ทุกจังหวะ ทุกสายตา คือการยอมรับในตัวเขา และในกันและกัน ไม่มีความหึงหวง ไม่มีการแข่งกัน ไม่มีใครเหนือใคร มีแต่ความเข้าใจ…และความเร่าร้อนที่พอดีเหมือนแสงเทียนกลางป่า
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างไร้กรอบ...แต่ปพนต์เพิ่งเคยทายถูกเพียงครั้งเดียว เขาจึงเป็ฝ่ายที่ถูกทำโทษเป็หลัก และต้องเป็ผู้เติมเชื้อไฟรักให้สาวๆ แต่ละคนจนแทบจะหลอมละลายภายใต้มือและปากของเขา
ก่อนจะจบลงด้วยการที่ให้ปพนต์เอนนอนลงกลางวง ปล่อยให้ห้าสาวเป็ผู้ควบคุม แต่ละนางขยับโยกตามแรงปารถนาของหัวใจอย่างอิสระเสรี จนกระทั่งความร้อนในกายเขาถูกปลดปล่อย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนแห้งเหือด...
ทุกคนนอนพิงกันในความเงียบที่อบอุ่น มีเพียงเสียงจักจั่นกับสายลม ปพนต์ลืมตามองขึ้นไปบนหลังคาผ้าโปร่งของตัวเรือน ทะลุขึ้นไปในความเวิ้งว้าง เห็นดวงดาวระยิบระยับอยู่เต็มฟ้า
มารตีกระซิบที่ข้างหูสามีในความมืด “พี่ทำให้พวกเขารู้สึกว่า…การร่วมรักพร้อมๆ กันหลายๆ คน ไม่ได้แปลว่ารักไม่จริง…”
ปพนต์ยิ้ม ไม่ตอบอะไร แต่รู้ว่าหัวใจของเขา...กำลังเปิดกว้างกว่าเดิม
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหย และกลิ่นคาวแปลกๆ ยังลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ แม้กิจกรรมรักที่เร่าร้อนจะดำเนินผ่านมาพักใหญ่แล้ว แต่ความอ่อนโยนที่ซึมลึกในอารมณ์…ยังไม่จางหายไป
ปพนต์เอนกายที่อ่อนล้าลงข้างๆ มารตี หญิงสาวที่เขารัก และเข้าใจในแบบที่คำพูดอธิบายไม่หมด คืนนี้เธอสวยมาก ดวงตาเธอสว่างขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และรอยยิ้มของเธอ…ก็เต็มไปด้วยความกล้า ความสุข และความมีอิสระเสรี
“คืนนี้เป็ยังไงบ้างจ๊ะ รตี?” เขากระซิบถามขณะลูบปลายนิ้วลงบนไหล่ของเธอเบา ๆ
“เหมือนอยู่ในโลกอีกใบเลยค่ะ…” เธอตอบ ทั้งเสียงและแววตายังเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ “โลกที่เรารักกัน…แบบไม่ต้องห้ามตัวเอง…”
ปพนต์พยักหน้า เพราะรู้สึกแบบเดียวกัน และผู้คนรอบข้าง มุกดา จารวี กชพร นวมล…คือเพื่อนร่วมฝันในยามค่ำ แต่ละคนต่างทอแสงของตนทาบลงบนผืนผ้าดำ ของคืนเดือนมืดอย่างนุ่มนวล
ปพนต์จับมือมารตีไว้แน่นขึ้น แล้วพาเธอค่อยๆ เคลื่อนไปใกล้มุกดา พวกเธอสบตากันก่อนเขาจะโน้มลงจูบเธอ ช้าๆ ไม่ใช่จูบเพื่อ แต่เพื่อเชื่อมโยง จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปพร้อมกันกับร่างอื่นๆ ที่อยู่รายล้อม
พวกเธอสลับตำแหน่ง สลับทิศทาง กันอย่างคุ้นชิน โดยมีปพนต์คอยสอดแทรกเป็ระยะๆ ทุกท่วงท่า ทุกจังหวะ ทุกเสียงลมหายใจสอดประสานกันอย่างเป็ธรรมชาติ
หนุ่มใหญ่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของนวมลอยู่ข้างหลัง พร้อมเสียงครางอันแ่เบา ของกชพรที่ซ้อนอยู่กับลมหายใจของมารตี ที่รุนแรงขึ้น แม้มีหลายร่าง หลายเสียง แต่ทุกอย่างกลับเป็หนึ่งเดียวกัน เหมือนบทเพลงเดียวกันที่มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น จังหวะเร็วบ้าง ช้าบ้าง หนักเบาสลับกัน…แต่ไร้รอยขัดแย้ง
มารตีกับมุกดาโอบกอดกันแน่นในลักษณะกลับหัวกลับหาง ขณะที่ร่างของปพนต์เคลื่อนไปทางฝั่งศีรษะของมารตี เขาสบตามารตีอย่างนุ่มลึก ก่อนจะหันไปจูบต้นคอของมุกดาที่ทาบทับอยู่้าเบาๆ
มุกดาสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหัวเราะในลำคอ เมื่อรับรู้ว่าบางอย่างได้รุกล้ำเข้ามาในกายเธอแล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงไปััเนินเนื้อของมารตีต่อไป
พวกเธอและเขาทั้งสามแนบชิดกันในจังหวะที่อ่อนโยนและไม่เร่งรีบ ปล่อยให้ปพนต์เคลื่อนไหวบนร่างของมุกดาอย่างอิสระ ก่อนจะขยับมาอีกฝั่งเพื่อเข้าไปยังร่างของมารตีที่อยู่ด้านล่าง
เวลาผ่านไปอย่างไร้กรอบ ไม่มีใครพูด ไม่มีใครนับ มีเพียงเสียงหอบหายใจที่รุ่นแรงขึ้น สลับกับเสียงกระทบกันของิั รอยัับนผิวเนื้อ และความรู้สึกที่เต็มจนล้น
ปพนต์เอนกายลงปล่อยให้หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างอย่างอิสระบนกายของเขาที่ละคน สลับกันไป อย่างเร่าร้อน อ่อนโยนและรุนแรง เป็จังหวะ ต่อเนื่อง
จนกระทั่ง...ทุกคนค่อยๆ คลี่คลายจากกันด้วยความอิ่มเอม เหงื่อชื้นบนหน้าผากและกลิ่นกายผสมปนเปจนเป็กลิ่นเดียวกัน มารตีเอนตัวลงนอนข้างจารวี ที่เอื้อมมือมากุมมือเธอไว้แน่น โดยไม่สนใจคราบของเหลวที่หยดเปื้อนกระจายไปทั่วพื้น
“วี…”
“หืม?”
“ฉันรู้สึกว่ารักตัวเอง…มากกว่าที่เคยเป็”
“เพราะเรารักกันได้โดยไม่ต้องแอบซ่อนเลยใช่ไหม…”
“อื้ม…เหมือนจะใช่เลย”
จารวีหลับไปในอ้อมแขนของมารตี ดวงหน้าสงบเหมือนเด็กน้อย ในขณะที่มารตีเองก็ค่อย ๆ ปล่อยตัวเองให้จมสู่ฝัน โดยมีแสงดาวอ่อนๆ ทาบผ่านผ้าโปร่งบนหลังคา และกลิ่นหอมของค่ำคืนนี้ ตราตรึงอยู่ในใจอย่างไม่มีวันลบเลือน เสียงลมหายใจของธรรมชาติเงียบสงบลงเรื่อยๆ เมื่อดวงจันทร์สูงขึ้นกึ่งกลางฟ้า
เมื่อคืนนั้นผ่านไป คืนนี้ก็มาถึง...ค่ำคืนของมารตี
หญิงสาวเอนกายบนเบาะผ้าห่มขนสัตว์เทียมที่ปูอยู่บนพื้นไม้กลางศาลาไม้ไผ่ในโซนลับของรีสอร์ต แสงโคมไฟจากตะเกียงโบราณสีอำพันกระทบผิวเธอเป็ประกายอ่อนจาง กลิ่นเนื้อไม้และกลิ่นกายของทุกคนลอยปนกันอยู่ในอากาศราวกับกลิ่นของคืนที่ไม่อาจลืมได้
มารตีถูกล้อมไว้โดยชายหนุ่มห้าคน ทุกคนที่เคยเป็เพียงผู้ร่วมทริป คนรู้จัก หรือเพื่อนใหม่ แต่คืนนี้ กลับกลายเป็ใครบางคนที่เธอเชื่อใจมากพอจะละทิ้งการปกป้องใดๆ สายตาของเธอสบกับของปพนต์ก่อน มือของเขาแตะลงเบาๆ ที่เอวเธอ แล้วตามมาด้วยสมาท ที่โน้มตัวลงใกล้ หัวเราะเบาๆ พร้อมกระซิบว่า "คืนนี้ เธอสวยเหมือนแสงจันทร์เลย”
พิริยะที่ดูสุขุมเสมอ กลับมีประกายดิบเถื่อนในแววตา เขาจับมือเธอไว้แน่น แล้วนำมันไปวางไว้บนหน้าขาของเขา ให้รู้ว่าใจเขาร้อนแรงแค่ไหน ภาวิช และพยนต์ อยู่ไม่ไกล พวกเขาไม่ได้แย่งชิง หากแต่สอดคล้องช่วยกันสร้างจังหวะ คำพูด และการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นอย่างน่าประหลาด เหมือนบทเพลงที่ไม่มีผู้ใดนำ หากแต่ทุกคนเป็โน้ตในท่วงทำนองเดียวกัน
มือมากมายประคองร่างสวยขึ้นลงบนคลื่นของอารมณ์ ทั้งปาก ทั้งมือของแต่ละคนัั ลูบไล้ ล้วงควัก ทั่วทุกซอกมุมของร่างกายอวบนุ่มในคราวเดียวกัน ให้ความรู้สึกที่ท่วมท้นแต่ไม่รุนแรง กระตุ้นความ้าที่ล้นเอ่อแต่ไม่รุกเร้าเกินควร ทุกการััเหมือนจะถามเธอว่า “ใช่ไหม?” และเธอก็ตอบ “ใช่” ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
มารตีไม่เคยรู้สึกเป็ที่รักเท่านี้มาก่อน ไม่ใช่แค่เพราะจำนวนคน แต่เพราะทุกสายตาที่มองมา ต่างมองด้วยความชื่นชม ความหลงใหล และความเต็มใจที่จะมอบทุกอย่างให้เธอในคืนนี้
บางครั้งหญิงสาวก็หัวเราะ บางครั้งน้ำตาก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะมันมากเกินกว่าจะเรียกว่าความสุขธรรมดา มันคือการถูกเข้าใจอย่างหมดจด
สาวสวยเอื้อมมือไปแตะแก้มของแต่ละคน จูบช้า ๆ ละเอียดอ่อน ราวกับขอบคุณในทุกัั ในทุกจังหวะ ในทุกความกล้าและความเปิดใจใน่จังหวะที่ชายหนุ่มแต่ละคนผลัดกันขยับตัวเข้ามาแนบชิด สอดใส่ และทาบทับ บนร่างที่ไหวระริกของเธอ
มารตีชอบที่จะนอนหงายลงกลางเตียงโดยมี่ล่างคนหนึ่งขยับแนบชิดกับ่ล่างของเธอ ในขณะที่คนอื่นๆ ััร่างกายส่วนต่างๆ ของเธอไปพร้อมๆ กัน
“คืนนี้พวกคุณจะััฉันให้นานที่สุดได้ไหมคะ” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มทั้งห้าคนที่รายล้อมเธออยู่ราวกับกำลังวิงวอนขอความเห็นใจ
แต่ละคนมองหน้ากันอย่าง งงๆ แต่ทุกคนก็พยักหน้ารัวๆ มีเพียงปพนต์คนเดียวที่เข้าใจความหมาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เมื่อคนหนึ่งปลดปล่อยความร้อนเข้าไปในกายหญิงสาวแล้วถอยออกมาปพนต์ก็ผลักดันคนอื่นเข้าไปแทน วนเวียนเรื่อยไป เขาไม่ได้นับว่าคนละกี่รอบ
จนเมื่อความเหนื่อยล้าเริ่มทาบลงบนเปลือกตา หญิงสาวก็เอนศีรษะลงบนอกของปพนต์ มือของสมาทเกลี่ยปอยขนนุ่มบนเนินหน้าท้องของเธอเล่นอย่างแ่เบา ขณะที่พิริยะกระชับผ้าห่มให้เธอ ภาวิชกับพยนต์กระซิบถ้อยคำอ่อนโยนราวกล่อมเธอให้หลับ และก่อนที่สติจะเลือนหาย เธอได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้...
"นอนหลับฝันดีนะ...คนเก่งของพี่" ปพนต์เอ่ยเบา ๆ ข้างหูเธอ จูบหน้าผากเธอแ่เบา ก่อนทิ้งตัวลงนอนข้างเธออีกคน
คืนนี้ไม่มีใครต้องเลือก ไม่มีใครถูกแบ่งแยก มีเพียงหัวใจที่ยอมปล่อยวาง และเปิดรับความรัก…ในทุกรูปแบบ