เมื่อลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูรถ ูเี่อันก็เข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย เธอหยิบแบล็กการ์ดออกมาส่งคืนให้ลู่เป๋าเหยียนทันทีที่เขาขึ้นรถมา
“ฉันคืนนาย”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว “บัตรใช้ไม่ได้?”
“นายน่าจะให้ฉันผิดใบแล้วล่ะ” ูเี่อันอธิบายอย่างตั้งใจ “เงินเดือนรวมสองปีของฉันเท่ากับสี่แสนแปดหมื่น แต่บัตรที่นายให้มาจะให้ฉันรูดจนครบจำนวนแล้วค่อยคืนนายเหรอ ฉันคงมานั่งนับทุกครั้งที่ใช้บัตรไม่ไหวหรอก”
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก “เธอ้าแค่เงินเดือนสองปี?”
เมื่อวานเหมือนูเี่อันจะพูดว่า ใน่ระยะเวลาสองปีนี้เธอจะตั้งใจทำงานเต็มที่
ทำไมถึงแค่สองปี?
“ก็นายเป็คนพูดเองว่าจะหย่ากับฉันในอีกสองปีข้างหน้า” ูเี่อันพูด “หลังหย่ากันจะให้ฉันมาทำกับข้าวให้นายก็คงไม่ดีมั้ง เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดีเอา”
ลู่เป๋าเหยียนคลายคิ้วที่ขมวดออก เขาไม่รับบัตรที่เธอส่งคืน แต่กลับเหยียบคันเร่งจนมิด รถชั้นหนึ่งอย่าง ONE 77 พุ่งทะยานออกไปทันที ทำให้เธอหลังกระแทกเบาะอย่างแรงจนเจ็บไปหมด เธอมองหน้าเขาอย่างโกรธๆ แต่กลับพบว่าตอนนี้สีหน้าเขาดูขุ่นมัวเสียยิ่งกว่าท้องฟ้ายามฝนตกซะอีก
ก่อนที่พวกเธอจะไปจดทะเบียน วันนั้นที่โรงแรมเธอเคยเห็นเขาเวลาเ็าสุดๆ มาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนี้
ใช่แล้ว ตอนนี้เขาดูน่ากลัว ทั้งสายตาเย็นเยียบ และรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา ทำให้เขาดูเหมือนเสือที่กำลังโกรธจนถึงขีดสุด
เธอกลัวเสียจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
หลังเสียงเหยียบเบรกแหลมแสบหูดังขึ้น ONE 77 ก็ได้จอดลงตรงหน้าสถานีตำรวจ ลู่เป๋าเหยียนพูดเสียงเย็น
“ถึงแล้ว”
ูเี่อันพยายามยิ้มออกมา “ขอบคุณนะ”
ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไม่แม้แต่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ เธอชักจะโมโหขึ้นมาแล้ว จึงเปิดประตูรีบลงจากรถไป
เธอไม่ได้ขอร้องให้เขามาส่งสักหน่อย เธอจะติดรถกลับมาพร้อมเจียงเส้าข่ายเองก็ยังได้ ตาบ้านี่!
ONE 77 เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ูเี่อันย้อนนึกถึงความอ่อนโยนของเขาที่จุยเยว่จวี้เมื่อครู่ มันคงเป็แค่การเล่นละครตบตาอย่างที่เธอคิด เพราะตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ เขาเลยกลับมาทำตัวเป็ศัตรูกับเธอเหมือนเคยสินะ
ใจชายยากแท้หยั่งถึง!
แต่เพราะูเี่อันชินชากับอารมณ์แปรปรวนของลู่เป๋าเหยียนแล้ว ไม่นานหลังเริ่มงาน่บ่ายเธอจึงลืมเื่นี้ไปเสียสนิท
เลิกงาน ูเี่อันก็รีบกลับบ้านทันที
จะกินเงินเดือนฟรีๆ ไม่ได้ เธอต้องรีบเตรียมข้าวเย็นให้เสร็จก่อนที่ลู่เป๋าเหยียนกลับมา
เมื่อคิดถึงอาหารที่ค่อนข้างมันของจุยเยว่จวี้ ูเี่อันเลยทำอาหารรสไม่จัดนักเป็มื้อเย็น แต่นี่ก็สองทุ่มกว่าแล้ว ลู่เป๋าเหยียนยังคงไม่กลับมา
ลุงสวีเป็เดือดเป็ร้อนเสียยิ่งกว่าูเี่อัน
“คุณผู้หญิง ถ้ายังไง...ลองโทรหาคุณชายดูไหมครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
ูเี่อันหยิบมือถือขึ้นมา แล้วนึกขึ้นได้ว่าตนไม่มีเบอร์ของเขา
พูดออกไปคงน่าอายพิลึก เธอเป็ภรรยาแต่กลับไม่รู้เบอร์มือถือของสามีตัวเอง
ลุงสวีรีบหยิบมือถือเธอขึ้นมากดเบอร์ลู่เป๋าเหยียนแล้วโทรออกไป แต่กลับได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาว่า “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...”
“คุณชายน่าจะติดธุระด่วนน่ะครับ” ลุงสวีพูด “ผมว่าคุณผู้หญิงทานก่อนดีไหมครับ”
สำหรับูเี่อันเื่กินคือเื่ใหญ่ ในชีวิตเธอการกินกับการนอนคือสิ่งสำคัญที่สุด แต่อาจเป็เพราะมื้อเที่ยงเธอกินเยอะไปหรือเปล่า ไม่รู้ทำไมค่ำนี้เธอถึงไม่ค่อยอยากอาหาร เธอกินข้าวไปได้สองสามคำก็วางตะเกียบลง
“ลุงสวี ถ้าลู่เป๋าเหยียนกลับมาแล้ว รบกวนอุ่นอาหารให้เขาทีนะคะ หนูขอตัวกลับห้องก่อน”
ลุงสวีมองตามหลังูเี่อันไปพลางถอนหายใจ
“ท่าทางคงมีเื่อะไรกันแน่ๆ เลยสองคนนี้ เป็อะไรไปนะ”
หลังกลับห้องมาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เธอก็คุยกับลั่วเสี่ยวซีไปอ่านหนังสือไป เสียงเพลงคลอเบาๆ ที่ดังออกมาจากเครื่องเล่นชั้นหนึ่ง ทำให้เธอรู้สึกว่าการที่ลู่เป๋าเหยียนยังไม่กลับบ้านเธอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ทว่าูเี่อันไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตนแง้มประตูทิ้งไว้เล็กน้อยนั้น ก็เพื่อหากชั้นล่างมีใครกลับมาเธอจะได้ยินทันที
จนกระทั่งเที่ยงคืน ก็ยังไม่มีท่าทีที่ลู่เป๋าเหยียนจะกลับมา สมองของูเี่อันคิดถึงทุกความเป็ไปได้ เขาอาจจะงานยุ่ง จะเกิดเื่อะไรหรือเปล่านะ หรือว่า...เขากำลังอยู่กับหานรั่วซี
ความเป็ไปได้อย่างสุดท้ายทำให้เธอเกิดรู้สึกแปลกๆ เธอไม่กล้าคิดต่อ จึงรีบหลับตาพยายามกล่อมตัวเองให้หลับไป
วันรุ่งขึ้น ูเี่อันตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก เธอล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วจึงเดินสะลึมสะลือลงข้างล่างไป
ลู่เป๋าเหยียนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
เธอขยี้ตาพลางคิด เขากลับมาตอนไหน?
ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ลู่เป๋าเหยียนก็หันมามองเธอ เธอจึงยิ้มทักทาย
“อรุณสวัสดิ์”
ลู่เป๋าเหยียนเหมือนลังเลไปสักพัก แต่ก็พูดออกมาว่า
“เมื่อวานมีงาน ฉันเลยนอนที่บริษัท”
“เอ๋?” ูเี่อันตาโตอย่างประหลาดใจ “เมื่อวานนายไม่ได้กลับบ้านเหรอ”
ที่จริงลู่เป๋าเหยียนยุ่งถึงขนาดไม่ว่างที่จะกลับบ้านเช้านี้ด้วยซ้ำ แต่เขายังคงหาเวลาปลีกตัวออกมาสองชั่วโมง เพื่อที่จะได้กลับบ้านมาอธิบายถึงสาเหตุที่ไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน
แต่ปฏิกิริยาของเธอนี่มันอะไรกัน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีตัวเองไม่กลับบ้าน
ูเี่อันเห็นลู่เป๋าเหยียนทำสีหน้าแปลกๆ เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วยื่นบัตรเ้าปัญหาส่งคืนให้เขา
“เอ่อ เมื่อวานนายลืมหยิบไปน่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตามอง ูเี่อันกลัวว่าเขาจะโกรธจึงรีบพูดขึ้นมา
“ฉันใช้บัตรใบนี้ไม่ได้หรอก” นอกจากซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเลนส์กล้อง น้อยครั้งที่เธอจะใช้เงินก้อนใหญ่
“เธอเลือกเอาว่าจะเก็บบัตรไว้ หรือจะใช้แรงงานฟรีๆ” พูดจบเขาก็เดินจากไป
“คุณชายครับ” ลุงสวีะโเรียกจากด้านหลัง “คุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยนะครับ”
“...” ลู่เป๋าเหยียนไม่แม้แต่หันกลับมามอง ลุงสวีมองูเี่อันแล้วถอนหายใจ
ูเี่อันเองก็ถอนหายใจ “ท่าทางเมื่อคืนลู่เป๋าเหยียนคงเหนื่อยมากถึงอารมณ์ไม่ค่อยดี”
“คุณผู้หญิงครับ คุณชายอารมณ์ไม่ดีหลังกลับมาต่างหากล่ะครับ” ลุงสวีช่วยอธิบาย
ูเี่อันนิ่งไป “เขาไม่ชอบกลับมาบ้านขนาดนี้เลยเหรอ? ลำบากแย่เลย”
ลุงสวีถอนหายใจยาวอีกครั้ง คุณชายที่น่าสงสารของผม...
่หลายวันหลังจากนั้น ลู่เป๋าเหยียนงานยุ่งมาก น้อยครั้งที่เขาจะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน ส่วนตอนเช้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
่แรกๆ ูเี่อันต้องปรามตัวเองไม่ให้ดีใจจนเกินไป เพราะถ้าลู่เป๋าเหยียนไม่กลับบ้านเธอก็ไม่ต้องปรนนิบัติเขา แถมยังได้เงินเดือนตามเดิมอีก สำหรับเธอไม่มีเื่ไหนดีเลิศไปกว่านี้อีกแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ นานๆ ทีที่ลู่เป๋าเหยียนกลับมาบ้าน ูเี่อันก็มักจะยิ้มให้เขาตลอด เหมือนกับเื่เมื่อตอนบ่ายวันนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ส่วนด้านลู่เป๋าเหยียนเวลาเจอเขาทีไรก็ดูเพลียๆ ทุกที กลับบ้านปุ๊บก็เข้าไปนอนเลย วันรุ่งขึ้นเธอยังไม่ทันตื่น เขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว
หลายครั้งทีู่เี่อันเลิกงานกลับมาบ้าน เมื่อเธอมองไปยังห้องรับแขกที่ว่างเปล่า ก็รู้สึกไม่ชินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ครั้งที่นานที่สุด ลู่เป๋าเหยียนไม่กลับบ้านติดกันถึงสี่วัน ลุงสวีเองก็ไม่ได้พูดถึงเขา ส่วนเธอก็กลัวเสียหน้า จึงไม่ได้ถามออกไป
เธอเริ่มคิดถึงเขาขึ้นมา...
คิดถึงรอยยิ้มที่นานๆ ทีจะได้เห็น
คิดถึงเสียงของเขา
คิดถึงมือหยาบกร้านที่แสนอบอุ่น
คิดถึงว่าเขายุ่งจริงหรือเปล่า หรือว่า...แค่ไม่อยากกลับบ้าน
เธอนั่งกอดนิยายสืบสวนอยู่ข้างเตียง สมองคิดแต่เื่ราวใน่กว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอได้เจอหน้าลู่เป๋าเหยียนแค่สี่ครั้ง
และวันนี้ ลู่เป๋าเหยียนได้ทำลายสถิติใหม่ เขาไม่กลับบ้านติดกันมาห้าวันแล้ว
เธอเองไม่ได้เจอเขามาห้าวันแล้วสินะ
แล้วทำไมเธอถึงจำระยะเวลาได้แม่นขนาดนี้ บางทีเก่งเลขเกินไปก็ไม่ใช่เื่ดีแฮะ...
“คุณผู้หญิงครับ!” ลุงสวีเคาะประตูห้องพลางเรียกเธอเสียงหลง “คุณผู้หญิง!”
ูเี่อันรีบวิ่งไปเปิดประตู “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณชายเข้าโรงพยาบาลครับ”
ูเี่อันกำลังนั่งรถไปโรงพยาบาล มือเธอสั่นเล็กน้อย
ลุงสวีบอกว่า เสิ่นเยว่ชวนโทรมาบอกเื่ลู่เป๋าเหยียนเข้าโรงพยาบาลแล้วก็รีบวางสายไปทันที เธอไม่กล้าคิดเลยว่าตอนนี้สถานการณ์เป็อย่างไร
เธอรู้แต่เพียงตอนที่ได้ยิน หัวใจเธอเหมือนถูกอะไรมาบีบรัด เธอกลัวไปหมด
คนที่ดูเก่งไปหมดทุกด้านอย่างลู่เป๋าเหยียน ูเี่อันไม่เคยนึกเลยว่าเขาจะเข้าโรงพยาบาล
และเธอก็ไม่เคยนึกเลยว่า เธอจะกลัวขนาดนี้ยามที่รู้ข่าวของเขา
เมื่อถึงโรงพยาบาล ูเี่อันรีบวิ่งไปที่แผนกอายุรกรรมทันที ใช้เวลาสักพักกว่าเธอหาห้องที่ลู่เป๋าเหยียนนอนพักอยู่เจอ เมื่อเธอผลักประตูเข้าไปและเห็นเขานอนอยู่บนเตียง เธอถึงกับหยุดชะงัก
แค่ห้าวันเอง ทำไมเขาถึงผอมลงไปขนาดนี้ ใบหน้าขาวซีดและหนวดเคราที่เริ่มขึ้นชัดเจน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขาดูหล่อน้อยลงเลย แต่กลับทำให้คนมองรู้ทันทีว่าเขากำลังไม่สบาย
เขาป่วยจริงๆ ด้วย
ูเี่อันรู้สึกขอบตาร้อนขึ้นมา เธอเดินเข้าไปหาเขาเหมือนเพิ่งตื่นออกจากฝัน
“ลู่เป๋าเหยียน นายตื่นสิ...”
เธออยากให้เขาลืมตาขึ้นมา ยิ้มมองเธอ เขกหน้าผากเธอ บ่นว่าเธอโง่เหมือนทุกที...
“ลู่เป๋าเหยียน นายลืมตาขึ้นมามองฉันหน่อย...”
พูดจบน้ำตาเธอก็ไหลออกมา หยดน้ำตาร่วงหล่นลงไปัับนหลังมือของลู่เป๋าเหยียน
ถ้านี่เป็ละครหลังข่าว พระเอกคงถูกหยดน้ำตาของนางเอกปลุกให้ฟื้นขึ้นมา เขาจะค่อยๆ ลืมตาและยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้นางเอกอย่างอ่อนโยน
แตู่เี่อันกลับได้ยินลู่เป๋าเหยียนพูดแค่ว่า
“เธอน่ามองตรงไหนกัน”
เสียงของเขาดูอ่อนแรง มีเพียงแค่คำพูดหยอกเย้าของเขาที่ไม่เปลี่ยนแปลง
“นายตื่นแล้วเหรอ” ูเี่อันลืมโกรธไปเสียสนิท เธอเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวฉันไปตามหมอ!”
ลู่เป๋าเหยียนจับมือเธอแล้วดึงกลับมา
“เรียกหมอมาทำไม ฉันไม่ได้ป่วยสักหน่อย”
สายตาเขาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธอ
่ครึ่งเดือนที่ผ่านมาอย่าว่าแต่มองหน้าเธอเลย เขายุ่งเสียจนเวลาจะกินน้ำสักอึกยังไม่มี ตอนนี้ขอบตาเธอดูแดงๆ สายตาที่มองมาทางเขาดูจริงจัง
“การป่วยไม่ใช่เื่น่าอายหรอกนะ” ูเี่อันพูดปลอบลู่เป๋าเหยียน “ต่อให้นายยอมรับว่าตัวเองป่วย ฉันก็ไม่หัวเราะนายหรอก”
ลู่เป๋าเหยียน “...”
ตอนนั้นเอง คนที่เพิ่งไปจัดการเื่เอกสารอย่างเสิ่นเยว่ชวนก็เข้ามาในห้อง เขาเห็นูเี่อันตาแดงๆ จึงพูดขึ้นว่า
“เจี่ยนอัน ไม่ต้องกังวลไปนะ เป๋าเหยียนก็แค่ไม่ได้กินข้าวกินน้ำมาห้าวัน ไม่ได้พักผ่อนมาสองวัน เลยทำให้โรคกระเพาะกำเริบขึ้นมาเท่านั้นเอง เขาไม่ตายหรอก”
“นายเป็โรคกระเพาะ?” ูเี่อันมองลู่เป๋าเหยียน “โรคกระเพาะก็เป็โรคอย่างหนึ่งนะ! ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ป่วยอีก”
ลู่เป๋าเหยียนเห็นน้ำเกลือใกล้จะหมดแล้ว จึงตั้งใจจะดึงเข็มบนมือออก
ูเี่อันรีบหยุดมือเขา
“ฉันเอง” เธอเองก็เป็หมอ เื่นี้เธอเป็มืออาชีพกว่าเขา
เธอค่อยๆ ดึงเข็มออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงจัดการทำแผล แปะสำลีห้ามเืลงไปบนมือเขาอย่างเรียบร้อย
“กดไว้นะ”
มือขาวนวลของเธอที่กำลังจับมือเขา เสียงอ่อนโยนแสนอบอุ่นที่พูดกับเขา ทำให้ลู่เป๋าเหยียนอยากให้เธอจับมือเขาไปตลอด จึงแกล้งทำเป็ป่วยหนัก
“เธอช่วยกดให้ฉันที เรากลับบ้านกันเถอะ”
“อ้าว” เสิ่นเยว่ชวน “ฉันเพิ่งไปจัดการเื่แอ็มิทมาเองนะ!”
“ถ้านายอยากนอนที่นี่ก็นอนเลย เดี๋ยวฉันจ่ายให้”
เสิ่นเยว่ชวนอยากจะร้องไห้
เขาวิ่งไปวิ่งมาตั้งนานเหนื่อยมากรู้ไหม แกล้งทำให้ลุงสวีใจนหลอกพาูเี่อันมาที่นี่ได้ก็เหนื่อยมากรู้ไหม แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับให้รางวัลเป็ที่พักสองคืนในโรงพยาบาลแค่นี้เนี่ยนะ!