หนิงมู่ฉือชะงักนิ่งไป “หรือแม่ทัพเจียงจะมีแผนใดซ่อนไว้”
เฉินเหว่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเต็มไปด้วยความเ็ปที่ยากจะเข้าใจ “ปีนั้นตอนที่ข้าถูกต่างแคว้นจับตัวไปเป็ฝีมือคนใน ข้าเองก็สงสัยแม่ทัพเจียงเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน”
จ้าวซีเหอกระตุกยิ้มมุมปาก แววตาดอกท้อเต็มไปด้วยความเ้าเล่ห์ “แม้ข้ากับแม่ทัพเจียงจะไม่ค่อยสนิทกัน แต่ข้าสนิทกับบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอก เจียงเย้หนานของเขาดี”
“หมายความว่าอย่างไร” หนิงมู่ฉือยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาให้แห้งเหือดก่อนจะเอาลง
แววตาของจ้าวซีเหอเต็มไปด้วยประกายที่ยากจะคาดเดา สีหน้ามีแค่ความระอา “เจียงเย้หนานเป็สตรีที่ขึ้นชื่อว่ามีความสามารถมากมายและมีชื่อเสียงในเมืองหลวง ข้าคอยตามเกี้ยวพานางอย่างยากลำบากอยู่นาน ทว่านางกลับไม่แม้แต่จะชายตามองข้า”
หนิงมู่ฉือมองจ้าวซีเหออย่างตกตะลึง “ข้าเองก็เคยได้ยินเื่นี้เช่นกัน!”
สีหน้าจ้าวซีเหอเปลี่ยนเป็เก้อเขิน ใบหน้าขึ้นสีเข้ม “เ้ารู้เื่นี้ได้อย่างไร”
หนิงมู่ฉือยกมือลูบศีรษะ ยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง “ข้าแค่บังเอิญได้ยินเท่านั้น ตอนนั้นผู้คนล้วนพูดกันว่าคุณหนูเจียงอยากจะเข้าไปเป็พระสนมในวัง”
“ฮึ แม่ทัพเจียงผู้นี้ช่างมีจิตใจทะเยอทะยานนัก ถึงกับใช้บุตรสาวของตัวเอง” น้ำเสียงของเฉินเหว่ยเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้แต่คิ้วยังขมวดเป็ปมแน่น
“เหตุใดถึงคิดเช่นนี้” จ้าวซีเหอยกมือลูบคางอย่างไม่เข้าใจ
เฉินเหว่ยลุกขึ้นยืน หยิบหมวกที่สวมอยู่ออก เขามองหมวกอย่างทะนุถนอมพร้อมกับเอ่ยว่า “ใช้ลูกสาวเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ก็เหมือนกับที่จงใจปล่อยให้ต่างแคว้นมาจับตัวข้าไปในปีนั้น”
หนิงมู่ฉือถอนหายใจออกมา ไม่คิดเลยว่าในใต้หล้านี้จะมีบิดาที่เห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้ “ท่านอาเฉินกำลังจะหมายความว่า แม่ทัพเจียงผู้นี้มีจิตใจไม่ภักดี?”
“แต่ที่น่าสงสัยคือ ท่านแม่ทัพหนิงเพิ่งจะ… เฮ้อ แม่ทัพเจียงก็กลายเป็แม่ทัพใหญ่ทันที เื่นี้มันน่าแปลก”
จ้าวซีเหอขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ่ที่หนิงมู่ฉือไม่อยู่ที่เมืองหลวง เขาสืบข่าวเกี่ยวกับพวกขุนนางได้ไม่น้อย ยกยิ้มมุมปากอย่างเ็าพลางเอ่ยว่า “น่ากลัวว่าแม่ทัพเจียงน่าจะถูกหลอกใช้เช่นเดียวกัน เื่นี้ไม่น่าง่ายเยี่ยงที่พวกเราคิด”
เฉินเกอที่เงียบอยู่นานเอ่ยออกมา “สกุลเฉินของข้าก็ถูกยุยงเช่นกัน”
“สกุลเฉิน? เ้าคือคนของสกุลเฉินหรือ บุตรชายของเฉินฮวน?” เฉินเหว่ยมีสีหน้าใ ด้วยไม่คาดคิดว่าเฉินเกอจะเป็บุตรชายของเฉินฮวน นึกถึงตอนนั้น เฉินฮวนและหนิงจื้อหย่วนได้ชื่อว่าเป็มือซ้ายมือขวาของฮ่องเต้ เพียงแต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็เพราะเหตุใด เฉินฮวนจึงเลือกที่จะออกไปใช้ชีวิตอย่างสงบในป่า
เฉินเกอไม่คาดคิดว่าเฉินเหว่ยจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัยออกไป “ท่านอารู้จักท่านพ่อของข้าด้วยหรือ”
เฉินเหว่ยถอนหายใจออกมาด้วยแววตาเศร้าสลด “พูดถึงเื่นี้ข้าก็ละอายใจนัก ตอนนั้นแม่ทัพเฉินมีชื่อเสียงโด่งดังมาก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใดจู่ๆ ถึงขอลาออกจากราชการ พอฮ่องเต้ทราบเื่นี้ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก ต่อมาแม่ทัพหนิงก็ได้เลื่อนตำแหน่ง ตอนนั้นมีคนลือว่าเป็เพราะแม่ทัพหนิงวางแผนเล่นงานแม่ทัพเฉิน”
เฉินเกอลุกขึ้นยืน เขาเองก็รู้เื่นี้เช่นกัน เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยออกไป “เช่นนั้นท่านอารู้หรือไม่ว่า ท่านพ่อของข้าถูกผู้ใดเล่นงาน ท่านพ่อของข้าถูกคนบังคับให้ออกจากราชการ”
“เื่นี้ข้าเองก็ไม่รู้”
คิ้วของจ้าวซีเหอกระตุกเล็กน้อย ตอนนี้เสื้อผ้าเขาเกือบจะแห้งดีแล้ว เขามองออกไปด้านนอก เวลานี้ฝนได้หยุดตกแล้ว เขายิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ดูท่าในราชสำนักจะไม่ได้มีขุนนางที่ไม่ภักดีแค่คนสองคน น่ากลัวว่าลำดับต่อไปคนที่จะเดือดร้อนน่าจะเป็คนที่สนับสนุนแม่ทัพหนิง”
“ไม่ได้! จะปล่อยให้เื่แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!” หนิงมู่ฉือลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
จ้าวซีเหอจงใจพูดกระตุ้นหนิงมู่ฉือ เมื่อเห็นว่าได้ผล เขาก็ยิ้มอย่างชอบใจ
เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเช่นกัน มีเพียงเฉินเกอคนเดียวเท่านั้นที่มีสีหน้าราบเรียบ
เฉินเหว่ยมีสีหน้าดีใจ มองใบหน้างดงามของหนิงมู่ฉือพร้อมกับเอ่ยว่า “คุณหนู ข้าจะพาท่านไปที่แห่งหนึ่ง”
“ท่านอาเฉินอย่าลำบากเลย เมื่อครู่นางบอกแล้วว่านางไม่อยากแก้แค้น” จ้าวซีเหอเหลือบมองหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าเ็า แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หนิงมู่ฉือได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงตามเดิม นางมองจ้าวซีเหอด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยอธิบายอย่างร้อนรนว่า “นั่นเป็เพราะข้า… ความจริงแล้วข้า…” อึกอักอยู่นาน สุดท้ายก็พูดไม่ออก
จ้าวซีเหอแค่นเสียงฮึ “หากเ้าอยากแก้แค้นก็ตามข้ากลับไป ข้าขอไม่ปิดบัง ที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อมาตามเ้า ข้าคิดอย่างไรเ้ายังไม่รู้อีกหรือ”
หนิงมู่ฉือหน้าแดงเรื่อ มองจ้าวซีเหออย่างไม่อยากจะเชื่อ ด้านเฉินเกอลุกขึ้นยืนอย่างทำหน้าไม่ถูก ก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้าโมโห เมื่อออกมาด้านนอกก็ชักดาบออกมากวัดแกว่งไปมาเพื่อให้จิตใจสงบ
หนิงมู่ฉือถลึงตาโตใส่จ้าวซีเหอ จากนั้นหันไปมองเฉินเกออย่างไม่วางใจพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“ข้าไม่อยากกลับไป”
เฉินเหว่ยถอนหายใจ “คุณหนู ท่านจะปล่อยให้สกุลหนิงไม่ได้รับความเป็ธรรมเช่นนี้หรือ ในเมื่อคุณหนูยังคงคิดแบบนี้ ข้าก็จะพาท่านไปที่แห่งหนึ่ง”
“ที่ใดหรือ” หนิงมู่ฉือถามด้วยความสงสัย
“ท่านตามข้ามาเถิด” เฉินเหว่ยลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำหน้าออกไป โดยมีจ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือเดินตามออกไปอย่างสงสัยใคร่รู้
“เหตุใดเล่า เ้ากลัวหรือ หากเ้าไม่กลับไป สิ่งที่เ้าพยายามทำในหนึ่งปีมานี้ก็จะไร้ความหมาย ใช่แล้ว ข้าลืมบอกเ้าไปเลย ผู้คุ้มกันของเ้า...หลินมู่ ตอนนี้ไปทำงานอยู่ในจวนแม่ทัพเจียง”
“ว่ากระไรนะ!” หนิงมู่ฉือไม่เคยคิดว่าหลินมู่จะทรยศนาง นางทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หลินมู่ไปทำงานที่จวนแม่ทัพเจียงได้อย่างไร”
สีหน้าจ้าวซีเหอแสดงความสงสัยสงสัยเช่นกัน คิ้วขมวดเป็ปมแน่น “เื่นี้เหมือนจะมีลับลมคมในซ่อนอยู่ เ้ายินยอมที่จะตามข้ากลับไปหรือไม่เล่า” จ้าวซีเหอเอ่ยถามด้วยสีหน้ารอคอย ซึ่งหวังว่าหนิงมู่ฉือจะให้คำตอบแก่เขาได้