ดวงตาสีดำทอประกายเจิดจ้าของมู่หรงอวี้เป็ดั่งกระบี่แหลมอันเย็นเยียบ “คุณชายจิน เมื่อครู่เปิ่นหวางได้กล่าวไปแล้ว ในวินาทีสุดท้าย ไม่แน่ว่าเ้าอาจจะแพ้จนย่อยยับก็เป็ได้”
คุณชายชุดทองพูดเสียงกร้าว “เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าผู้ใดจะยิ้มเป็คนสุดท้าย”
แล้วการต่อสู้อันดุเดือดก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง สายลมนอกเมืองในยามค่ำคืนม้วนตัวขึ้น
มู่หรงฉือยืนอยู่ด้านข้าง มองลูกน้องทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันวุ่นวายไปหมด นางมองมู่หรงอวี้ กุ่ยหยิง และอู๋หยิงร่วมมือกันรับมือคุณชายจิน
“สามต่อหนึ่ง อวี้หวางช่างน่าไม่อาย” คุณชายจินหัวเราะ
“แม้เปิ่นหวางจะไม่ค่อยอยากใช้คนมากรังแกคนน้อยเท่าไหร่ แต่โลกใบนี้ก็ไม่ค่อยจะยุติธรรมอยู่แล้ว คุณชายจินจะโกรธแค้นก็คงได้แต่โกรธแค้นที่โชคไม่ดีแล้ว” มู่หรงอวี้โยนคำพูดก่อนหน้านี้ของอีกฝ่ายคืนกลับไป
นางหัวเราะพรืด จริงของเขา คุณชายจินไร้คุณธรรม พวกเขาก็ไม่จำเป็ต้องยึดมั่นในคุณธรรมต่อเขาเช่นกัน อีกอย่าง คุณชายจินทำร้ายราษฎรเป่ยเยี่ยนไปมากมาย ต้องใช้วิธีอะไรมาจับเขาก็ไม่เกี่ยงแล้ว
มู่หรงอวี้ กุ่ยหยิง และอู๋หยิงร่วมมือกันรับมือศัตรู ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี จัดการจนคุณชายชุดทองไร้กำลังจะโต้กลับ
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่าฝีมือของกุ่ยหยิงกับอู๋หยิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เก่งกว่านางอยู่มากโข
ก็ถูก สามารถเป็องครักษ์ของมู่หรงอวี้ได้ย่อมจะต้องมีจุดที่เหนือกว่าคนธรรมดาอยู่บ้าง
ถึงแม้มู่หรงอวี้จะได้รับาเ็สาหัส พิษเข้าโจมตีหัวใจ แต่สามคนรวมกันเป็สามทาง ล้อมคุณชายชุดทองเอาไว้ตรงกลางเหมือนจับปูใส่กระด้ง
แสงจันทร์ค่ำคืนนี้ส่องสว่าง ดวงดาวพราวระยับท่ามกลางรัตติกาลที่แผ่ไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด แสงสีขาวซัดอยู่กลางอากาศราวคลื่นโหมกระหน่ำ
หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยกระบวนท่า ในที่สุดคุณชายชุดทองก็ล้มลงกับพื้นหญ้าอย่างแรง กระอักโลหิตสดๆ ออกมา
กุ่ยหยิงพุ่งเข้าไปจับคนอย่างรวดเร็วประหนึ่งภูติผี จากนั้นทำการสกัดจุดใหญ่ๆ ตามร่างกายของเขาจนทั่วไม่ให้ขยับตัวได้อีก
จากนั้นพวกเขาก็มัดคุณชายชุดทองแล้วนำตัวกลับเมืองหลวง
ส่วนคนของคุณชายชุดทองเ่าั้ พวกเขาสังหารคนที่ต่อต้านจนหมดสิ้น แล้วจับตัวคนที่ยอมจำนนกลับไป
พวกเขาเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว มู่หรงฉืออยากขี่ม้าคนเดียว แต่มู่หรงอวี้ได้รับาเ็สาหัส มึนๆ เบลอๆ ไม่มีเรี่ยวแรงบังคับม้าได้ นางจึงทำได้เพียงให้เขานั่งอยู่ข้างหลังตน เขากอดนางไว้แน่น น้ำหนักครึ่งหนึ่งกดทับลงมาที่นาง
เมื่อเป็เช่นนี้ ตลอดการเดินทางนางเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะกระอักเืออกมาอยู่รอมร่อ
หลังจากถามไปถามมานางถึงได้รู้ว่า ก่อนที่กุ่ยหยิงกับอู๋หยิงจะมาถึงบึงเสวียนเยว่พวกเขาได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องไว้ว่า หากผ่านไปสองชั่วยามแล้วท่านอ๋องยังไม่กลับเมืองหลวงให้พวกเขาออกมาตามหา พวกเขามาที่บึงเสวียนเยว่แล้วแต่กลับหาท่านอ๋องไม่พบ ยังดีที่เห็นสัญลักษณ์ที่ท่านอ๋องทิ้งเอาไว้ ถึงได้ตามมาจนเจอที่นี่
นางถึงได้รู้ว่ามู่หรงอวี้ได้เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว ทั้งยังวางแผนเอาไว้อย่างรัดกุม
เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายจึงพาคนไปบึงเสวียนเยว่เพียงยี่สิบกว่าคน
เพียงแต่ั้แ่แรกเริ่มก็เกิดเื่ราวไม่คาดฝันขึ้นมากมาย อีกทั้งพวกเขายังได้รับาเ็
ครั้นกลับมาถึงจวนอวี้หวาง กุ่ยหยิงและอู๋หยิงหามเขาตรงไปยังห้องบรรทม แต่ก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายไปเขากวักมือเรียกนาง นางจึงเดินเข้าไปได้ยินเขาพูดเสียงแ่ : “ต้องรีบจัดการคุณชายจิน ตัดเอวเขาต่อหน้าทุกคนเสีย”
มู่หรงฉือเองก็มีความคิดเช่นนี้ คุณชายจินน่าหวาดหวั่นเกินไป การตัดเอวคุณชายจินต่อหน้าราษฎรเป็การแสดงอำนาจพร้อมตักเตือนแคว้นหนานเยว่ไปในที
เพียงแต่ตอนนี้เป็เวลากลางคืน การปะาต่อหน้าผู้คนจึงต้องจัดขึ้นในตอนกลางวันของพรุ่งนี้
มู่หรงอวี้พูดจบก็หมดสติไป กุ่ยหยิงกับอู๋หยิงรีบพาเขารุดไปที่ห้องบรรทมทางตำหนักหลังทันที จวนหวางโกลาหลวุ่นวายในทันใด
ส่วนนางที่ยืนอยู่หน้าประตูจวนกำลังตกอยู่ในอารามใ ครั้นเริ่มตั้งสติได้จึงเดินเข้าไปด้านใน
พ่อบ้านหลินพาหมอประจำจวนพร้อมนางกำนัลวิ่งไปยังเรือนหลัง มู่หรงฉือเดินไปพลางครุ่นคิด เวลานี้จวนอวี้หวางขาดเ้านายที่เป็หัวใจสำคัญ เื่คุณชายชุดทองยังต้องเตรียมการให้ดี ยังมีเื่มากมายต้องให้นางเป็ผู้ตัดสินใจ นางยังไม่อาจกลับตำหนักบูรพาได้ในเวลานี้
นอกห้องบรรทม นางดื่มชาพลางครุ่นคิด หากเป็มู่หรงอวี้ เขาจะเอาตัวคุณชายชุดทองไปขังไว้ที่ใด?
คุณชายชุดทองลอบขายฝิ่นในเมืองหลวง ลอบซื้ออาวุธทหารที่กองทัพตรวจสอบอาวุธสร้างขึ้น จะต้องทำการค้าขายมานานหลายปี รากฐานของกิจการจะต้องล้ำลึกพอสมควร ทั้งคนทั้งม้าย่อมมีไม่น้อย บรรดาลูกน้องเ่าั้ของเขาจะต้องหาวิธีช่วยเหลือเขาแน่นอน เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็ศาลต้าหลี่หรือห้องขังของกรมราชทัณฑ์ก็คงจะขังเขาเอาไว้ไม่ได้
นางเรียกกุ่ยหยิงออกมาแล้วถาม “ท่านอ๋องเป็อย่างไรบ้าง?”
“หมอประจำจวนกำลังรักษาท่านอ๋อง โชคดีที่ท่านอ๋องทานยาแก้พิษเข้าไปก่อนจึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เพียงแต่ท่านอ๋องได้รับาเ็หนัก จะต้องพักรักษาตัวหลายวันพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบกลับแล้วรู้สึกตำหนิตัวเองเป็อย่างมาก หากเขาหาท่านอ๋องพบไวกว่านี้ ท่านอ๋องก็คงจะไม่ได้รับาเ็หนักถึงเพียงนี้
“หากท่านอ๋องจะคุมขังนักโทษที่สำคัญมากคนหนึ่ง จะขังเอาไว้ที่ใด?”
“กระหม่อม...ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“จวนหวางมีห้องขังหรือไม่?”
“...มีพ่ะย่ะค่ะ” ทันใดนั้นกุ่ยหยิงก็รู้สึกว่าองค์รัชทายาทเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
มู่หรงฉือจมอยู่กับความคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดข้างหูเขา “เอาคุณชายชุดทองไปขังเอาไว้ที่ห้องขังใต้ดิน เ้ารวบรวมองครักษ์ที่มีฝีมือที่สุดในจวนมาลอบเฝ้าเอาไว้ ส่วนลูกน้องที่เหลือเ่าั้เ้าก็ส่งไปที่ห้องขังของกรมราชทัณฑ์ เอาเสื้อผ้าของคุณชายชุดทองสวมให้หนึ่งในนั้น สวมรอยเป็คุณชายชุดทองเสีย”
เขาประสานมือเข้าด้วยกันรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทผู้นี้ไม่ได้เื่ที่ใดกัน? เฉลียวฉลาดพอๆ กับท่านอ๋องเสียด้วยซ้ำ
จากนั้นนางก็เข้าไปดูมู่หรงอวี้ หมอประจำจวนกำลังพันแผลให้เขา
มู่หรงอวี้นอนอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งสองปิดสนิท ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดทั้งยังเขียวคล้ำเล็กน้อย ภายใต้แสงเทียนสีแดงที่ส่องลงมายิ่งขับให้สีหน้าของเขาน่าใ ราวกับคนที่ตายไปแล้วอย่างนั้น
นางคิดถึงภาพตอนอยู่หน้าประตูจวน เขาฝืนทนมานานถึงเพียงนั้น กระทั่งถึงหน้าประตูจวน หลังจากสั่งงานนางเสร็จถึงได้วางใจแล้วหมดสติไป ตลอดทางมานี้เขาคงฝืนทนลำบากเป็อย่างมากเป็แน่
หากเขาตายไปจริงๆ หัวใจของนาง…ก็แอบหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย หากเขาตายไป เช่นนั้นแคว้นเป่ยเยี่ยนจะทำอย่างไร?
แน่นอนราชสำนักย่อมวุ่นวายขึ้นมา แต่ละกลุ่มอำนาจแย่งชิงห้ำหั่นกัน นางมีความสามารถพอจะหยุดยั้งหรือไม่? มีความสามารถพอที่จะทำให้ราชสำนักมั่นคงได้หรือ?
ยังมีบรรดาราษฎรอีกเล่า เทพาที่ชาวเป่ยเยี่ยนภาคภูมิเคารพนับถือสิ้นใจไป แคว้นต่างๆ ย่อมไม่เกรงกลัวแคว้นเป่ยเยี่ยนอีก อีกทั้งความลับของอาวุธของแคว้นยังถูกแพร่งพรายออกไป แคว้นตงฉู่กับแคว้นหนานเยว่ที่ร่วมมือกันอยู่จะต้องไปดึงแคว้นซีฉินมาเข้าร่วมแล้วยกกองทัพมาโจมตีแคว้นเป่ยเยี่ยน ถึงตอนนั้นเมื่อถูกทั้งสามแคว้นเข้ากระหนาบโจมตี นางที่เป็องค์รัชทายาทจะมีความสามารถในการออกรบหรือไม่
เวลานี้วินาทีนี้ แผ่นหลังของนางเย็นเยียบ ทั่วทั้งร่างแข็งทื่อไปหมด
คิดไม่ถึงว่าที่แคว้นเป่ยเยี่ยนแข็งแกร่งและทำให้แคว้นต่างๆ หวั่นเกรงนั้นเป็เพราะมีมู่หรงอวี้เป็คนควบคุม ปกป้อง เป็เสาหลักอยู่เพียงผู้เดียว ชื่อเสียงที่เล่าลือกันนั้นไม่ได้แต่งขึ้นมาเลยแม้แต่นิด
ในตอนที่มองสำรวจมู่หรงอวี้อีกครั้ง มู่หรงฉือก็ได้ผลสรุปที่น่าใเช่นนี้ขึ้นมา นางทั้งรู้สึกใและย่ำแย่ ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเป็กังวลดี
นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป นางจะต้องขยันมากขึ้นจะได้กลายเป็คนเช่นเขา เป็ผู้ที่จะเป็เสาหลักของแคว้นเป่ยเยี่ยนได้
“ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลถึงชีวิตใช่หรือไม่?” นางถามหมอประจำจวน
“เตี้ยนเซี่ยโปรดวางใจ ท่านอ๋องไม่มีอะไรให้น่ากังวลถึงชีวิตพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่าแสาหัสยิ่งนัก ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ” หมอประจำจวนตอบ
“เ้าไปต้มยาก่อนเถิด”
“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
หมอประจำจวนถอยออกไป มู่หรงฉือนั่งลงข้างเตียง มองเขาเงียบๆ ในใจคิดแล้วคิดอีก
นางกำนัลสองคนยกน้ำอุ่นเข้ามาเพื่อเช็ดตัวให้เขา
นางเดินออกไปนอกห้อง ให้นางกำนัลนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเริ่มทาน
เรี่ยวแรงถูกใช้ไปจนหมดสิ้น นางจะต้องเพิ่มกำลังกายกลับมา จากนั้นต้องเตรียมชำระกายผลัดเสื้อผ้า พรุ่งนี้ยังมีเื่ให้ทำอีกมากมาย
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วนางก็เข้าไปดูเขาอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปที่ห้องด้านข้างแล้วสั่งให้ฉินรั่วปรนนิบัตินางชำระกาย
หลังจากอาบน้ำผลัดเสื้อผ้าแล้วนางก็ไปดูเขาอีก เขาทานยาไปแล้วแต่ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา นอนหลับลึกราวกับจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
ฉินรั่วให้นางกำนัลทั้งหมดออกไป ส่วนตัวเองคอยอยู่นอกห้อง
มู่หรงฉืออดยื่นมือไปลูบคิ้วเรียวของเขาไม่ได้ แล้วค่อยๆ ลากนิ้วระมาตามจมูกโด่ง ลูบริมฝีปากที่เย็นเล็กน้อย…เขานอนหลับลึกถึงเพียงนี้ ถอดความดุร้ายในยามปกติลง เปิดเผยด้านที่อ่อนแอไร้พิษสง แต่กลับไร้ซึ่งชีวิตชีวา
มู่หรงอวี้ ท่านยังจะตื่นขึ้นมาใช่หรือไม่?
หากพรุ่งนี้ท่านตื่นขึ้นมา ท่านจะทำอย่างไรเพื่อรับรองว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด?
มีคนเคาะประตู
เป็ฉินรั่วเข้ามารายงาน “เตี้ยนเซี่ย กุ่ยหยิงขอเข้าเฝ้าเพคะ”
มู่หรงฉือออกมาข้างนอก ก่อนจะให้เขาเข้ามา
กุ่ยหยิงประสานมือคำนับแล้วรายงาน “เตี้ยนเซี่ย ทั้งหมดได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคนมาปล้นนักโทษระหว่างทางพ่ะย่ะค่ะ”
“คืนนี้ต้องลำบากเ้ากับอู๋หยิงแล้ว เพิ่มการลาดตระเวนรอบๆ จวนด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เห็นเขาถอยออกไปแล้วนางก็พูดอีก “ช้าก่อน”
กุ่ยหยิงหมุนตัวกลับมา “เตี้ยนเซี่ยยังมีอะไรรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เปิ่นกงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เ้าพาเปิ่นกงไปที่ห้องขังใต้ดินที เปิ่นกงจะไปเจอคุณชายชุดทองด้วยตัวเอง” ดวงตาของมู่หรงฉือปรากฎความดุร้าย
“พ่ะย่ะค่ะ”
กุ่ยหยิงพาเตี้ยนเซี่ยไปยังห้องขังใต้ดิน ทางเข้าอยู่ที่ห้องตำรา เมื่อเข้ามาภายในห้องตำรา เขาหยิบหนังสือที่อยู่ตรงช่องที่สี่จากชั้นที่สามออกมาทั้งหมด เผยให้เห็นกลไกที่ซ่อนอยู่ เขากดมันลงไปก่อนที่จะเกิดเสียงดังขึ้น กำแพงสีขาวเผยให้เห็นช่องๆ หนึ่ง
นางครุ่นคิด ที่แท้ทางเข้าคุกใต้ดินก็อยู่ที่นี่
เขาเดินนำเข้าไปก่อน นางเดินตามหลังไป
คุกใต้ดินเป็ห้องที่ทำขึ้นจากหิน แต่การออกแบบห้องนั้นงดงามมาก สามารถใช้เป็ที่พักได้
เมื่อเดินลงบันไดมาก็ััได้ถึงไอเย็นที่เข้าปะทะ นางจดจำสภาพแวดล้อมรอบๆ เอาไว้ในใจ
เดินมาได้สักพักก็ผ่านห้องหินห้องหนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงห้องที่ขังคุณชายชุดทองเอาไว้
นางรู้สึกได้ว่าที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องทรมานและอาวุธา บรรยากาศเต็มไปด้วยไอสังหารเข้มข้น
เมื่อประตูหินเปิดออก พวกเขาก็เดินเข้าไปด้านใน คุณชายชุดทองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ทั้งยังถูกจับกรอกยาขจัดกำลังภายใน ยากที่เขาจะหลบหนีออกไปได้
เขานอนตะแคงตัวงอ แม้จะได้ยินเสียงแต่กลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองว่าเป็ผู้ใดที่เข้ามา
มู่หรงฉือจ้องมองเขาด้วยสายตาเ็า ก่อนที่ไฟโทสะจะปะทุขึ้น
คิดถึงบรรดาคนบริสุทธิ์ที่ต้องตายไป คิดถึงเหล่าขุนนางที่ถูกฝิ่นทำให้สิ้นชีพไปเ่าั้ คิดถึงความลับของอาวุธที่ถูกแพร่งพรายออกไปแล้ว ไฟโทสะที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นก็ลุกโชนขึ้น
ต่อให้เขาตายไปกี่พันกี่หมื่นครั้งก็ไม่เพียงพอให้ระบายความชิงชังนี้!
“องค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยว่ เยว่จิ่งเฉิน”
น้ำเสียงอันเ็าของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
คุณชายชุดทองลืมตาขึ้นทันที ดวงตาราวอสรพิษจับจ้องไปที่นาง ทันใดนั้นเขาก็ยกยิ้มน้อยๆ “องค์รัชทายาทรู้ได้อย่างไรว่าข้าคือองค์ชายสาม?”
มู่หรงฉือไม่ตอบ ส่งสายตาให้กุ่ยหยิง
ใบหน้าอันหล่อเหลา ผิวขาวราวกระเบื้องสะท้อนเข้าสู่สายตาของนาง คิ้วเชิดแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจที่แผ่มาจากกระดูก ทั้งๆ ที่กำลังคลี่ยิ้มแต่กลับชั่วร้ายจนทำให้คนหวาดหวั่น
เขาจ้องมาที่นางด้วยรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจ “หน้าตาของข้าคงไม่ได้ทำให้องค์รัชทายาทผิดหวังกระมัง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้