ผ่านไปสักพักูเี่อันจึงวางมือถือลง เธอเดินมึนๆ เข้าไปในครัว แล้วจึงเปิดตู้เย็นหยิบของที่้าออกมา เธอม้วนแขนเสื้อขึ้นเตรียมลงมือทำอาหาร
ลุงสวีบอกลู่เป๋าเหยียนว่าูเี่อันอยู่ในห้องครัว เขาจึงเดินตามเข้าไปอย่างสงสัย และได้เห็นูเี่อันกำลังเตรียมปลาลิ่นอยู่
“ป๊าบ” เธอจัดการทุบหัวปลาตัวนั้น แล้วจึงเริ่มขอดเกล็ดอย่างละเอียดลออ เธอกรีดด้านข้างท้องของปลาเพื่อเอาเครื่องในออกมา จากนั้นลงมีดอีกสองสามที หัว หาง ก้าง เนื้อ ก็ได้ถูกแยกส่วนออกมาอย่างสวยงาม ท่าทางเธอดูคล่องแคล่วยิ่งกว่าพ่อค้าขายปลาในตลาดเสียอีก จากนั้นต่อด้วยแล่เนื้อปลาเป็แผ่นบาง ส่วนหัว หาง และก้างปลาทั้งหมดก็ถูกนำไปแยกใส่ไว้ในชามเล็กๆ
ั้แ่ต้นจนจบเธอทำอย่างตั้งใจและแน่วแน่ ทุกท่วงท่าดูคล่องแคล่วและเด็ดขาดดั่งกำลังทำงานสำคัญอยู่ไม่มีผิด ท่าทางที่เธอจัดการปลาพวกนั้นดูน่าหลงใหลมากกว่าดูโหดร้าย
กว่าูเี่อันจะสังเกตเห็นลู่เป๋าเหยียนก็ตอนที่เธอจัดการปลาทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอหันกลับไปอย่างไม่คิดอะไรก็เจอเขายืนนิ่งอยู่ตรงประตูครัว สายตาเขาไม่ได้เ็าเหมือนดั่งทุกที
โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ทำไมบางคนแค่ยืนเฉยๆ ก็ดูดีมีชาติตระกูลได้ขนาดนี้นะ
ูเี่อันไม่อยากให้เขารู้สึกถึงหัวใจที่เริ่มเต้นแรงของตน จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“รอแป๊บนะ รับรองว่าลิ้นของนายจะได้รับการปรนนิบัติอย่างดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว เขานึกว่าเธอจะปรนนิบัติส่วนอื่นของเขาเสียอีก
“บอกไว้ก่อน ว่าถ้าฉันไม่พอใจ ครั้งนี้ไม่นับนะ” เขาพูด
“นายไม่มีทางพอใจหรอก” ูเี่อันยิ้ม “แต่นายจะ พอ ใจ มาก!”
นอกจากความรู้ในวิชาชีพของเธอ ก็มีเื่การทำอาหารเนี่ยแหละที่เธอมั่นใจที่สุด
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม ในใจแอบคาดหวังอย่างเต็มที่
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ูเี่อันก็เตรียมอาหารเย็นทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
ซุปปลาเสฉวน เห็ดหูหนูผัดเนื้อ ผัดกะหล่ำปลี และแกงจืดหอยเชลล์ถ้วยเล็กอีกสองถ้วย
ทั้งหมดนี้เป็อาหารทั่วไปที่ทำทานกันที่บ้าน ซุปปลาเสฉวนที่ส่งกลิ่นหอม เนื้อปลานุ่มที่ม้วนเป็เกลียวบ่งบอกว่าปลาสดแค่ไหน แค่มองก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มลื่นของเนื้อปลา ส่วนผักชีและพริกแห้งที่โรยอยู่้านั้นสีช่างตัดกันดีกับเนื้อปลาสีขาว ทำให้อาหารดูน่าอร่อย ส่วนกับข้าวอีกสองอย่าง รสชาติค่อนข้างอ่อนลงมา แต่เมื่อทานด้วยกันยิ่งทำให้เจริญอาหาร
“กินกันเถอะ” ูเี่อันม้วนแขนเสื้อลงมาพลางพูดอย่างมั่นใจ
ลู่เป๋าเหยียนลองชิมแกงจืดหอยเชลล์เป็อย่างแรก กลิ่นหอมและรสชาติกำลังดี อร่อยกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก
ูเี่อันนั่งกัดตะเกียบมองหน้าเขาอย่างรอคอย จนกระทั่งเขายิ้มและพูดว่า “แกงจืดไม่เลว”
ูเี่อันรู้ดีว่าลู่เป๋าเหยียนเป็คนค่อนข้างเลือกกิน ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกภูมิใจจนยิ้มออกมา และคีบเนื้อปลาให้เขาลองชิม
“พ่อครัวบอกว่านี่เป็ปลาที่เพิ่งถูกจับขึ้นมาวันนี้เลยนะ ทั้งสดทั้งรสััดี นายลองชิมดูสิ”
ที่จริงนอกจากลู่เป๋าเหยียนจะเป็คนเลือกกินแล้ว เขายังเป็คนรักความสะอาดมากอีกด้วย ปกติเขาจะไม่กินของที่คนอื่นคีบให้เลย
เนื้อปลาที่อยู่ในจานดูชุ่มฉ่ำน่ากิน แต่เมื่อเขานึกถึงภาพทีู่เี่อันกัดตะเกียบเมื่อกี้ ตะเกียบคู่งามัักับริมฝีปากบางอมชมพูของเธอ และเพราะเธอกัดมัน ตะเกียบจึงต้องัักับลิ้นของเธอด้วย เธอใช้ตะเกียบคู่นั่นคีบปลามาให้เขา ปกติเขาควรต้องรังเกียจมัน
แต่ไม่รู้ทำไม ส่วนลึกในใจเขาถึงได้ไม่รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย...
ูเี่อันเองก็นิ่งไป ไม่กี่วันมานี้เธอตักข้าวตักน้ำให้เขาเสียจนชิน เลยเผลอคีบอาหารให้เขาไป เขาคงไม่ชอบแน่ๆ
เธอคิดแล้วจึงรีบยื่นตะเกียบเพื่อจะคีบปลาชิ้นนั้นกลับมา ทว่า
กึก...
ตะเกียบของเธอถูกเขาคีบเอาไว้กลางคัน
“คีบให้คนอื่นแล้วยังคิดจะเอาคืน?” ลู่เป๋าเหยียนคีบปลาขึ้นมา แล้วส่งเข้าปากอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางสง่างาม
ูเี่อันมองเขาอย่างช็อกๆ “ละ ลู่เป๋าเหยียน นั่นมัน...ตะเกียบฉัน ไหนจะยัง...”
“น้ำลายเธอ?” ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมองอย่างไม่ถือสา “ฉันไม่รังเกียจ”
ไม่รู้ทำไม หัวใจที่เธอเพิ่งกลับมาเป็ปกติของเธอ กลับเริ่มเต้นรัวอีกครั้ง
ทำไมถึงไม่รังเกียจล่ะ มีแต่คนที่สนิทกันมากเท่านั้นถึงจะไม่รังเกียจนี่นา แต่ว่าพวกเรา...เป็แค่คู่สามีภรรยาหลอกๆ เท่านั้นนี่
แต่อย่างว่า อาจเป็เพราะเนื้อปลาที่เธอทำวันนี้อร่อยมากก็ได้นี่เนอะ
เมื่อได้คำตอบูเี่อันจึงไม่ติดใจอะไร เธอลงมือกินข้าวต่อไปอย่างอารมณ์ดี
คนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างลุงสวีเห็นภาพนั้นแล้วจึงยิ้มออกมา คนที่ขนาดคุณนายคีบอาหารให้ยังต้องฝืนกินอย่างลู่เป๋าเหยียน กลับยอมทานอาหารทีู่เี่อันคีบให้อย่างไม่อิดออด เื่นี้ต้องรีบแจ้งคุณนาย!
หลังกินข้าวเสร็จ ลู่เป๋าเหยียนก็รู้สึก “พอใจ” และ “ได้รับการปรนนิบัติ” ขึ้นมาซะอย่างนั้น
แถมเขายังพบว่า ความรู้สึกแบบนี้ไม่เลวเลยทีเดียว
ูเี่อันมองลู่เป๋าเหยียนอย่างคาดหวัง “เป็ไง การปรนนิบัติครั้งนี้ผ่านไหม?”
“ถ้าเธอยอมทำมื้อเย็นทุกวัน ก็ถือว่าผ่าน” ลู่เป๋าเหยียนนั่งพักอย่างสบายใจด้วยท่าทางวางอำนาจ
“แบบนั้นก็เท่ากับนายได้รับการปรนนิบัตินับครั้งไม่ถ้วนสิ” ูเี่อันส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่โอเค”
นิ่งไปสักพัก เธอจึงเสริมขึ้นมาว่า “นอกเสียจากนายจะจ่ายเงินเดือนฉัน”
ลู่เป๋าเหยียนมองเธออย่างแปลกใจ “เธอร้อนเงิน?”
“รายได้ต่อปีฉันแค่แสนเดียวเอง นายคิดว่าฉันรวยนักเหรอ”
สมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยเป็่ที่ซูอี้เฉิงลำบากที่สุด เธอจึงพยายามใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังเรียนจบเธอก็ยังคงติดนิสัยนี้ จนตอนนี้เธอก็ไม่เคยขอซูอี้เฉิงอีกเลย เงินเดือนไม่มากไม่น้อยของเธอเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้ก็จริง แต่่นี้เธอกำลังอยากได้เลนส์กล้องตัวใหม่ที่ราคาสูงกว่าเงินเดือนแปดเดือนของเธอเสียอีก ถ้าเป็แบบนี้เธอกลัวว่าเงินจะไม่พอ
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มพร้อมเสนอตัวเลขที่คนปกติไม่กล้าปฏิเสธ
“เดือนละสองหมื่น จะถูกจ่ายเข้าบัญชีเธอล่วงหน้า”
ูเี่อันไม่เคยใจเต้นแรงเพราะเขาขนาดนี้มาก่อน
“ดีล!”
ลู่เป๋าเหยียนยื่นบัตรใบหนึ่งใหู้เี่อัน ูเี่อันให้คำสัญญาด้วยท่าทางเป็ทางการ
“สองปีนี้ ฉันจะพยายามเต็มที่ จะทำอาหารเย็นทุกมื้อให้ดีที่สุดค่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนเพิ่งเคยเห็นูเี่อันเชื่อฟังขนาดนี้ เขายกมือลูบผมเธอ
“เด็กดีจริงๆ”
พูดจบเขาก็ลุกเดินขึ้นห้องไปพร้อมรอยยิ้มที่ดูพอใจ ูเี่อันมองตามแผ่นหลังเขาไป ทำไมเธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
ยังไงก็ช่าง ธุรกิจอาหารเย็นของเธอเจรจาสำเร็จ เธอมีเงินซื้อเลนส์กล้องแล้ว!
ถึงูเี่อันจะพยายามปิดเื่ที่เธอโดนตามล่าตัวเป็ความลับไม่ให้ถังอวี้หลันรู้ แต่เื่ที่ข้อมูลเธอรั่วไหลออกไปจนถูกดักล้อมก็เป็ข่าวจนได้ เื่นี้จึงไม่เป็ความลับอีกต่อไป เมื่อรู้ข่าวถังอวี้หลันใมาก จึงรีบโทรศัพท์มาที่บ้าน
ลุงสวีเป็คนรับสาย เขาจึงรีบพูดให้ถังอวี้หลันสบายใจ
“ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วครับ คุณชายตามไปได้ทันเวลา และพาคุณผู้หญิงกลับมาได้อย่างปลอดภัย ผมกำลังจะโทรหาคุณนายอยู่พอดีเลยครับ”
“มีอะไรหรือเปล่า” ถังอวี้หลันถาม
“วันนี้คุณผู้หญิงลงมือทำอาหารให้คุณชายทานครับ!” ลุงสวีละเื่ที่สองคนนั้นเจรจากันหลังมื้ออาหารไว้และแจ้งแต่ข่าวดี “แถมคุณชายยังทานอาหารที่คุณผู้หญิงคีบให้อีกด้วยครับ ผมว่านับวันทั้งสองคนจะยิ่งไปกันได้ดีนะครับ”
ได้ยินดังนั้นถังอวี้หลันดีใจมาก ขนาดวางสายไปแล้วก็ยังหยุดยิ้มไม่ได้ เธอเดินผ่านห้องนอนสมัยเด็กของลูกชาย แล้วเปิดประตูเข้าไป
ไม่มีใครเข้าใจลูกไปมากกว่าแม่ผู้ให้กำเนิด เมื่อวันเสาร์ที่ลู่เป๋าเหยียนนั่งมองรูปถ่าย ตอนแรกเธอคิดว่าเป็รูปพ่อของเขา แต่ตอนหลังลูกชายเธอดันพลิกรูปภาพวางกลับลงไปเหมือนไม่อยากให้เธอเห็น
เธอไม่ควรก้าวก่ายเื่ส่วนตัวของลูกชายก็จริง แต่ตอนนี้เธอห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
เธอเปิดกล่องหยิบรูปนั้นพลิกขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง แล้วจึงยิ้มออกมา
รูปพ่อที่ไหนกัน ที่อยู่ในรูปนั้นเป็เด็กสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งต่างหาก
สิ่งที่เธอสงสัยมานาน วันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว
คืนนี้คงเป็คืนที่ถังอวี้หลันนอนหลับได้อย่างสบายใจที่สุด
วันต่อมา
ูเี่อันรู้ดีว่าเื่ทั้งหมดคงปิดบังไว้ไม่ได้อีกแล้ว ก่อนไปสถานีตำรวจเธอจึงเตรียมตัวเตรียมใจเป็อย่างดี แล้วก็ตามคาด เธอถูกพวกเพื่อนร่วมงานล้อมทันทีที่เดินเข้าออฟฟิศ
“เจี่ยนอัน เธอเห็นพวกเราเป็อะไร ถ้าเมื่อวานไม่มีคนออกมาแฉ เธอคิดจะปิดบังพวกเราไปจนถึงเมื่อไรกัน” เพื่อนร่วมงานเธอบ่นจบก็ถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า
“ว่าแต่ว่า มีสามีทั้งหล่อทั้งรวยมหาศาลขนาดนี้ รู้สึกยังไงบ้าง?”
เธอรู้จักพวกเพื่อนเธอดี
“เที่ยงนี้ไปที่จุยเยว่จวี้ ฉันเลี้ยงเอง”
จุยเยว่จวี้เป็ร้านอาหารอายุร้อยกว่าปีของเมือง A ถ้าอยากกินอาหารพื้นเมืองต้นตำรับต้องไปที่ร้านนี้ เธอพูดจบทุกคนจึงเฮขึ้นมา คำถามทุกอย่างได้จบลงไปในทันทีตามคาด
จนกระทั่งสารวัตรเหยียนลุกขึ้นมาประกาศด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เจี่ยนอัน พวกเราปรึกษากันแล้ว ต่อจากนี้ไป พวกเราทุกคนที่นี่จะเลิกเป็แฟนคลับหานรั่วซี!”
ูเี่อันถึงกับนิ่งไป สารวัตรเหยียนพูดต่อ “เธอไม่ต้องคิดมาก พวกเราคิดตรงกันคือ เป็แฟนคลับหานรั่วซีต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ สู้เปลี่ยนมาอยู่ข้างเธอไม่ได้ อย่างน้อยพวกเราก็ได้กินของอร่อยที่จุยเยว่จวี้ พวกเราไม่ใช่คนโง่ เราจะสนับสนุนเธอตลอดไป!”
ูเี่อันเข้าใจดีว่า สารวัตรแค่อยากให้เธอรู้สึกไม่อึดอัด เพราะพวกเขาเองก็เป็แฟนคลับหานรั่วซี ส่วนเธอกับหานรั่วซีกลับเป็ศัตรูกัน
ลั่วเสียวซีเคยถามเธอว่า ทำไมเธอถึงไม่ไปทำงานเป็ศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลให้เป็เื่เป็ราว แต่กลับเลือกที่จะอยู่กับศพทุกวันแบบนี้ ตอนนี้เธอได้คำตอบแล้ว นั่นก็เพราะเธอชอบทีมที่น่ารักของเธอที่นี่
“ใช่แล้วเจี่ยนอัน ให้ฉันช่วยสืบไหมว่าใครเป็คนเผยแพร่ข้อมูลของเธอ” สารวัตรเหยียนถาม
ูเี่อันส่ายหน้า “ไม่ต้องสืบหรอกค่ะ”
เธอรู้ดีว่าคนคนนั้นคือใคร
ส่วนเื่จะจัดการกับเธอคนนั้นอย่างไร ยังมีเวลาอีกมาก คนเราจะเจ็บที่สุดก็ตอนถูกมีดแทงโดยไม่ทันตั้งตัว เพราะฉะนั้นเธอไม่รีบ
เนื่องจากอำนาจของถังอวี้หลันและซูอี้เฉิง หัวหน้าแก๊งเด็กสาวที่มาหาเืู่เี่อัน สุดท้ายแล้วพ่อของเธอก็ช่วยพาเธอออกไปไม่ได้ พ่อแม่ของเด็กสาวจึงต้องมาขอร้องเธอ แตู่เี่อันปฏิเสธไป
ที่เด็กสาวมีนิสัยแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะมีพ่อแม่คอยตามใจ ครั้งนี้ถือว่าเป็บทเรียนให้แก่เด็กคนนั้นไปแล้วกัน
ตอนบ่าย ูเี่อันกับเพื่อนร่วมทีมก็ได้เดินทางไปจุยเยว่จวี้
วันนี้เสิ่นเยว่ชวนกับลู่เป๋าเหยียนมีนัดคุยธุรกิจที่นั่นพอดี ขณะที่เขากำลังเดินผ่านโต๊ะส่วนรวมของร้าน ภาพของคนที่ดูคุ้นตาก็เข้ามาในสายตาของลู่เป๋าเหยียน
เธอกับเพื่อนร่วมงานนั่งอยู่ที่โต๊ะ ด้านหลังของเธอคือบรรดาดอกสาลี่สีขาวที่เบ่งบานอย่างสวยงาม แสงแดดของฤดูใบไม้ผลิที่สะท้อนลงบนดอกสาลี่ทำให้ผิวเธอดูขาวราวหิมะ บวกกับรอยยิ้มสดใสราวดอกไม้ของเธอแล้ว ทำให้ไม่ว่าเขาจะเจอเื่หงุดหงิดใจอะไรมา เพียงแค่ได้เห็นภาพนี้ก็เหมือนได้รับการปลอบประโลม เพียงแต่ว่า...
มากันตั้งเยอะแยะ ทำไมเธอต้องนั่งข้างเจียงเส้าข่าย?
ทางด้านคู่ค้าของลู่เป๋าเหยียนเห็นเขาหยุดเดิน จึงถามขึ้นอย่างสงสัย
“ผอ.ลู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่อยากนั่งห้องส่วนตัว พวกเราย้ายมานั่งด้านนอกก็ได้นะครับ ดอกสาลี่ที่สวนกำลังบานพอดี”
“ไม่เป็ไร เชิญพวกคุณขึ้นไปก่อนเถอะครับ”
พูดจบลู่เป๋าเหยียนก็เดินตรงไป เสิ่นเยว่ชวนจึงพาคนอื่นไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง
ูเี่อันเคยมาที่นี่กับซูอี้เฉิงหลายครั้งแล้ว เธอติดใจในอาหารหลายอย่างของที่นี่มาก และตอนนี้เธอกำลังหลับตาสั่งอาหารอยู่
“เอาหมูแดง ไก่ผัดสับปะรด เนื้อผัดซาฉา...”
ไม่นานลู่เป๋าเหยียนก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังูเี่อัน และเนื่องจากออร่าของเขา ทำให้ทุกคนสังเกตเห็นได้ในทันที มีแตู่เี่อันที่กำลังสั่งอาหารอยู่เท่านั้นที่ไม่รู้ตัว บรรดาเพื่อนร่วมงานจึงต้องร้องเรียก
“เจี่ยนอัน!”
“ไก่กรอบ ขาหมู...”
“เจี่ยนอัน!”
“กุ้งชุบแป้งทอด...”
ลู่เป๋าเหยียนเห็นดังนั้นจึงแตะไหลู่เี่อัน
“เธอควรให้คนอื่นสั่งบ้าง”
ูเี่อันลืมตาขึ้นมา แปลกจัง ทำไมเธอถึงได้ยินเสียงลู่เป๋าเหยียนละเนี่ย แล้วทำไมพวกเพื่อนๆ ถึงมองเธอแปลกๆ?