เจตจำนงอันเยือกเย็นที่หลินเฟิงปลดปล่อยนั้น กลับไม่ได้ทำให้เหลิ่งเยว่สะทกสะท้าน ทว่าเขาเพียงมองเมิ่งฉิงด้วยสายตาชั่วร้าย “เข้ามา”
เมื่อกล่าวจบ เหลิ่งเยว่ค่อยๆ เดินไปหาหลินเฟิง แม้จะเป็ก้าวสั้นๆ แต่ก็รวดเร็วราวกับลมกรด
เศษฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ จากนั้นเจตจำนงมีดก็พุ่งออกมาจากละอองฝุ่น ทุกย่างก้าวเล็กๆ ของเหลิ่งเยว่ ทำให้เจตจำนงมีดแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเพียงแค่พริบตา ก้าวสั้นๆ ของเขาอย่างน้อยสิบก้าว เจตจำนงมีดก็แหลมคมจนถึงจุดสูงสุด และมันแผดเสียงร้องออกมา
ในเวลาเดียวกันปิงหยวนก็พุ่งออกไปโจมตีด้วยเหมือนกัน ทั้งหิมะและน้ำค้างแข็งต่างร่วงลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ทั้งชั้นบรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยไอเย็น จนทำให้ทุกคนตัวสั่นเพราะความหนาว
“สองคนนั้นช่างร้ายกาจยิ่งนัก!”
ผู้คนที่อยู่ไกลๆ ต่างประหลาดใจ เพราะเบื้องหน้ามีทั้งคุณชายเตาที่ราวกับใบมีดอันแหลมคม ส่วนปิงหยวนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน ทำให้ทั้งบรรยากาศกลายเป็เยือกเย็นด้วยทักษะของเขา ทำให้พื้นดินกลายเป็น้ำแข็งและหิมะ
ทั้งสองคนล้วนเป็คนที่ร้ายกาจ สมแล้วที่เป็ยอดอัจฉริยะในหมู่รุ่นเยาว์
“เมื่อใบมีดปรากฏ เขาจะต้องตัดศัตรูเป็สองส่วนแน่นอน” คนจากนิกายเฮ่าเยว่กล่าวเสียงดังด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อเหลิ่งเยว่ลงมือแล้วแม้แต่หลินเฟิงก็จะต้องถูกสังหารแน่นอน
“หลินเฟิง เ้าจะถูกแช่แข็งไปทั้งร่าง เมื่อความเย็นลามไปถึงเส้นโลหิตของเ้าล่ะก็ เ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย” คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานกล่าวด้วยดวงตาที่เยือกเย็น เขาเคียดแค้นหลินเฟิงทำตัวอวดดี เขากล้าสังหารศิษย์ของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน และยังกล้ายั่วยุปิงหยวน นี่ก็เท่ากับว่าเขารนหาที่ตาย พวกเขาไม่อาจอดใจรอดูหลินเฟิงได้ว่า เขาจะหลบการโจมตีจากปิงหยวนอย่างไร
หลายคนคิดว่าหลินเฟิงต้องถูกสังหารแน่ๆ
เขาเป็ใครมาจากไหนก็ไม่มีใครทราบ แล้วจะประมือกับคุณชายเตาและปิงหยวนได้อย่างไร? ในตอนนี้ก็รอดูว่าใครจะฆ่าหลินเฟิงได้ก่อนกัน
เมื่อหลินเฟิงััได้ถึงเจตจำนงมีดอันแหลมคมและเจตจำนงอันเยือกเย็นเ่าั้ เขาก็ยังคงดูนิ่งสงบ ไม่มีแม้แต่ความผันผวนใดๆ มีเพียงแต่จิตสังหารอันเยือกเย็นที่ไม่เปลี่ยนไป
“สะบั้น!”
ขณะที่เจตจำนงมีดเริ่มปรากฏออกมา ทันใดนั้นเหลิ่งเยว่ก็ะโออกมาว่า ‘สะบั้น’ จิตสังหารอันแหลมคมก็พุ่งตรงเข้าหาหลินเฟิงและห้อมล้อมเขา แสงของมีดที่เจิดจ้าราวกับสายฟ้าฟาด ตอนนี้ได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว
“ตาย”
ในขณะเดียวกันปิงหยวนก็โจมตีเช่นกันพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณที่เยือกเย็นออกมา น้ำแข็งได้แผ่ปกคลุมและกัดกินไปทั่วร่างของหลินเฟิง ราวกับว่าเขากำลังจะแข็งตาย ในขณะเดียวกันกำปั้นน้ำแข็งก็พุ่งมาที่หลินเฟิง มันทั้งเยือกเย็นและบ้าคลั่ง
“ตาย!” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะะโออกมาอย่างฉะฉาน
“ตาย… ตาย… ตาย!” เสียงดังสะท้อนอยู่ในชั้นบรรยากาศ และห่างไกลออกไปจิตสังหารก็ทะลวงเข้าสู่ชั้นอากาศ ราวกับว่า้าให้ทุกอย่างถูกทำลายไป
จิตสังหารที่รุนแรงทำให้ม่านตาของเหลิ่งเยว่และปิงหยวนพลันหดแคบลง แม้แต่แสงมีดที่แหลมคมและน้ำแข็งอันเยือกเย็นก็ดูเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย จนพลังของพวกเขาไม่อาจเทียบกับเมื่อครู่นี้ได้
หลินเฟิงพุ่งเข้าหาปิงหยวนราวกับดาบที่ไม่อาจทำลายลงได้ จากนั้นแสงดาบเจิดจ้าก็หายไป ตอนนี้เองหัวใจของปิงหยวนกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง จากนั้นหัวใจของเขาก็หยุดเต้นไป
ในเวลาเดียวกัน มีดของเหลิ่งเยว่ก็ร่วงลงมาจากอากาศ!
“สะบั้น!”
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ร่างของปิงหยวนก็ถูกตัดออกเป็สองท่อน จนเืสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
มีดของเหลิ่งเยว่ได้ตัดร่างของปิงหยวนออกเป็สองท่อน พื้นดินใต้ร่างเขาพลันะเิออก ร่างของปิงหยวนที่ถูกตัดออกกระเด็นไปในอากาศ
ทันใดนั้นบรรยากาศก็กลายเป็เงียบงัน ม่านตาของฝูงชนต่างหดแคบลง ขณะจ้องเขม็งไปที่ร่างของปิงหยวนที่ถูกตัดไปอย่างหวาดกลัว
“ตายแล้ว!”
“ปิงหยวนถูกมีดของเหลิ่งเยว่ตัดเป็สองท่อน?”
ผู้คนต่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะผู้ที่มาจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน เมื่อศิษย์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านอย่างปิงหยวน ผู้อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 9 ตายแล้ว? แค่การโจมตีเดียวก็ถูกตัดเป็สองท่อน? นอกจากนี้ยังถูกตัดโดยเหลิ่งเยว่ มันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับสิ่งที่เห็นเป็ละคร ชายหนุ่มที่มากไปด้วยพร์ เพียงพริบตา... ก็ถูกสังหารแล้ว!
“เ้าสังหารปิงหยวน?”
ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างจ้องเขม็งไปที่เหลิ่งเยว่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“โง่เง่า เ้าไม่เห็นหรือไงว่ามันเป็แผนชั่วของเขา พวกเ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าเป็คนสังหารปิงหยวน? ถ้าข้าทำเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็ เขาคงไม่ตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
เหลิ่งเยว่กล่าวอย่างเยือกเย็น สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูน่าเกลียดอย่างมากขณะจ้องหลินเฟิงเขม็ง คนคนนี้สามารถสังหารปิงหยวนได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และยังให้เขาตัดปิงเหวียนเป็สองส่วนด้วยมีดของเขา
หากเป็การสังหารผู้อื่นแล้ว หลินเฟิงจะไม่กล่าวอะไรออกมา แต่ตอนนี้เขาได้สังหารอัจฉริยะของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานลง หากเขาอธิบายไม่ชัดเจนพอ ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมร้ายแรงเกินกว่าจะคาดเดา แม้กระทั่งอาจทำให้เกิดศึกระหว่างสองนิกายใหญ่ได้
“หลินเฟิงเป็คนสังหารเขา?” ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างประหลาดใจขณะจ้องมองหลินเฟิง
“เ้ากล้าโจมตีศิษย์พี่ปิงหยวน?” หนึ่งในพวกเขากล่าว ทันใดนั้นพวกเขาก็จ้องมองหลินเฟิงด้วยสายตารังเกียจ
“จู่โจม?” หลินเฟิงเองก็ประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “นอกจากพวกเ้าจะปัญญาอ่อนแล้ว ยังตาบอดอีกหรือ”
เมื่อครู่นี้ปิงหยวนโจมตีหลินเฟิง คนพวกนี้ดูไม่ออกเหรอว่าเขาเองก็โต้กลับไป? ไม่คิดว่าพวกเขาจะหาว่าเขาโจมตีปิงหยวน
ปิงหยวนจะสังหารเขา เขาจึงโจมตีกลับ นี่เรียกว่าจู่โจมเหรอ?
“พวกเ้าอยากตายงั้นหรือ”
หลินเฟิงก้าวออกมาขณะปลดปล่อยจิตสังหาร เมื่อััได้ถึงจิตสังหารที่เยือกเย็น ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างก็ใจเต้นแรง เพราะจิตสังหารนี้ทั้งแข็งแกร่งและรุนแรง!
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานสังหรณ์ใจไม่ดี และเห็นของเหลวสีม่วงพุ่งออกมาพร้อมกับหลินเฟิงทะยานร่างขึ้นไป
ของเหลวสีม่วงได้ปรากฏออกมา แต่ในหมู่พวกเขากลับยังยั้งเจตจำนงการทำลายล้าง ของเหลวสีม่วงที่กลายเป็สายสีขาวได้กลายเป็หนวดหลายร้อยเส้น จากนั้นพวกมันก็พุ่งมาหาคนของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานกะทันหัน
“นี่มันอะไรกัน?”
ผู้คนต่างตัวสั่นเพราะหนวดสีม่วงนั่นดูราวกับงูั์ จังหวะที่มันพุ่งเข้ามา ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างใและวิ่งหนีไปคนละทาง
อย่างไรก็ตามหนวดสีม่วงได้กลายเป็งู ทันใดนั้นร่างของพวกเขาต่างถูกจับ และม้วนขึ้นดึงเข้าหาหลินเฟิงทันที
“อ๊าก!!!...”
เสียงกรีดร้องดังไปทั่วบริเวณ งูสีม่วงได้รัดพวกเขาแน่นจนเ็ป ร่างกายของพวกมันดูเหมือนกำลังละลาย พวกเขาทั้งหมดราวกับกำลังถูกบังคับให้จมน้ำตายอยู่ภายในร่างของงู
หลังจากนั้นไม่นาน ของเหลวสีม่วงก็กลับมาที่หลินเฟิง ร่างของเหล่าศิษย์จากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่างของพวกเขาถูกละลายโดยจิติญญาสีม่วงจนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
“ช่างน่าหวาดกลัว!”
“มันเป็จิติญญาประเภทไหนกัน?”
หัวใจของผู้คนต่างกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง ศิษย์จากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานรวมทั้งปิงหยวนต่างถูกสังหารลงในพริบตา
ปิงหยวนถูกตัดออกเป็สองท่อน ส่วนคนอื่นๆ ถูกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่ซาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ช่างน่าตกตะลึงเป็อย่างมาก
พวกเขาล้วน้าสังหารหลินเฟิง?
นอกจากนี้ปิงหยวนและเหลิ่งเยว่ได้ร่วมมือกัน แต่เพียงพริบตาเดียวปิงหยวนกลับถูกสังหารไป แม้แต่คนอื่นๆ จากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานที่้าสังหารหลินเฟิง ก็ต้องตายไปโดยไม่เหลือแม้แต่เศษซากใดๆ
ฝูงชนเพิ่งตระหนักได้ว่า ที่หลินเฟิงกล้ายั่วยุเหลิ่งเยว่และปิงหยวน นั่นเป็เพราะเขามั่นใจในพละกำลังของตน และเขายังแข็งแกร่งกว่าปิงหยวนจริงๆ เสียด้วย
“อัจฉริยะผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าปิงหยวนเสียอีก!”
ผู้คนต่างคิดในใจ ในขณะนี้พวกเขากำลังจ้องมองเหลิ่งเยว่เป็ตาเดียว
ในตอนนี้เหลิ่งเยว่กำลังจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิงตาไม่กะพริบ แม้ดวงตาจะยังแหลมคม ทว่ากลับไม่ได้ดุดันเหมือนเมื่อครู่
ใบมีดเ่าั้ไม่ได้ััถูกร่างหลินเฟิงแม้แต่น้อย อีกทั้งพวกมันยังถูกหลินเฟิงใช้สังหารปิงหยวนเสียอย่างนั้น ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงนั้นช่างน่าหวาดกลัวนัก
“ทั้งหยิ่งทะนงและอ่อนแอราวกับเศษขยะ” หลินเฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองซากศพของปิงหยวน จากนั้นเขาก็เบนสายตาไปมองเหลิ่งเยว่ช้าๆ พลันมุมปากของหลินเฟิงก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นๆ ขึ้นมาวูบหนึ่ง
“เ้าก็เหมือนกัน คุณชายเตา? ด้วยความแข็งแกร่งแค่นี้ กล้าดียังไงถึงได้ทำตัวอวดดี ช่างน่าละอายยิ่งนัก เพราะคนที่เก่งกว่าเ้าก็ยังมีอีกมากมาย”
คุณชายเตาดูอึมครึมและใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะแย้งหลินเฟิงอย่างไรขณะจ้องมองหลินเฟิงไม่วางตา
เพราะความแข็งแกร่งของหลินเฟิง ทำให้เหลิ่งเยว่ต้องระวังตัว
“เพียงเพราะประโยคเดียว แล้วยังขู่พวกข้าด้วยมีด เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าแล้ว เ้ามีสิทธิ์อะไรถึงใช้มีดได้?” หลินเฟิงก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับจิตสังหารที่มองไม่เห็นและคลื่นดาบที่รุนแรง พวกมันต่างพุ่งไปหาเหลิ่งเยว่ราวกับหมื่นดาบที่แหลมคม ประกอบกับคลื่นดาบที่น่าสะพรึงกลัว
อำนาจดาบนี้ทั้งรุนแรงและแหลมคมยิ่งกว่าอำนาจมีดของเหลิ่งเยว่
ดาบนั้น คือราชันย์ของศาสตราวุธทั้งมวล!