เฉียวเยว่ถูกสั่งให้ลดน้ำหนัก
ิ่จื้อรุ่ยล้มไม่เป็ไร แต่ถูกเฉียวเยว่ทับจนกระดูกหัก คำกล่าวนี้พูดง่ายแต่ไม่ระคายหู!
"ท่านพ่อ ข้าไม่อยากลดความอ้วน" เฉียวเยว่ใช้น้ำเสียงออดอ้อนฉอเลาะ น่ารักอย่างยิ่ง
แต่ซูซานหลางเคลิ้มตามเพียงชั่วครู่เดียวก็กล่าวว่า "หากเ้าไม่ลด ครั้งหน้าเกิดทับบิดาเ้ากระดูกหักบ้างจะทำอย่างไร"
นี่จะเป็ไปได้อย่างไร!
เฉียวเยว่ชำเลืองมองบิดาด้วยสายตาเหยียดหยัน รู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่ซื่อตรง
"ข้าชอบกินเนื้อ" แม่หนูน้อยกล่าวกับบิดาอย่างจริงจัง แต่ผลลัพธ์กลับถูกแย้งกลับมา "เ้ากินเนื้อมากเกินไป ถึงได้ตัวหนักขนาดนี้"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าบิดาเป็คนคุยยากยิ่ง ผู้อื่นมีบุตรสาวล้วนแต่พะเน้าพะนอเอาใจปานสมบัติล้ำค่า แต่บิดาของนางกลับเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงราวกับมีใครติดหนี้เขาเสียอย่างนั้น
มีใครบ้างเอาแต่ห้ามโน่นห้ามนี่ทั้งวัน?
ห้ามกินเนื้อ
ห้ามกวนมารดา
ห้ามมาหาเสด็จพี่รัชทายาทที่ห้องหนังสือ
ห้ามละโมบแก้วแหวนเงินทองของมีค่า
ข้อห้ามมากมายเยี่ยงนี้ อย่าเรียกซูซานหลางเลย เรียนซูจอมห้ามจะดีกว่า
นางอารมณ์ไม่ดี หันหลังกลับไม่สนใจซูซานหลางแล้ว อิ้งเยว่เดินเข้าประตูมา เห็นน้องสาวตัวอ้วนกลมเอนกายอยู่บนตั่งราวกับสยงเมา [1]
นางวางมาดราวกับผู้าุโกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "ท่านพ่อ"
เฉียวเยว่ได้ยินเสียงพี่สาวก็รีบหันมา "พี่หญิง"
จากนั้นก็วิ่งโผเข้าไปกอดอิ้งเยว่ เด็กสาวตัวผอมบางถูกนางชนเยี่ยงนั้นก็ถอยไปด้านหลังหลายก้าว
อิ้งเยว่นิ่วหน้าเล็กน้อย รำพึงว่า "น้ำหนักของเ้าน่าจะเพิ่มขึ้นอีกสองชั่ง [2] กระมัง"
เฉียวเยว่ "..."
การมีพี่สาวเป็เด็กเรียนให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง
"แต่เด็กอ้วนอย่างเ้าก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน นึกออกได้จริงๆ ว่าคนผู้นั้นเป็ใคร" ถึงแม้คนอื่นจะไม่เชื่อเฉียวเยว่ แต่อิ้งเยว่กลับเชื่อมั่นในตัวเฉียวเยว่มาโดยตลอดว่านางจำไม่ผิดคน
เฉียวเยว่ของครอบครัวพวกเขาเฉลียวฉลาดมากเพียงใด คนนอกไม่รู้ แต่พี่สาวเช่นนางรู้จักน้องสาวดีที่สุด
เคยเห็นก็คือเคยเห็น ไม่ใช่บ่าวในบ้านก็คือไม่ใช่บ่าวในบ้าน
เฉียวเยว่รีบเอ่ยถาม "หาคนผู้นั้นพบแล้วหรือ?"
ซูซานหลางย่อมไม่คุยเื่เหล่านี้กับเด็กน้อยวัยห้าขวบ เอ่ยเพียงว่า "เ้าอย่ายุ่ง บิดาจะจัดการเอง"
ทั้งกำชับกับอิ้งเยว่ "อย่าเอ่ยวาจาเหลวไหลต่อหน้านางอีก ยายหนูน้อยคนนี้ไม่ได้เื่"
เฉียวเยว่รู้สึกจุกในคอหอย บิดาคือบิดาแท้ๆ ของนางจริงหรือ ท่านบอกมาสิว่าข้าไม่ได้เื่ตรงไหน?
เฉียวเยว่น้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก
"เื่เกี่ยวกับคนร้าย เ้าอย่าเอ่ยถึงอีก เข้าใจหรือไม่?" ซูซานหลายกำชับกับเฉียวเยว่
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง พยักหน้าอย่างแรง "ท่านพ่อ ท่านอย่าเห็นข้าเป็คนโง่สิ"
ซูซานหลางบีบแก้มเ้าเนื้อดวงน้อย เอ่ยว่า "พรุ่งนี้ท่านป้าใหญ่ของเ้ามีเลี้ยงต้อนรับแขก เ้าตามมารดาของเ้าไป ห้ามวิ่งเล่นซุกซนเป็อันขาด"
พูดถึงคนร้ายวันนั้น ในที่สุดเฉียวเยว่ก็นึกออกแล้วว่าเคยพบคนผู้นั้นที่ไหน
เขาเป็บ่าวรับใช้ในบ้านของทางครอบครัวท่านป้าใหญ่
หลายวันก่อนเรือนหนึ่งจัดงานเลี้ยงแขก เฉียวเยว่ก็ตามไปกินดื่มกับพวกเขา ถึงได้พบเขาตอนนั้น เขาเป็ผู้ติดตามข้างกายของหลานชายทางบ้านของท่านป้าใหญ่
เฉียวเยว่ยืนยันว่าตนเองจำไม่ผิด แต่งานเลี้ยงครานี้เดาว่าคงจัดขึ้นเพื่อให้นางดูคนอีกครา
เพียงแต่บิดาไปคุยกับท่านลุงท่านป้าใหญ่อย่างไรก็สุดรู้ได้
อีกอย่างเหตุใดบ่าวในบ้านของท่านป้าใหญ่ต้องจัดการกับมารดาของนางด้วยเล่า
ความทรงจำของเฉียวเยว่ที่มีต่อท่านป้าใหญ่ จะพูดอย่างไรดีล่ะ? เป็คนสง่าผ่าเผย ใจกว้าง พูดน้อย แต่จัดการในจวนได้อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ดูแลอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาอย่างเท่าเทียม ไม่ทำตัวร้ายกาจก้าวร้าวเหมือนอย่างท่านป้ารอง สมกับเป็กุลสตรีจากตระกูลใหญ่ที่ได้รับการศึกษาอบรมอย่างดีเยี่ยม
เื่นี้น่าเคลือบแคลงสงสัยยิ่งนัก
อาจเป็เพราะเห็นเฉียวเยว่ทำตาหลุกหลิก ซูซานหลางจึงกล่าวอีกว่า "เ้าได้ยินหรือไม่ ต้องติดตามอยู่ข้างกายพี่สาวของเ้าตลอดเวลา"
เฉียวเยว่ตอบเสียงดังฟังชัด "เ้าค่ะ"
แต่ไม่ช้า นางก็เอียงคอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "แต่นี่ไม่ถูกต้อง"
"ไม่ถูกต้องอันใดของเ้า?" ซูซานหลางถาม
เฉียวเยว่สีหน้าเคร่งขรึม "หากคนผู้นั้นไม่กล้ามาอีกจะทำเช่นไร แล้วข้าจะดูคนได้อย่างไร?"
ซูซานหลางยิ้มมุมปาก บีบแก้มป่องๆ ของนางกล่าวอีกครั้งว่า "ข้าพูดกับเ้า เ้าล้วนทำหูทวนลมใช่หรือไม่ ข้าบอกว่าเื่นี้เ้าไม่จำเป็ต้องยุ่งวุ่นวาย เพียงแค่ตามพี่สาวไปเล่นก็พอ มิต้องไปค้นหาผู้ใดทั้งนั้น"
เฉียวเยว่ทำท่าว่าไม่เชื่อ
ซูซานหลางกล่าว "ข้าว่าเด็กน้อยอย่างเ้าคงจะว่างเกินไปสินะ"
ว่างเกินไป ก็เลยเื่มาก
เฉียวเยว่ขอความช่วยเหลือจากอิ้งเยว่ "พี่หญิง ท่านพ่อชังข้าอีกแล้ว"
อิ้งเยว่ทอยิ้มน้อยๆ "ท่านพ่อกล่าวถูกแล้ว เด็กซุกซนควรเพิ่มการบ้านให้เยอะขึ้น จะได้ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านทำให้คนเอือมระอา"
พิฆาตในหมัดเดียวแท้ๆ!
เฉียวเยว่ถอนหายใจอย่างปลงสังเวช พี่สาวของผู้อื่นล้วนอ่อนโยนน่ารัก แต่พี่สาวของนางกลับเป็เด็กเรียนสติปัญญาเลิศล้ำ ซ้ำยังปากร้ายเป็ที่หนึ่งอีกด้วย
นี่มันเชลดอน [3] เวอร์ชันผู้หญิงชัดๆ
เป็ตัวละคระนานนับหมื่นปี
ขณะที่สมาชิกในครอบครัวกำลังบ่มเพาะความสัมพันธ์อย่าง "สมัครสมานปรองดอง" ก็ได้ยินเสียงมาจากด้านนอก
มีเสียงร้องห่มร้องไห้ดังมาจากหน้าประตู เฉียวเยว่ลุกขึ้นทันควันวิ่งไปดูที่หน้าประตู
คนที่กำลังร้องไห้หาใช่ใครอื่น แต่เป็ท่านลุงรองของเฉียวเยว่เอง
เฉียวเยว่ออกไปต้อนรับทันควัน "ท่านลุงรองเป็อะไรไปหรือ?"
พอนึกดูอีกที ไม่ถูกต้อง ตนเองเป็หลานสาวที่ดีมาก ดังนั้นจึงแสดงท่าเจ็บแค้น "ท่านลุงรอง ผู้ใดรังแกท่าน? ข้าจะไปแก้แค้นแทนท่านเอง"
นางกำหมัดน้อยๆ แล้วชูขึ้น
ซูเอ้อหลางไม่นึกว่าจะพบหลานสาวตัวน้อยที่ห้องหนังสือของซูซานหลาง แต่จะว่าไปแล้ว หลานสาวคนนี้น่ารักกว่าบุตรของเขาเองเสียอีก
เขาเอ่ยทันควัน "โอ้โห เฉียวเยว่ของลุง ในโลกนี้คงมีแต่เ้าที่เข้าใจลุงรองที่สุด ลุงรองกำลังลำบากเหลือเกิน"
ซูซานหลางนวดจุดไท่หยาง เดินออกมาพลางเอ่ยเสียงเบา "พี่รอง สภาพท่านเช่นนี้ ใครเห็นก็คงหัวเราะขบขัน มีธุระอันใดก็เข้ามาคุยกันเถอะ"
เฉียวเยว่ชอบสอดรู้สอดเห็นเื่ของชาวบ้าน จึงเดินตามเข้ามาอย่างเนียนๆ แต่ซูซานหลางกลับขึงตาใส่นาง เอ่ยว่า "อิ้งเยว่ พากน้องสาวกลับไป"
เฉียวเยว่ไม่ยอม นางเงยหน้าดวงน้อย ตอบอย่างจริงจัง "ข้าจะอยู่เป็เพื่อนลุงรอง ลุงรองร้องไห้น่าสงสาร ข้าเป็ห่วงลุงรองที่สุด"
นี่คือการตบสะโพกม้า [4] เสียงดังเพียะๆ
ซูเอ้อหลางอุ้มเฉียวเยว่ขึ้นมา "เฉียวเยว่น่าเอ็นดูที่สุด เด็กน้อยน่ารักขนาดนี้ไยไม่เกิดมาเป็บุตรสาวของข้านะ ที่เรือนของข้า... เฮ่อ ไย์โหดร้ายกับข้านัก!"
"พี่รอง ท่านโง่หรือเปล่า ถึงไปเชื่อเด็กน้อยห้าขวบ? นางอยากจะสอดรู้สอดเห็นชัดๆ ไม่รู้ว่าตอนเล็กๆ เห็นตัวอย่างจากหลันหมัวมัวมากไปหรือเปล่า จึงมักอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเื่" ซูซานหลางต่อว่าบุตรสาว แต่กลับไปคว้าตัวเฉียวเยว่มาจากอ้อมแขนของซูเอ้อหลาง แล้วโยนให้อิ้งเยว่ "พาน้องสาวเ้าไป"
พอเห็นสายตาแฝงไปด้วยคำเตือนของบิดา ในที่สุดเฉียวเยว่ก็ค่อยๆ เดินไปที่ประตู
ช่วยไม่ได้ ชีวิตคนเราก็น่าเศร้าเช่นนี้เอง
นางแค่นเสียงฮึดฮัด พูดเสียงึมงำ "พี่หญิง ท่านไม่อยากรู้บ้างหรือ?"
อิ้งเยว่ตอบอย่างหนักแน่น "ไม่เลย"
เพียงแต่เมื่อเฉียวเยว่ไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินซูเอ้อหลางร้องไห้เสียงดัง "น้องสาม เ้าต้องช่วยข้าด้วย ให้ข้ายืมเงินหน่อยเถอะ"
เฉียวเยว่ถึงกับสะดุด ที่แท้ท่านลุงรองมาร้องไห้ที่นี่ก็เพื่อขอยืมเงิน
คนอย่างท่านลุงรองก็เป็ตัวละครที่ฆ่าไม่ตายเช่นเดียวกัน
"พี่รองครั้งนี้เพราะเื่อันใดอีกเล่า" ซูซานหลางยังคงสุขุมสง่างามไร้ที่ติ
"ที่ตรอกเยียนฮวาข้า..." ยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินซูซานหลางเอ่ยเสียงเข้ม "ซูเฉียวเยว่ หากยังไม่ไปอีก ข้าจะตีขาสุนัขของเ้าให้หักไปเลย"
เฉียวเยว่ยู่ปากทำแก้มป่อง (○`3′○)
อิ้งเยว่จูงเฉียวเยว่กลับห้องแล้ว ก็หันมามองอวิ๋นเอ๋อร์ซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตูกำชับว่า "เฝ้าเ้าลิงน้อยให้ดี นางไม่อยู่นิ่งเฉยแน่"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองได้รับความไม่เป็ธรรมอย่างแท้จริง
พี่สาวมีวิชาความรู้ที่ต้องศึกษาเยอะมาก ไม่มีเวลามาขลุกอยู่กับเฉียวเยว่ที่นี่มากนัก ไม่ช้านางก็ไป
เฉียวเยว่เดินหน้าบูดมาที่ตั่ง กล่าวว่า "ข้าอารมณ์ไม่ดี"
อวิ๋นเอ๋อร์ยิ้มตาหยี "เช่นนั้นบ่าวพาท่านไปจับผีเสื้อในจวนดอกไม้ดีหรือไม่เ้าคะ?"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะยอม
นางดูเป็คนโง่ตะล่อมง่ายนักหรือ!
"ข้าไม่ไป ข้าจะใคร่ครวญเื่อนาคต"
แม่หนูน้อยตัวกลมวัยห้าขวบจะใคร่ครวญเื่อนาคตอันใด นี่ล้อเล่นกันใช่หรือไม่!
อวิ๋นเอ๋อร์ยังคงโอนอ่อน ไม่พูดถึงเื่อื่น แต่ถามว่า "เช่นนั้นกินเนื้อหรือไม่? วันนี้โรงครัวทำหมูสับนึ่งแป้ง อร่อยมาก เนื้อไม่ติดมัน นุ่มหอมน่ากิน เป็ฝีมือของสวี่อี๋เหนียงลงมือทำด้วยตนเอง ท่านก็รู้ ครอบครัวของนางเดิมทีเปิดหอสุรา นางจึงทำอาหารเก่งมาก"
สวี่อี๋เหนียงผู้นี้เป็อนุภรรยาของท่านปู่ แม้จะบอกว่าเป็อนุ แต่ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีลับลมคมในบางอย่าง
แม้แต่ซาลาเปาน้อยเฉียวเยว่ยังรู้ นับั้แ่ตนเองรู้ความเป็ต้นมา ก็ไม่เคยเห็นท่านปู่ไปหาสวี่อี๋เหนียงสักครั้ง ส่วนสวี่อี๋เหนียงก็จะมาปรากฏตัวข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเฉพาะ่ที่มีงานเทศกาล ส่วนเวลาอื่นๆ ก็มักจะอยู่แต่ในเรือนอย่างสันโดษ มีทำอาหารมากำนัลแด่ทุกคนเป็ครั้งคราว
โดยพื้นฐานแล้ว คนผู้นี้คล้ายไม่มีตัวตน
แต่เฉียวเยว่รู้ ฝีมือการทำอาหารของสวี่อี๋เหนียงผู้นี้ดีเลิศ
นางถูกดึงดูดความสนใจทันที "ข้ากิน ข้ากิน"
ส่วนเื่ใคร่ครวญถึงอนาคตเอาไว้วันหลังค่อยว่ากัน!
เด็กหญิงตัวน้อยกินอย่างอิ่มหมีพีมัน ตอนเย็นก็ลูบท้องน้อยๆ ออกมาเดินเล่นในสวน จะโทษว่านางกินเยอะไม่ได้ ตอนนี้อวิ๋นเอ๋อร์ยังไม่ได้รับคำเตือนจากบิดา หากได้รับคำสั่ง เป็ไปได้ถึงแปดส่วนว่าคงไม่ให้นางกินขนาดนี้
ควบคุมกระทั่งปากท้องของซาลาเปาน้อยวัยห้าขวบ คนครอบครัวนี้ไร้ทางเยียวยาแล้ว
เฉียวเยว่ค่อนขอดในใจขณะเดินวนไปรอบสวน
"เมี้ยว... เมี้ยว..." เสียงแมวร้องแว่วมา เฉียวเยว่รีบค้นหา ในเรือนของพวกเขาไม่มีใครเลี้ยงแมว
เสี่ยวฉีอันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ะโออกมา เป็เขาเองที่ทำเสียงแมวร้อง "เมี้ยว... เมี้ยว..."
เฉียวเยว่กลอกตาใส่เขา "เ้ามาทำอะไร"
เสี่ยวฉีอันทำสีหน้าภาคภูมิใจ "ข้าก็มาแจ้งข่าวลับให้เ้าน่ะสิ"
เฉียวเยว่ตอบอื้ม มองเขาอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าน้องชายจะพูดอะไร
เสี่ยวฉีอันทำสีหน้าจริงจัง "ข้าแอบได้ยินมาว่าท่านพ่อให้เ้าลดความอ้วน"
ใบหน้าดวงน้อยของเฉียวเยว่พลันห่อเหี่ยว แลดูน่าสงสาร "ข้ารู้หมดแล้ว ที่ไหนมีการบีบบังคับ ที่นั่นย่อมมีการต่อต้าน อย่างไรเสียข้าก็จะกินเสียอย่าง"
เสี่ยวฉีอันยิ้มตาหยี "เ้าน่าสงสารจริงๆ"
เฉียวเยว่ยู่ปาก "ดังนั้นเ้าก็เลยมาหัวเราะเยาะข้าหรือ?"
เสี่ยวฉีอันยืดอก "ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเป็น้องชายแท้ๆ ของเ้านะ"
เฉียวเยว่รู้สึกน้อยอกน้อยใจ "่นี้มีแต่เื่ติดขัดไปหมด"
เสี่ยวฉีอันพยักหน้า เขาก็รู้สึกเหมือนกัน
"เฉียวเฉียว เ้าว่าพวกเราควรไปไหว้พระหรือไม่?" เสี่ยวฉีอันเอ่ยอย่างจริงจัง "ข้าได้ยินว่าหากคนโชคไม่ดีต้องไหว้พระขอพร คงถึงเวลาที่พวกเราพี่น้องต้องไหว้พระขอพรกันแล้วล่ะ"
...
[1] สยงเมา หมายถึงหมีแพนด้า
[2] ชั่งหรือจินเป็หน่วยบอกน้ำหนักของจีน มีค่า 500 กรัม
[3] เชลดอนเป็ตัวละครนำในละครซิตคอมเื่ The Big Bang Theory เชลดอนเป็อัจฉริยะที่มีความจำดีเยี่ยม แต่เขามีปัญหาเื่การเข้าสังคม ไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใช้ชีวิตตามแบบแผนเป๊ะๆ
[4] ตบสะโพกม้า หมายถึงการสอพลอ ประจบประแจง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้