ภายในถ้ำ ตอนนี้เสิ่นเสวียนกำลังหนีวนไปรอบๆ
อีกฝ่ายแสดงพลังขั้นจักรพรรดิระดับกลางออกมาแล้ว ซึ่งเป็พลังที่ต่างจากเขามาก ไม่มีทางเทียบเคียงได้เลย
จุดเด่นเพียงอย่างเดียวก็คือ ‘ท่าร่างมายาอัสนีเก้าด่านเคราะห์’ ของตนเอง สามารถหลบหลีกพลังโจมตีของอีกฝ่ายได้
แต่บุรุษกับสตรีสองคนนั้นตามมาแล้ว ท่าร่างของเสิ่นเสวียนดูเหมือนไม่พอจะรับมือ เพียงไม่นานมิติที่สามารถหลบหลีกได้เริ่มโดนอีกฝ่ายปิดกั้น พวกเขาล้อมเสิ่นเสวียนไว้แล้ว
เสิ่นเสวียนยืนอยู่กลางอากาศเหนือโลงศพสีดำโลงนั้น
ด้านหลังคือคนชุดดำ ส่วนด้านหน้าคือบุรุษกับสตรีคู่นั้น
บน ล่าง ซ้าย ขวา ทั้งสี่ด้านโดนอีกฝ่ายควบคุมไว้หมดแล้ว แม้จะมีท่าร่างมายาอัสนีเก้าด่านเคราะห์ก็ยังมิอาจหลบหลีกออกไปได้
“นี่ก็คือไม้ตายที่เ้าฝังไว้อย่างนั้นหรือ”
เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำประหลาดใจในพลังของเสิ่นเสวียนเล็กน้อย
หากจะบอกว่าเขายอดเยี่ยม พลังของเขาก็แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ถ้าจะบอกว่าเขาไม่เอาไหน ท่าร่างของเขาที่ใช้นั้นก็แปลกมาก สามารถแฝงกายเข้ามาถึงที่นี่ได้โดยที่คนชุดดำไม่รู้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะบอกถึงพลังของเสิ่นเสวียนได้แล้ว
“เคล็ดวิชานี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก หากพลังยุทธ์ก้าวหน้ากว่านี้คงเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากโลงศพสีดำ
“เ้าหนุ่ม ช่วยข้าจัดการพวกเขาที”
“ใคร? ข้าหรือ”
เสิ่นเสวียนมองโลงศพสีดำด้านล่าง หากให้อีกฝ่ายสังหารเขาคงเป็เื่ง่ายกว่า
“ข้ารู้ว่าเ้ายังมีไม้ตายที่ยังไม่ได้ใช้อยู่อีก สังหารเขาแล้วข้ารับเ้าเป็ศิษย์ดีไหม”
“ตาแก่ ลำพังแค่เขานี่น่ะหรือ เ้าคงไม่ได้เลอะเลือนไปแล้วหรอกใช่ไหม”
คนชุดดำได้ยินคำของคนในโลงจึงยิ้มเย็นออกมา ไม่รู้เลยหรือว่าคำว่าตายสะกดอย่างไร
“เป็อย่างไร เ้าจะตกลงไหม”
คนในโลงไม่สนใจคนชุดดำเลย แต่กลับถามเสิ่นเสวียนต่อไป
ตอนนี้เสิ่นเสวียนยังคงยืนอยู่กลางอากาศ เขาส่ายหัวพลางยิ้มแห้งๆ แม้ตนเองจะใช้ไม้ตายทั้งหมดออกมาก็ไม่มีทางเอาชนะสามคนนั้นได้เลย ส่วนเื่ที่อีกฝ่ายบอกว่าจะรับเขาเป็ศิษย์ เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงเขาบำเพ็ญเพียรถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดได้ เขาก็จะคลายผนึกของผังเมืองซานเหอได้สำเร็จ แล้วเขาก็จะเป็ปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ การเจรจากับคนชุดดำที่มีเจตจำนงสังหารเช่นนี้ไม่น่าเป็ไปได้ มีเพียงต้องเจรจากับคนในโลงศพเท่านั้น หากเขาคิดไม่ผิด คนในโลงจะต้องเป็ผู้เฒ่าจี๋เล่ออย่างแน่นอน
ผู้ที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นมหายานในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรคนหนึ่ง ไม้ตายที่มีไม่ใช่สิ่งที่คนชุดดำจะจินตนาการได้
หลังจากครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว เขาเลือกร่วมมือกับคนในโลงศพดีกว่า
“ข้าช่วยท่านได้ แต่ข้าสังหารพวกเขาไม่ได้ ท่านยังมีไม้ตายอื่นอีกไหม”
“ข้ามอบเกราะาชุดนี้ให้เ้า”
ทันใดนั้น เศษชิ้นส่วนสีทองมากมายพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ ประกอบลงบนร่างของเสิ่นเสวียนอย่างรวดเร็ว ทั้งที่แขน หลัง ขา และที่อื่นๆ จนดูเหมือนร่างของเสิ่นเสวียนถูกปกคลุมไปทั้งร่าง
แสงสีทองเรืองรองออกมาจากร่าง ้ามีลวดลายสีเขียวปรากฏขึ้น
“เกราะเกล็ดทอง!”
เมื่อเห็นเกราะบนร่างของเสิ่นเสวียน คนชุดดำจึงะโออกมาทันทีด้วยแววตาตื่นตะลึง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็ความละโมบ
“ดีเหมือนกัน วันที่เข้ารับด่านเคราะห์ข้าจะได้ไม่ต้องตามหาอีก”
เสิ่นเสวียนในตอนนี้กำลังดื่มด่ำอยู่กับเกราะที่สวมอยู่
เกราะนี้มีระดับเดียวกับศาสตราวิเศษระดับกลางค่อนไปทางระดับสูง ในโลกนี้มันคือเกราะที่อยู่ในขั้นปฐีระดับสูงถึงระดับสูงสุดได้เลย ยากมากที่เกราะจะมีพลังถึงระดับขั้นเช่นนี้ได้ เรียกว่าหาได้ยากมากจริงๆ มีเกราะนี้อยู่ทำให้พลังป้องกันตัวของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ต่างจากคนชุดดำไม่มากนัก
ภายในเกราะเกล็ดทองผสมผสานไปด้วยพลังของสองธาตุ แบ่งเป็ธาตุทองและธาตุไม้ ธาตุทองเน้นป้องกันและโจมตี ส่วนธาตุไม้เน้นป้องกันเป็หลัก เมื่อทั้งสองผสมผสานเข้าด้วยกันทำให้อานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
“เ้าช่างยอมเสียสละจริงๆ”
คนชุดดำมองเกราะเกล็ดทองบนร่างเสิ่นเสวียนพลางถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่มีอะไรขวางกั้นเขาไม่ให้สังหารเสิ่นเสวียนอยู่ดี
คนสามคนคิดล้อมสังหารคนคนเดียวไม่ใช่เื่ยาก
“จัดการเขา”
คนชุดดำกล่าวกับบุรุษและสตรีสองคนนั้น ทั้งสองคนพยักหน้าแล้วกระโจนเข้าใส่เสิ่นเสวียนทันที เจตจำนงสังหารวาวโรจน์ขึ้นในแววตาคล้ายว่าหากเสิ่นเสวียนไม่ตายพวกเขาจะไม่หยุดมือ
ทั้งสองคนกำหมัดแน่น พลังรุนแรงปะทุออกมาจากกำปั้นของพวกเขาผนึกทางหนีของเสิ่นเสวียนเอาไว้ โจมตีใส่ใบหน้าและใต้แขนของเสิ่นเสวียนอย่างรุนแรง
สองคนนี้โจมตีในตำแหน่งที่พวกเขาสองคนคิดว่าดีที่สุดแล้ว ด้วยพลังของพวกเขาที่โจมตีออกไปพร้อมกันเพียงพอที่จะทำให้เสิ่นเสวียนหมดสิ้นพลังต่อสู้ในทันที แม้จะมีเกราะก็ป้องกันไม่ได้
คนชุดดำให้สองคนนั้นโจมตีออกไปก็เพราะหนึ่ง เสิ่นเสวียนเพิ่งโดนไล่ล่า พลังยังไม่มั่นคง สองคือแม้เสิ่นเสวียนได้เกราะเกล็ดทองมา แต่ก็ไม่มีเวลาดูดซับและปรับตัวกับพลังของเกราะ หลังจากครุ่นคิดในหลายๆ ด้านแล้ว โจมตีตอนนี้คือ่เวลาที่ดีที่สุด
แต่พวกเขาประเมินพลังของเสิ่นเสวียนไว้ต่ำเกินไป
ขณะที่ทั้งสามคนคิดว่าเสิ่นเสวียนต้องแพ้อย่างแน่นอน คลื่นพลังมิติพลันปรากฏขึ้น ทำให้พลังหมัดของทั้งสองคนเปลี่ยนทิศทางไป และที่โจมตีโดนกลับไม่ใช่เสิ่นเสวียน แต่เป็พี่ใหญ่เผ่าอนธการและเหลยต้งจากสำนักตี้หยินที่เป็หุ่นเชิดของเสิ่นเสวียน
ตุบ! ตุบ!
เสียงสองเสียงดังขึ้น ร่างหุ่นเชิดทั้งสองกระเด็นไปไกล กระแทกเข้ากับผนังในพริบตา
ร่างของเสิ่นเสวียนเคลื่อนหนีออกไปอย่างเงียบเชียบระหว่างที่หุ่นเชิดโดนโจมตี เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายแล้ว สามารถหนีออกจากวงล้อมของสามคนนั้นได้
“ยังมีคนอื่นอีกหรือ”
คนชุดดำมองหุ่นเชิดทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจ และเกิดความสงสัยขึ้นอย่างอดไม่ได้
หากจะบอกว่าเป็มนุษย์ เขากลับััไม่พบไอพลังของมนุษย์เลย หากบอกว่าไม่ใช่มนุษย์ แต่ร่างทั้งสองก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ
“เป็หุ่นเชิดอย่างนั้นหรือ”
คนชุดดำเบิกตากว้าง มองหุ่นเชิดเหลยต้งราวกับเป็ของล้ำค่าประจำเมือง
“ดูเหมือนว่าท่านจะมีความรู้อยู่บ้าง”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าพลางกล่าว นี่คือคนแรกของโลกนี้ที่ดูออกว่าเป็หุ่นเชิดในครั้งแรกที่เห็น ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“สังหารพวกเขา”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับหุ่นเชิดทั้งสอง เหมือนกับที่คนชุดดำออกคำสั่งก่อนหน้านี้
หุ่นเชิดที่โดนโจมตีเมื่อครู่พลันกระโจนไปตรงหน้าบุรุษกับสตรีสองคนนั้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็แสดงพลังหมัดโจมตีใส่บุรุษกับสตรีคู่นั้นทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ทว่าทั้งสี่คนสองฝ่ายกลับต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ไม่ว่าจะเป็พี่ใหญ่จากเผ่าอนธการหรือเหลยต้งจากสำนักตี้หยิน หลังจากเสิ่นเสวียนช่วยแปลงกายไปแล้วก็ไม่มีไอพลังใดๆ เหมือนกับก่อนหน้านี้อีก และพลังของพวกเขายังเกือบถึงขั้นราชันระดับกลางแล้วด้วย
ส่วนสองคนที่สู้กับพวกเขาก็มีพลังไม่ธรรมดาเช่นกัน น่าจะอยู่ในขั้นราชันระดับกลางเหมือนกัน
สี่คนนี้โจมตีใส่กันไปมา ทำให้เกิดการหยุดชะงักขึ้นครู่หนึ่ง
พลังของหุ่นเชิดสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ด้วยร่างกายที่คล้ายจะเป็ะ การจะยืนหยัดให้ได้ใน่เวลาหนึ่งยังไม่มีปัญหา
“ตอนนี้เหลือแค่พวกเราสองคนแล้ว”
เสิ่นเสวียนมองคนชุดดำพลางกล่าวเสียงเรียบ เกราะเกล็ดทองที่มีแสงทองเรืองรองอยู่บนร่างทำให้เขามั่นใจขึ้นกว่าเดิมมาก แม้อีกฝ่ายจะมีพลังขั้นจักรพรรดิแต่เขายังพอสู้ได้
“เ้าคิดว่าลำพังแค่เ้าจะขัดขวางข้าได้หรือ”
คนชุดดำหัวเราะออกมาทันที หัวเราะที่เสิ่นเสวียนช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียเลย
“ข้าไม่คิดขัดขวางท่าน แค่คิดสังหารท่านเท่านั้น”
เสิ่นเสวียนค่อยๆ ยกกำปั้นขึ้น
จากนั้นร่างของเขาพลันเลือนหายไป