ซูฉางอันอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย
เขานั่งอยู่ที่นี่มาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆแล้ว แต่ยังหาทางเลื่อนพลังไม่ได้อยู่ดี
ซูฉางอันติดอยู่ในขั้นนี้มานานเกือบเดือนแล้วเขาลองใช้มาหลายวิธีถึงขั้นเคยฝืนยัดปราณดาราที่มีธาตุพลังแตกต่างกันเข้าไปในตันเถียนอีกถึงสองดวงด้วยกันแต่ผลที่ได้กลับมาก็คือการที่เขาเกือบจะต้องตายเพราะร่างะเินั่นเองหากไม่ใช่เพราะฉู่ซีฟงเข้ามาช่วยเอาไว้ทันล่ะก็เกรงว่าป่านนี้เขาคงถูกฝังไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เขาไม่อยากหยุดลงเพียงเท่านี้เขาอยากแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ ไม่อยากให้โลหิตเทพในร่างฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเขารับปากวู๋ถงเอาไว้แล้วว่าจะอยู่รอจนกว่านางจะกลับมา ดังนั้นก่อนที่นางจะกลับมาหา ไม่ว่าเยี่ยงไรก็จะพ่ายให้สัตว์ประหลาดในตัวไม่ได้เด็ดขาดแต่เมื่อหลายเดือนก่อน ณ หอหมู่ตัน ในตอนนั้นเ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เคยปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้งทำให้ซูฉางอันรับรู้ได้ว่ายิ่งเวลาผ่านไป เ้านั่นก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆด้วยวิธีที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรเช่นกัน
ดังนั้นซูฉางอันจะหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ เขาต้องแข็งแกร่งให้ได้มากกว่านี้
ด้วยความคิดเช่นนี้เขานั่งภายในลานฝึกมานานถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ แล้ว แต่ก็ยังหาวิธีไม่ได้อยู่ดี
ปราณดาราขั้นที่เก้าจะเป็พลังแห่งดาบไม่ได้ฉันใดย่อมเป็เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ฉันนั้น
ซูฉางอันคิดพลางขมวดคิ้วมุ่น
แล้วจะทำเช่นไรดี!
เขารู้สึกหงุดหงิดใจอย่างอดไม่ได้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาถามตัวเองเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
สายลมแห่งวสันตฤดูโชยเข้ามาพร้อมกับความหนาวเย็น
ซูฉางอันค่อยๆระงับความร้อนรนใจหัวใจลงอย่างเชื่องช้าเพราะเขารู้ว่าต่อให้จะร้อนใจมากถึงเพียงใด ก็หาได้มีประโยชน์ไม่ สู้ทำตัวเองให้สงบปล่อยให้สายลมพัดผ่านใบหน้าไปอย่างเงียบงันดีกว่า
ในที่สุดเขาก็สงบลงแล้ว
วินาทีนั้น จู่ๆกระแสความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัว
ในเมื่อพลังแห่งดาบกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใช้ไม่ได้ทั้งคู่เช่นนั้นก็ลองใช้ปราณดาราที่มีธาตุพลังแตกต่างกับพลังทั้งสองอย่างดูสิ!
ซูฉางอันจับประเด็นสำคัญของเื่นี้ได้อย่างชาญฉลาดนี่เป็วิธีที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะช่วยให้เขามีพลังเพิ่มมากขึ้นได้ซูฉางอันประกายรอยยิ้มบางๆ ออกมา แต่เพียงไม่นานก็กลับมาสงบได้อีกครั้ง
หากไม่ใช้พลังแห่งดาบทั้งยังไม่ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์อีก แล้วจะใช้พลังธาตุไหนดีเล่า?
ซูฉางอันจมเข้าสู่ความลำบากใจอีกครา
ผ่านไปอีกประมาณสิบห้านาที จู่ๆใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องราวกำลังต่อสู้กับบางสิ่งแฝงอยู่ในหัวใจเช่นนั้น ทว่าในที่สุดเขาก็เลิกคิ้วขึ้นราวตัดสินบางอย่างได้แล้ว
ทันใดนั้น จู่ๆแสงแห่งพลังก็ประกายออกมาจากร่างของเขาตามด้วยพลังแห่งดาบและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ปะทุขึ้นตามมามันเป็ผลจากการขับเคลื่อนพลังิญญาในตันเถียนอย่างสุดความสามารถนั่นเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้เหล่าสตรีที่ยืนมองอยู่รอบๆ สะดุ้งใไปตามๆ กัน วินาทีนั้นความกระวนกระวายใจที่มีกลับกลายเป็ความตื่นตระหนกและกังวลใจเพราะพวกนางรู้ดีว่าซูฉางอันเริ่มการเลื่อนพลังขึ้นแล้ว
ภายในหออวี้เหิงชายชราเบิกตาที่หรี่เล็กจนกลายเป็เส้นตรงให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิมจากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นจนกลายเป็รอยยิ้ม แล้วพึมพำกับตัวเอง “จะเริ่มแล้วรึ?”
ฉู่ซีฟงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีพลังิญญากระจายออกมาจากตัวของเขาพร้อมกับสายฟ้าสีม่วงดูท่าว่าเขาจะพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือหากเกิดเื่อะไรขึ้นกับซูฉางอันแล้ว
ถูกต้องซูฉางอันเริ่มการเลื่อนพลังขึ้นอีกครั้งแล้ว เขาขับเคลื่อนพลังิญญาของตัวเองขึ้นอย่างบ้าคลั่งปลดปล่อยพลังแห่งดาบและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ออกมาด้านนอกอย่างต่อเนื่องเขา้าจะใช้พลังิญญาที่มีในตัวให้หมดลงก่อนเช่นนั้นปฏิกิริยาที่ปราณดาราทั้งแปดมีต่อปราณดาราที่เก้าจะได้ลดลงไปด้วยนั่นเอง
เขาใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีในการทำเื่ทั้งหมดเมื่อเสร็จสิ้น ซูฉางอันก็มีสีหน้าหนักอึ้งลงไปอีกคราเสียงคำรามอันแสนแ่เบาดังออกมาจากปากของเขาก่อนพลังิญญาในรัศมีสิบเมตรจะพุ่งฝ่าสายลมเข้ามาหา โดยมีร่างของซูฉางอันเป็จุดศูนย์กลางราวได้รับคำสั่งบางอย่างเช่นนั้น
พลังิญญาเ่าั้แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกายไหลเวียนไปตามเส้นเืและข้อต่างๆ จากนั้นจึงไหลไปรวมกันที่ตันเถียนในที่สุด
ซูฉางอันหัวใจกระตุกวูบ เพียงเท่านี้พลังิญญาก็พุ่งไปรวมกัน แล้วก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็ปราณดาราอีกดวงแล้วแม้จะดูเหมือนเป็ขั้นตอนง่ายๆแต่มันก็กินเวลาเขาไปมากเกือบหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียวแน่นอนว่าสำหรับการสร้างปราณดารานั้นความเร็วในระดับนี้ก็นับเป็อะไรที่น่าเหลือเชื่อมากแล้วนั่นเป็เพราะซูฉางอันเคยทำเช่นนี้มานับสิบครั้งแล้วอีกทั้งภายในร่างของเขาก็มีพลังิญญามากพอจะสร้างปราณดาราขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกันดังนั้น ทุกอย่างจึงแลดูง่ายดายสำหรับเขานั่นเอง
เขาทำขั้นนี้ซ้ำๆ มานับสิบครั้งแล้วในทุกๆ ครั้ง เขาจะคล่องแคล่วมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกครั้งของเขาก็จะอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน
เขาฝืนข่มให้ตัวเองสงบลงอีกครั้งเขารู้ดีว่าขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็ขั้นที่สำคัญมากที่สุดมาถึงแล้วเขาต้องเพิ่มธาตุพลังเข้าไปในปราณดาราของตัวเองให้ได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยลองมาหลายวิธี เริ่มั้แ่การเพิ่มพลังแห่งดาบเข้าไป หรือไม่ก็เพิ่มเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลงไปเพิ่มพลังทั้งสองอย่างเข้าไปพร้อมกัน กระทั่งไม่เพิ่มอะไรลงไปเลยก็เคยลองมาแล้วแต่ในทุกๆ ครั้ง ก็จบด้วยการล้มเหลวไม่ต่างกัน
ทว่าในครั้งนี้สิ่งที่เขากำลังจะเพิ่มลงไป เป็‘จิตมั่น’ ของตัวเอง
ถูกต้องแล้ว จิตมั่นของเขาเองไม่ใช่ของมั่วทิงอวี่และไม่ใช่ของวู๋ถงด้วย แต่เป็ของเขาจิตมั่นที่เป็ของเขาคนเดียวเท่านั้นมันเป็สิ่งที่เขาได้รับในการฝึกฝนตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขารู้ดีว่าจิตมั่นของตัวเองยังไม่สมบูรณ์นัก แต่เขาก็อยากจะลองดูหรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เขา้าจะใช้โอกาสในครั้งนี้ขัดเกลาให้จิตมั่นของตัวเองสมบูรณ์แบบมากขึ้นนั่นเอง
จิตมั่นช่างเป็อะไรที่ลึกลับและน่าพิศวงเสียเหลือเกินมันเป็สิ่งที่ไม่อาจอธิบายหรือระบุเจาะจงได้แต่ก็เป็สิ่งที่ดำรงอยู่และมีตัวตนอย่างแท้จริง
ซูฉางอันลองเพิ่มมันลงไปในปราณดาราที่เพิ่งสร้างขึ้นแต่ก็จบด้วยการล้มเหลวอีกครั้ง คนหนุ่มร่างสั่นเทาสีหน้าก็ประกายความซีดเซียวออกมาอย่างกะทันหัน
เมื่อเห็นดังนั้นเซี่ยโหวฟ่งอวี้กับคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกราวหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มสตรีทั้งสามมองไปยังซูฉางอันอย่างเป็กังวล ราวกับว่าหากซูฉางอันมีอาการผิดปกติไปแม้แต่น้อยพวกนางก็จะวิ่งเข้าไปหาทันที
หากเป็คนธรรมดาเมื่อรับรู้ได้ว่าวิธีเช่นนี้มีปัญหา ก็จะล้มเลิกความคิดนี้ลงเสีย
แต่ซูฉางอันแตกต่างออกไปแม้เขาจะมีร่างกายซูบผอม ทั้งยังแลดูอ่อนแอราวกับหนอนหนังสือ แต่เขาก็มีความเด็ดเดี่ยวที่แรงกล้าอยู่ในหัวใจเช่นกัน
เขาลองส่งจิตมั่นของตัวเองเข้าไปในปราณดาราที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
ร่างของเด็กหนุ่มสั่นะเืจิตมั่นของเขาถูกผลักกลับออกมาอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉางอัน!”
“คุณชายซู!”
เซี่ยโหวฟ่งอวี้ กู่เซี่ยนจวินและฝานหรูเยว่ร้องอุทานขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปหาซูฉางอันทันทีเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของซูฉางอันความเป็ห่วงเป็ใยก็ะเิขึ้นบนใบหน้าของโฉมงามทั้งสามทันที
แต่อาจเป็เพราะการล้มเหลวติดกันถึงสองครั้งทำให้ร่างกายของเขาอ่อนล้าเกินทนหรืออาจเป็เพราะเขายึดติดกับการเลื่อนระดับพลังมากจนเกินไป...
ซูฉางอันทำราวไม่ได้ยินสตรีทั้งสามเขานั่งตัวตรงอีกครั้ง โทสะก็แล่นขึ้นไปในสมองอย่างฉับพลัน เขากัดฟันกรอดจากนั้นก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีมาใช้ในการส่งจิตมั่นเข้าไปในปราณดาราอีกครั้ง
ครานี้ร่างของเขาสั่นะเืขึ้นอีกครั้ง พรืด เืสดพุ่งออกมาจากปากขณะที่ใบหน้าก็ประกายความท้อแท้ออกมาอย่างกะทันหัน
โฉมงามทั้งสามต่างใจนหน้าเสียไปตามๆกัน ต่างก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของซูฉางอันโดยสัญชาตญาณทันที
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ร่างหนึ่งก็พุ่งผ่านไปพร้อมกับสายฟ้าสีม่วงเมื่อทั้งสามตั้งสติได้ ฉู่ซีฟงก็ไปหยุดอยู่ข้างซูฉางอันเสียแล้ว
ฉู่ซีฟงขมวดคิ้วมุ่นเขายกมือขึ้นไปวางเอาไว้หนือหัวของซูฉางอัน เตรียมจะรักษาอาการาเ็ให้
หญิงงามทั้งสามรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยฉู่ซีฟงเป็ยอดฝีมือที่มีพลังแข็งแกร่ง เขาออกตัวช่วยเช่นนี้ซูฉางอันคงจะปลอดภัยเป็แน่แล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีที่มือใหญ่กำลังจะวางลงบนหัวของซูฉางอันจู่ๆ คนหนุ่มก็ยื่นมือออกมารั้งมือนั้นเอาไว้เสียก่อน
ฉู่ซีฟงอึ้งไปแล้วเขาดูออกว่าซูฉางอันอาการสาหัสมากเพียงไหนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมซูฉางอันต้องห้ามไม่ให้ตนช่วยรักษาอาการาเ็ด้วย
“ผู้าุโฉู่... ให้ข้า...ลองอีกครั้งเถอะขอรับ” เพราะอวัยวะภายในได้รับาเ็เหตุนี้ ซูฉางอันจึงเปล่งเสียงลำบากเล็กน้อยทว่าทันทีที่เขาแหงนหน้าขึ้นมามองฉู่ซีฟงสายตาของซูฉางอันก็ทำให้ผู้เป็อาจารย์อึ้งไปอย่างสิ้นเชิง
ดวงตาที่แลดูสว่างไสวตรงหน้ามีประกายแห่งรอยยิ้มแฝงอยู่
ถูกต้อง ซูฉางอันยิ้มให้เขายิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่เืสดก็ไหลออกมาจากปากไปในเวลาเดียวกัน “ให้ข้าลองอีกครั้งเถอะดูเหมือนข้าจะเข้าใจแล้ว!” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง
ฉู่ซีฟงนิ่งชะงักไปเขาพอจะเข้าใจแล้วว่าที่บอกว่าเข้าใจ ซูฉางอันหมายถึงเื่อะไรกันแน่
ช่างเป็อะไรที่ยอดเยี่ยมและน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน เขาสร้างจิตมั่นของตัวเองขึ้นมาได้ทั้งที่มีพลังอยู่เพียงระดับหลอมจิตเท่านั้น... ความจริงนี่ถือเป็โอกาสที่หายากเสียเหลือเกิน แต่ฉู่ซีฟงกลับมีท่าทางลังเลเพราะเขารับรู้ได้ว่าตอนนี้สภาพร่างกายของซูฉางอันย่ำแย่มากขนาดไหนหากไม่รีบรักษาให้ทันท่วงที ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา
สติบอกกับเขาว่าต้องห้ามซูฉางอันเอาไว้ั้แ่เดี๋ยวนี้ทว่าแสงสว่างในดวงตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่เส้นทางแห่งพลังของเขาทำให้ฉู่ซีฟงหวั่นไหวใจไปกับมันจนได้
และในตอนที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นจู่ๆ เสียงที่เต็มไปด้วยความชราก็ดังออกมาจากหออวี้เหิง
“เพื่อเส้นทางที่มุ่งมั่นต่อให้ต้องตายก็ยอม... ซีฟง ปล่อยให้เขาทำตามใจเถิด”