบร่วงจากเก้าอี้
เจียงเส้าข่ายเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปประคองูเี่อัน แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับไวกว่า เขายื่นมือออกไปรับเธอไว้ หน้าตาหล่อเหลาของเขาอมยิ้มอย่างรักใคร่
“ได้เจอฉันที ดีใจขนาดนี้เลย?”
เธอยิ้มแห้ง “นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“มาคุยธุระ” ลู่เป๋าเหยียนกระซิบข้างหูเธอเสียงต่ำ “ไปห้องส่วนตัวกับฉันหน่อย”
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขา เสียงแหบทุ้มต่ำ และริมฝีปากที่ัักับหูเธออย่างไม่ตั้งใจ ทำใหู้เี่อันรู้สึกจั๊กจี้ ความรู้สึกนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝันไม่มีผิด
ลู่เป๋าเหยียนอ่อนโยนกับเธอเป็ด้วยเหรอเนี่ย?
จนกระทั่งเธอเห็นสายตาล้อเลียนจากบรรดาเพื่อนร่วมงาน จึงได้สติแล้ว “อืม” ตอบกลับไปพร้อมลุกขึ้นยืน
ลู่เป๋าเหยียนจูงมือูเี่อันอย่างเป็ธรรมชาติ เขายิ้มอย่างสุภาพให้กับทุกคน
“ทุกท่านครับ ผมคงต้องขอยืมตัวูเี่อันไปสักครู่ ค่าใช้จ่ายในวันนี้ลงบัญชีผมไว้เลยนะครับ”
เขาพูดจบก็จูงมือูเี่อันเดินจากไป ส่วนคนที่เหลือยังคงอึ้งไม่หาย
“หล่อยิ่งกว่าที่ร่ำลือกันมาเสียอีก ไม่ว่าจะพูดหรือจะเดินก็หล่อไปหมด!”
“ให้ตาย ใครก็ได้หยิกฉันที นี่ฉันได้เจอลู่เป๋าเหยียนตัวเป็ๆ จริงๆ ใช่ไหม”
“ท่าทางดูแลเจี่ยนอันดีนี่นา ดูเหมาะสมกันมาก ฉันเริ่มจะไม่เชื่อข่าวของเขากับหานรั่วซีแล้วสิ” สารวัตรเหยียนถามเจียงเส้าข่าย “นายสนิทกับเจี่ยนอันที่สุด รู้หรือเปล่าว่าสองคนนี้คบกันมานานแค่ไหน”
เจียงเส้าข่ายยักไหล่ “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาไปคบกันตอนไหน”
ระหว่างรออาหาร ทุกคนต่างพากันคุยแต่เื่ของลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อัน จนไม่มีใครสังเกตเลยว่า สายตาของเจียงเส้าข่ายค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทีละนิด
ขนาดเจียงเส้าข่ายเองก็ยังไม่เข้าใจว่า ความรู้สึกเจ็บแปลบในใจของเขามันเกิดขึ้นเพราะอะไร
เมื่อลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันขึ้นมาถึงชั้นสอง ูเี่อันถึงนึกขึ้นได้ว่า
“ลู่เป๋าเหยียน นายจะพาฉันไปไหน”
“เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” ลู่เป๋าเหยียนไม่ตอบแถมถามย้อนกลับ
“มากินข้าวไง”
“ฉันกำลังจะพาเธอไปกินข้าว”
ลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้าไป ทางด้านเสิ่นเยว่ชวนแจ้งกับคู่ค้าไปว่า ลู่เป๋าเหยียนไปหาคุณนายลู่ ฝ่ายนั้นจึงรีบลุกขึ้นต้อนรับ
“ยินดีที่ได้พบกันครับคุณนายลู่ ผมชื่อหวังคุน วันนี้มีนัดคุยเื่โปรเจคที่จะร่วมมือกันกับผอ.ลู่ครับ”
“สวัสดีค่ะ” ูเี่อันตอบกลับไปตามมารยาท ลู่เป๋าเหยียนบอกให้เธอนั่งลง แล้วจึงเรียกพนักงานเข้ามา
เสิ่นเยว่ชวนเข้าใจทันทีว่าลู่เป๋าเหยียนเรียกพนักงานมาทำไม แต่เขาเองยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี ลู่เป๋าเหยียนไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
“หมูแดง ไก่ผัดสับปะรด เนื้อผัดซาฉา...”
ลู่เป๋าเหยียนจัดการสั่งอาหารทีู่เี่อันเพิ่งสั่งไปเมื่อครู่จนครบ
ูเี่อันอึ้งไปสักพัก “เอ๋ นายก็ชอบกินอาหารพวกนี้เหมือนกันเหรอ” ใบหน้างดงามของเธอเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์
เสิ่นเยว่ชวนถึงกับกลอกตา ขนาดหวังคุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังดูออกเลยว่าลู่เป๋าเหยียนตั้งใจสั่งมาให้เธอ
ลู่เป๋าเหยียนไม่เข้าใจ ว่าทำไมปีศาจน้อยของเขาถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้ เลยได้แต่ตอบไปว่า
“อืม”
ูเี่อันตาโต “แล้วนายชอบกินปลาเมล็ดสนด้วยหรือเปล่า อันนั้นก็อร่อยนะ บลาๆๆ...”
ลู่เป๋าเหยียนจึงสั่งปลาเมล็ดสนให้เธอเพิ่ม แล้วหันกลับมามองคนที่นั่งยิ้มอย่างพอใจอยู่ข้างเขา
เขาขมวดคิ้วพลางคิด พอใจกับแค่เื่ง่ายๆ พวกนี้ แบบนี้ไม่ว่าใครก็คงทำให้เธอพอใจได้น่ะสิ?
ท่าทางเขาจะต้องปลูกฝังรสนิยมใหม่ให้กับคุณนายลู่บ้างแล้ว
“คุณนายลู่ครับ เมื่อหลายปีก่อนผมเคยเจอคุณแม่ของคุณด้วยครับ” หวังคุนพูด “ผมว่าคุณสวยกว่าคุณแม่เสียอีกนะครับเนี่ย”
สายตาของหวังคุนดูจริงใจ ูเี่อันยิ้มเขิน “ขอบคุณค่ะ”
“ผอ.ลู่ พวกคุณดูเหมาะสมกันมากเลยครับ” หวังคุนยิ้มพลางพูด “ผมเริ่มเข้าใจคำว่าเหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยกก็วันนี้แหละครับ” น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูแสร้งชมแต่อย่างใด เขาพูดออกมาอย่างที่ใจเขาคิด
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มบาง เขาเพิ่งรู้ว่าบางคำพูดต่อให้เป็คำประจบเขาก็ยินดีที่จะฟัง
เมื่อหันกลับไปมองคนข้างกาย ตอนนี้ใบหน้างดงามของเธอแดงไปหมดแล้ว เขาจึงโอบเธอเข้ามา
“รออีกหน่อย เดี๋ยวอาหารก็มาแล้ว”
ทุกครั้งทีู่เี่อันเข้าใกล้เขา เธอมักจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของเขา และตอนนี้หัวใจเธอจะเต้นเร็วเกินไปแล้ว แต่เพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอจึงทำได้แค่รักษาท่าทีสงบนิ่งไว้
โชคดีที่ไม่นานอาหารก็ค่อยๆ ทยอยมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคยลอยมาเตะจมูกเธอ ดวงตาเธอส่องประกาย ในตอนนี้เธอลืมความเขินอายเป็จนหมด จิตใจจดจ่ออยู่เพียงที่อาหารตรงหน้าเท่านั้น
ลู่เป๋าเหยียนหยิบตะเกียบยื่นส่งให้เธอ
“กินสิ”
ูเี่อันส่งยิ้มให้เขาแล้วจึงรับตะเกียบมาเริ่มลงมือกินอาหารตรงหน้า โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าวันนี้ลู่เป๋าเหยียนดูจะบริการเธอดีเป็พิเศษ
คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเสิ่นเยว่ชวนและหวังคุนถึงกับอ้าปากค้าง โดยเฉพาะหวังคุน ลู่เป๋าเหยียนที่เขารู้จักเป็คนเ็าไร้ความรู้สึก ภายใต้สูทราคาแพงคือชายที่เมื่ออยู่ในเวทีธุรกิจ เขาพร้อมที่จะกำจัดคู่แข่งอย่างเืเย็น คนอย่างลู่เป๋าเหยียนไม่เคยไว้หน้าหรือแคร์ความรู้สึกใคร แม้กระทั่งกับผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน ความอ่อนโยนในตัวเขาเหมือนถูกตั้งค่าให้ลบทิ้งไปจนหมดสิ้น
แต่ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ลู่เป๋าเหยียนไม่ใช่ไม่มีมุมอ่อนโยน เพียงแต่เขาเลือกที่จะมอบสิ่งนี้ให้กับูเี่อัน
เสิ่นเยว่ชวนลอบถอนหายใจ ลู่เป๋าเหยียนชักจะแสดงออกชัดเกินไปแล้ว ดีทีู่เี่อันความรู้สึกช้ากับเื่พวกนี้
ูเี่อันกินอาหารไปสักพักก็พบว่า อาหารถูกสั่งมาเยอะเกินไป แถมลู่เป๋าเหยียนกับคนอื่นก็มัวแต่คุยกันเื่งาน จนเหลือเพียงเธอคนเดียวที่กำลังกินอยู่
และเพื่อไม่ให้เป็การสิ้นเปลือง เธอจึงตัดสินใจกินต่อไปเรื่อยๆ
หางตาของลู่เป๋าเหยียนมองูเี่อันอยู่ตลอด เขาเห็นเธอกินไม่ยอมหยุด จึงถามขึ้นว่า
“หิวมาก?”
ูเี่อันส่ายหน้า
“ฉันอิ่มแล้วล่ะ แต่สั่งมาเยอะขนาดนี้ จะทิ้งก็เสียดายของ”
ลู่เป๋าเหยียนเคยคิดเื่นี้เสียที่ไหน เขาพูดเสียงนุ่ม
“ถ้ากินไม่ไหวก็พอเถอะ เหลือก็ไม่เป็ไร”
ใจของูเี่อันตอนนี้พะวงอยู่แต่เื่อาหารตรงหน้า จึงไม่ได้สังเกตเห็นความอ่อนโยนอันหายากของลู่เป๋าเหยียนที่มีให้เธอ
“แต่ว่ามันเหลือเยอะมากเลยนะ...”
“ไม่เป็ไรหรอกครับ” หวังคุนรีบพูดขึ้นมา “คุณนายลู่ ที่จริงพวกผมหิวมากๆ เดี๋ยวที่เหลือพวกผมจัดการเองครับ”
ด้านผู้ช่วยของเขาจึงรีบเสริม “ใช่ครับๆ ไม่เสียของแน่นอน คุณนายลู่วางใจได้เลยครับ”
เื่ธุรกิจก็คุยกันเกือบจะเสร็จดีแล้ว เหลือเพียงลู่เป๋าเหยียนพยักหน้าตกลงเซ็นสัญญาเท่านั้น หวังคุนกับผู้ช่วยก้มหน้าก้มตากินอย่างแข็งขัน ใครๆ ก็ดูออกว่าลู่เป๋าเหยียนให้ความสำคัญกับคุณนายลู่มากแค่ไหน ไม่แน่ถ้าทำให้เธออารมณ์ดี สัญญานี้คงได้เซ็นในไม่ช้า
เสิ่นเยว่ชวนเห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้วถึงกับส่ายหน้า ลู่เป๋าเหยียนไม่ไหวเลยจริงๆ
ไม่กี่วินาทีต่อมา สายตาของลู่เป๋าเหยียนก็มาหยุดอยู่ที่เสิ่นเยว่ชวน เสิ่นเยว่ชวนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แต่สายตาลู่เป๋าเหยียนกลับเ็าขึ้นไป เสิ่นเยว่ชวนตัวสั่น เขารีบหยิบตะเกียบขึ้นมาลงมือจัดการอาหารตรงหน้าอย่าเคืองๆ
ูเี่อันเห็นหวังคุนกับผู้ช่วยกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เสิ่นเยว่ชวนเองก็ดูจะหิวมาก เธอจึงหมดห่วงแล้วกระซิบบอกลู่เป๋าเหยียนว่า
“ฉันอยากลงไปข้างล่าง”
อีกเดี๋ยวเขากับหวังคุนยังต้องคุยรายละเอียดสัญญากันอีก ูเี่อันอยู่ที่นี่ต่อก็คงไม่ดี เขาจึงพยักหน้า
“เธอขับรถมาหรือเปล่า”
“เปล่า ฉันนั่งรถเจียงเส้าข่ายมา” ูเี่อันนึกว่าลู่เป๋าเหยียนเป็ห่วงว่าเธอจะกลับอย่างไร เลยพูดขึ้นอีกว่า “ให้เขาพาฉันไปส่งก็ได้”
ลู่เป๋าเหยียน ‘ยิ้มบาง’ แล้วพูดว่า
“ฉันก็อยู่ ทำไมต้องไปรบกวนคนอื่น รอฉันก่อน เดี๋ยวฉันไปส่งเธอ”
“งั้นก็ได้”
หลังจากออกมาจากห้องส่วนตัว เธอถึงรู้สึกตัวว่า ลู่เป๋าเหยียนในวันนี้ท่าทางดูผิดแปลกไปจากเมื่อวาน...
เหมือนวันนี้เขาดูจะ...คุยง่าย จนเธอโดยเขาจูงจมูกไปโดยไม่รู้ตัว
สารวัตรเห็นูเี่อันเดินลงมาจึงถามเธอว่า
“เจี่ยนอัน กินข้าวหรือยัง”
“กินอิ่มแล้วค่ะ” ูเี่อันตอบกลับอย่างเหม่อลอย
“อิ่มแล้ว?” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนร่วมงานพูดพลางยิ้ม “เพราะผอ.ลู่ป้อนจนอิ่มหรือเปล่าเอ่ย”
ผ่านไปหายวินาทีูเี่อันถึงรู้สึกตัว เธอหันกลับไปถลึงตาใส่เพื่อนคนนั้นอย่างอายๆ แล้วคีบไก่กรอบใส่เข้าปากเธอ
“กินข้าวของเธอต่อไปเถอะ”
ระหว่างนั้นูเี่อันได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ และขณะที่กำลังล้างมืออยู่ด้านหน้าก็เจอเจียงเส้าข่ายพอดี
“เธอกับเขาไปกันได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะ” เจียงเส้าข่ายพูด
ูเี่อันมองผ่านกระจกไปทางเจียงเส้าข่ายอย่างอึ้งๆ สักพักจึงพูดขึ้นมาว่า
“บางครั้งก็เป็แค่การแสดงละครเท่านั้น เพื่อที่จะให้พ่อฉันเชื่อจริงๆ”
ลู่เป๋าเหยียนแค่เล่นละคร? เขาว่าไม่น่าใช่ เจียงเส้าข่ายคิด
ตอนที่ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ สายตาท่าทางและคำพูดแสดงความเป็เ้าของอย่างชัดเจน เขาสามารถรับรู้ได้ เขามั่นใจว่าวินาทีนั้นหากใครเผลอไปแตะูเี่อันเข้า คงได้เสียมือไปแน่ๆ
“เจี่ยนอัน เธอมั่นใจ...ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ?”
“เขากับหานรั่วซีต่างหากที่ควรคู่กัน!” ูเี่อันยิ้ม “ก่อนวันแต่งงาน ฉันได้ยินคำสัญญาที่เขาให้กับหานรั่วซีเต็มสองหู ว่าอีกสองปีเขาจะหย่ากับฉัน”
หรือว่า มันอาจจะมีสาเหตุอื่นก็ได้...เจียงเส้าข่ายคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป
หลังจากกินไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็ดูจะอิ่มได้ที่กันแล้ว แต่ละคนเอนตัวพิงเก้าอี้กินผลไม้กันอย่างสบายใจ ูเี่อันจึงเรียกพนักงานมาเช็กบิล แต่กลับได้รับแจ้งว่าลู่เป๋าเหยียนได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว
“ว้าว!” สารวัตรแย่งบัตรในมือของูเี่อันไป “บัตรเสริมของแบล็คการ์ดนี่! ไม่นึกเลยว่าชีวิตนี้ฉันจะมีโอกาสได้ััมัน”
ูเี่อันช็อกไปแล้ว บัตรใบนี้คือใบที่ลู่เป๋าเหยียนให้เธอมาเมื่อวาน เธอนึกว่าเป็บัตรเดบิตธรรมดาเสียอีก ที่ไหนได้ กลับเป็บัตรเครดิตที่รูดได้ไม่จำกัดจำนวน?
ลู่เป๋าเหยียนเ้าเล่ห์จริงๆ นี่ถ้าเธอเผลอรูดไปเป็สิบๆ ล้าน เธอก็กลายเป็หนี้เขาไม่รู้ตัวล่ะสิ?
เธอต้องให้เขาเปลี่ยนใบใหม่ให้เธอให้ได้!
ตอนนั้นเอง ลู่เป๋าเหยียนกับคนที่อิ่มจนแทบกลิ้งอย่างหวังคุนก็เดินลงมา หวังคุนได้เซ็นสัญญาดั่งใจหวัง เขาหันมาขอบคุณูเี่อันอีกครั้งก่อนขอตัวจากไป
เมื่อกีู้เี่อันเพิ่งกินผลไม้มา ที่ปากจึงมีคราบน้ำสลัดติดอยู่บ้าง เจียงเส้าข่ายกำลังคิดที่จะบอกเธอ แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับหยิบทิชชู่ขึ้นมาแล้วช่วยเช็ดคราบดังกล่าวออกไป เขาถามเสียงอ่อนโยน
“จะกลับแล้วใช่ไหม”
ูเี่อัน “อืม” ตอบกลับไปอย่างงงๆ
เมื่อกี้เป็เื่จริงหรือเธอคิดไปเอง? ลู่เป๋าเหยียนช่วยเธอ...เช็ดปาก?
ลู่เป๋าเหยียนจับมือูเี่อัน
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
เขาบอกลาทุกคนอย่างมีมารยาท แล้วจูงมือูเี่อันออกไป ทุกคนอึ้งกับภาพตรงหน้าเป็ครั้งที่สองของวัน
“หล่อเกินไปแล้ว! คุณชายเจียงคะ ต่อจากนี้คุณไม่ใช่เทพบุตรเพียงหนึ่งเดียวของฉันอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ!”
“บ้าผู้ชายจริงๆ” เจียงเส้าข่ายบ่นอย่างขำๆ แล้วจึงหันกลับไปมองภาพของสองคนที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป มือของลู่เป๋าเหยียนโอบอยู่ที่เอวของูเี่อันอย่างแ่เบาก็จริง แต่นั่นกลับแสดงความเป็เ้าของออกมาอย่างแรงกล้า แถมในสายตาของทุกคน พวกเขาช่างเป็คู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน
อีกสองปี พวกเขาจะหย่ากัน?
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็ไปได้