ก็แค่รังแกคนอื่นไม่ใช่รึ?
บ้านเหลียงคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็เพียงเด็กสาวชนบท บิดามารดาหย่าร้าง มารดาใจเสาะไร้ปากเสียง ไม่มีใครสามารถยืนหยัดเพื่อเธอได้ จึงไม่เคารพความคิดเห็นของเซี่ยเสี่ยวหลานแม้แต่น้อย เหมือนกับสิ่งที่ติงอ้ายเจินทำ การรังแกเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่เกิดผลกระทบอะไรที่รับไม่ไหว ดังนั้นก็รังแกตามสะดวกไปเสีย
หากเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาธรรมดากว่านี้สักหน่อย หลิวฟางผู้เป็น้าคนนี้คงไม่นึกถึงเธอด้วยซ้ำ แล้วจะคิดไม่ดีกับเธอได้อย่างไรเล่า! ความงามเป็ภัย ถ้าไม่มีความสามารถพอทัดเทียมรูปลักษณ์อันสวยงาม การดูดีเกินไปก็หมายถึงความวุ่นวาย หมายถึงความโลภที่ไร้จุดสิ้นสุด! เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองไม่ได้ชักช้าในการสั่งสมความมั่งคั่ง ทว่าความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นของสถานะไม่ใช่สิ่งที่เงินหลายหมื่นหยวนจะสามารถแก้ไขได้ เธอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ และต้องเป็มหาวิทยาลัยชื่อดังที่ผู้คนเลื่อมใสด้วย!
การที่เธอจะเดินทางไปบอกว่าตนเองหาเงินได้ต่อหน้าตระกูลฝาน และไม่้าแต่งงานเข้าตระกูลฝาน ตระกูลฝานคงไม่ยอมถอยหรอกสินะ อีกทั้งอาจหัวร่อจนฟันกรามหลุดออกมาด้วยซ้ำ—แบบนี้ยิ่งดีกว่าเสียอีก พาตัวกลับไปแต่งงานด้วยก็ได้ทั้งหญิงงามและเงินทอง
ท่าทีของหลิวเฟินทำให้เธอสบายใจขึ้นบ้าง อย่างน้อยตอนนี้แม่เธอยังไม่หน้ามืดตามัว ยังคงเป็สหายร่วมสนามรบเดียวกับเธอ
“ไม่ว่าใครก็อย่าคิดรังแกฉันง่ายๆ ถึงกับจะขายฉันให้เป็ภรรยาชายแก่ อย่าหวังว่าฉันจะยอมรับน้าคนนี้เลย ป้า แม่ พอคนบ้านเหลียงมาห้ามใจอ่อนเชียวนะ ปล่อยให้ฉันรับมือพวกเขาเอง!”
ติงอ้ายเจินที่ประเมินเธอต่ำไป ตอนนี้โดนตัดสินโทษจำคุก 12 ปี
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยใจอ่อน หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินต่างรู้ดีว่าเธอพูดจริง อย่าคิดว่าเป็น้าแล้วจะทำอะไรก็ได้ ในเมื่อไม่เห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือญาติ หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานชิงชังแล้วจะเ็ามากกว่าใครทั้งสิ้น
เซี่ยต้าจวินคือบิดาบังเกิดเกล้าของเธอ แม่เฒ่าเซี่ยคือย่าแท้ๆ เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่แยแสความคิดเห็นของสังคมโดยสิ้นเชิง ปฏิเสธการติดต่อกับคนตระกูลเซี่ยทั้งหมดทันที!
หลิวเฟินยิ่งคิดยิ่งโกรธ เธอเห็นว่าหลิวฟางเป็น้อง หากหลิวฟางคำนึงถึงสายใยพี่น้องบ้าง จะไม่ทำเื่แบบนี้ได้ลงคอ
“เสี่ยวหลาน แม่ว่าตามลูกหมดนั่นแหละ ลูกว่าทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น แต่งเข้าบ้านฝานไม่ได้นะ งานแต่งนี่เราไม่สามารถใฝ่สูงรับไว้ได้ใชหรือไม่?”
มีความสัมพันธ์กับหญิงไปทั่ว ถึงขั้นมีผู้หญิงมาบอกว่ายินยอมเป็ภรรยาน้อยถึงที่ หลิวเฟินใช้ชีวิตมาตั้งหลายปียังไม่เคยเจอเื่ประเภทนี้ นี่มันเกินจินตนาการของหลิวเฟินไปแล้ว เื่อนุภรรยานี้ ไม่ได้มีแค่สมัยก่อนหรอกหรือ? ในชนบทก็มีคนคบชู้เหมือนกัน แต่นั่นเป็การกระทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ หญิงคนไหนจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้เล่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้เจตนาของแม่บ้านสาวตระกูลฝาน ผู้หญิงปกติทั่วไปคนไหนจะทนรับเื่ะเืใจเช่นนี้ไหว ยังไม่ทันได้แต่งงานก็มีคนเตรียมเป็ภรรยาน้อยของว่าที่สามีแล้ว ใครจะไม่ถอยจากวิวาห์แบบนี้บ้าง เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าฝานเจิ้นชวนคืออุจจาระสุนัขเหม็นโฉ่ ส่วนแม่บ้านสาวคิดว่าคือขนมแสนหอมอร่อย แถมยังยุยงส่งเสริมเซี่ยเสี่ยวหลานหนีไปให้ไกลเท่าที่ทำได้ เธอเองก็อยากหนีอยู่หรอกนะ แต่เกาเข่ากับธุรกิจเล่าจะทำอย่างไร?
ต่อให้ไม่มีหน้าที่สองอย่างนี้ พอเซี่ยเสี่ยวหลานหนีไป ฝานเจิ้นชวนจะอับอายจนโกรธเกรี้ยว และลงความโกรธกับครอบครัวเธอหรือเปล่า
หน้าไม่อายยิ่งนัก จะแต่งงานกับหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายตนเอง มีความสัมพันธ์กับแม่บ้านในบ้าน ฝานเจิ้นชวนจะเป็คนดีอะไรได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความคาดหวังใดต่อศีลธรรมจรรยาของฝานเจิ้นชวนแม้แต่น้อย
หลี่เฟิ่งเหมยไม่รู้เช่นกันว่าจะทำอย่างไร
หลิวหย่งไม่อยู่ หลี่เฟิ่งเหมยเหมือนไร้ที่พึ่ง “ถ้าอย่างนั้น ส่งโทรเลขหาลุงหลาน?”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “บอกลุงไปก็ทำเขากังวลเปล่าๆ ฉันคุยกับโจวเฉิงหน่อยดีกว่า”
เื่อื่นไม่บอกโจวเฉิงได้ เซี่ยเสี่ยวหลานต้านทานด้วยตนเองไหว แต่มีคนจะบังคับแต่งงานกับเธอ ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็นึกได้ว่าโจวเฉิงคือคนรักอย่างเป็ทางการของเธอนั่นเอง ฟังจากเื่ที่จั๋วเว่ยผิงเล่า ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจความหวังดีของโจวเฉิงมากขึ้น โจวเฉิงค่อนข้างมีแิแบบบุรุษเป็ใหญ่ ถึงกระนั้นปีนี้เขาเพิ่งอายุ 21 ปี ความจริงใจและห่วงใยที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานถือว่าดีมากพอแล้ว
หลิวเฟินถูกเตือนความจำด้วยอีกคน “ต้องบอกโจวเฉิง ไม่อย่างนั้นเขาจะเข้าใจผิด!”
โจวเฉิงอยู่ไกลถึงปักกิ่ง ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รีบติดต่ออย่างทันท่วงที เกิดโจวเฉิงได้ยินในภายหลังว่าทางนี้ ‘ตกลงแต่งงาน’ เขาห่างออกไปไกลเช่นนั้นย่อมไม่เข้าใจความคิดของเสี่ยวหลาน เข้าใจผิดว่าเป็เซี่ยเสี่ยวหลานเองที่อยากแต่งงาน... หลิวเฟินถือว่าโจวเฉิงคือว่าที่ลูกเขยเรียบร้อยแล้ว ทำไมแม่สามีมักสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ลูกสะใภ้ ในขณะที่แม่ภรรยากลับต้องเอาใจลูกเขยล่ะ? ก็เพราะกลัวว่าลูกเขยจะปฏิบัติตัวไม่ดีต่อลูกสาวไม่ใช่หรือ หลิวเฟินจึงกลัวโจวเฉิงเข้าใจผิด จนหนุ่มสาวทั้งสองต้องทะเลาะกันไม่เบิกบานเพราะเื่นี้
ย่าอวี๋กลับมาจากกวาดถนน ยืนฟังอยู่หน้าประตูได้สักพัก ก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเื่ราวอย่างชัดเจน
เธอถือไม้กวาดเข้าบ้าน
“มีเส้นสายอะไรก็รีบหา นี่เจอพวกเ้าถิ่นเผด็จการเข้าแล้วนะ!”
หลิวเฟินก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ย่าอวี๋เคยตักเตือนเธอไว้ตั้งนานแล้วว่าหลิวฟางคิดไม่ซื่อ แม้หลิวเฟินไม่ได้คัดค้านย่าอวี๋ทันที ในใจยังเอนเอียงไปทางน้องสาวของตนมากกว่าอยู่ดี เจอปัญหาตอนนี้ถึงรู้ว่าย่าอวี๋มองคนขาดขนาดไหน ย่าอวี๋เพิ่งเคยพบหลิวฟางครั้งเดียวเท่านั้นเอง แต่เธอกับหลิวฟางเป็พี่น้องกันมาตั้งสามสิบกว่าปี เธอรู้ดีว่าหลิวฟางเห็นแก่ตัว ไม่อยากถือสาในฐานะพี่สาว แต่หลิวฟางก็ทำเกินเหตุมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยตกตะลึง ใช่ พวกเธอไม่ได้ไร้ซึ่งเครือข่ายคนรู้จักเสียหน่อย
คราวก่อนออกมาจากสถานีตำรวจอย่างไรนะ ไม่ใช่ว่ามีหัวหน้าหยางสักคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างยุติธรรมหรือ ไม่รู้ว่าจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้หรือไม่
ต่อให้เป็ข้าราชการรัฐ การบังคับคนอื่นเป็ภรรยาจะตามหาใครมาจัดการไม่ได้เชียวหรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าหยางด้วยเื่นี้จริง หัวหน้าหยางจะหลีกเลี่ยงมากให้ได้มากที่สุดแน่นอน ที่คนเขามีน้ำใจขนาดนั้น เพราะเห็นแก่เลขาโหวหรอก อีกทั้งยังเข้าใจผิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเป็หลานสะใภ้ของข้าราชการใหญ่ การที่เซี่ยเสี่ยวหลานไปหาหัวหน้าหยางด้วยตัวเองนั้น ร่มคุ้มกะลาหัวซึ่งหยิบยืมจากอำนาจคนอื่นก็จะพังทลาย—หัวหน้าหยางไม่ใช่คนโง่ด้วย หากเซี่ยเสี่ยวหลานเป็หลานสะใภ้ข้าราชการระดับสูงจริง เมื่อฝานเจิ้นชวนแห่งเขตเหอตง้าบังคับแต่งงาน ต่อให้เป็พระพุทธรูปปั้นจากดินก็โมโหได้!
ฝานเจิ้นชวนสุดยอดสักแค่ไหน ก็ออกมาทำตัวกร่างนอกเขตเหอตงไม่ได้หรือเปล่า
ทุกคนล้วนเคารพกฎเกณฑ์ ฝานเจิ้นชวนทำลายกฎ การที่ผู้บริหารท้องถิ่นยื่นมือเข้ามาจัดการเขาย่อมไม่มีใครค้าน
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คู่หมายของเส้ากวงหรง จะใช้เส้นสายของเส้ากวงหรงเสมอเพื่ออะไร
ลุงของเส้ากวงหรงก็จะไม่เสนอตัวช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานด้วย... ชายหญิงเมื่อถึงวัยอันควรต้องสมรสเป็ธรรมดา ใครจะรู้ว่าพวกคุณเจรจาอะไรไม่ลงตัวจนขัดแย้งกัน ถึงเวลาดันกลับมาปรองดองกันอีกครั้ง เส้าลี่หมินก็กลายเป็ยุ่งเื่คนอื่นไม่ใช่หรือ!
หลี่เฟิ่งเหมยแค่เกริ่นถึง เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้แล้วว่าทำไม่ได้ วันนี้ย่าอวี๋กลับไม่พูดจาระคายหู เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานขังลูกสาวหลิวฟางไว้ในร้าน ย่าอวี๋มองเสี่ยวหลานมากกว่าที่เคย
“เธอนี่ใจเด็ดนะ”
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอยากร้าย ใครไม่อยากเป็หญิงสาวเลอค่าวาจานุ่มนิ่มนิสัยอ่อนโยนเอื้อเฟื้อกัน แต่เพราะต้องมีชะตาแบบนั้นด้วยน่ะสิ! สตรีส่วนมากยืนหยัดในสังคมยากเหลือเกิน ถ้าไม่ร้ายกาจสุดทนเพื่อปกป้องตน ก็จะใสซื่ออ่อนแอโดนข่มเหงเหมือนหลิวเฟิน
มีคนทั้งสองประเภท ถ้าแก่งแย่งชิงดีกันหมด โลกใบนี้คงวุ่นวายน่าดู
แต่ไม่ว่าการเลือกจะร้ายกาจกล้าหาญหรือใสซื่ออ่อนแอ สตรีทุกคนล้วนต้องตัดสินใจด้วยตนเองได้!
ย่าอวี๋เข้าใจดียิ่งกว่าอะไร เธอมีนิสัยใจคอแปลกประหลาดไม่น่าคบหาก็จริง ทว่าถ้าเธออ่อนโยนอีกนิดเดียว บ้านที่เฝ้าอยู่นี้คงโดนคนอื่นแย่งไปนานแล้ว มรดกตกทอดแล้วอย่างไร มรดกมากมายล้วนยังไม่ได้กลับคืนมาสู่เ้าของด้วยซ้ำ หากไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้มา จะตกถึงหญิงชราผู้โดดเดี่ยวอย่างเธอหรือ!
เซี่ยเสี่ยวหลานขบคิด จากนั้นวิ่งเข้าไปรื้อของในครัว หยิบมีดสั้นออกมาหนึ่งเล่ม ใช้หินลับมีดค่อยๆ ลับ
ทุกครั้งที่เธอลงแรง หลี่เฟิ่งเหมยก็ใจสั่นรัว
มีคนคิดรังแกเสี่ยวหลานอยู่เสมอ แต่หลานสาวเธอไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ น่ะสิ!
----------------------------------------
รถรับส่งเที่ยวสุดท้ายจากในเมืองถึงเขตเหอตงคือ 5 โมงเย็น ต่อให้เหลียงฮวนกลับมาช้า ประมาณหกโมงก็ควรถึงบ้านแล้ว หลิวฟางรอต่ออีกครึ่งชั่วโมง หกโมงครึ่งก็ยังไม่เจอเ้าตัว เธอรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที
“เด็กคนนี้คงไม่ได้ตกรถหรอกนะ ไม่รู้จักโทรศัพท์บอกที่บ้านเลย”
เหลียงปิ่งอันตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เที่ยวเล่นกับเพื่อนสนุกสนาน ไม่อยากกลับมาแล้วล่ะมั้ง”
หลิวฟางไม่วางใจ เหลียงฮวนคือยอดดวงใจของเธอ เด็กสาวหน้าตาสะสวย ถ้าประสบปัญหาข้างนอกเข้าจะทำอย่างไร? หลิวฟางดึงดันให้เหลียงปิ่งอันขับรถพาเธอไปบ้านเพื่อนร่วมชั้นของเหลียงฮวน ดูว่าลูกบ้านอื่นกลับมากันหรือยัง
พอถามไถ่ อีกฝ่ายก็หลบสายตา
“พี่สาวของเหลียงฮวนให้พวกเรากลับมาก่อน บอกว่าให้คุณเข้าเมืองไปรับเหลียงฮวน เธอถามหมายเลขโทรศัพท์บ้านคุณด้วย... ยังไม่ได้โทรศัพท์หาคุณหรือคะ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานสนิทสนมกลมเกลียวกับเหลียงฮวนของเธอขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร?
เหลียงฮวนเข้าเมืองและไปหลานเฟิ่งหวง หลิวฟางไม่ได้ประหลาดใจ แต่พอเพื่อนเหลียงฮวนให้ข้อมูลเพิ่มอีก มันกลับทำให้เธอรู้สึกกังวล
“พี่สาวเหลียงฮวนโหดมาก ไม่ยอมให้พวกเราอยู่ในร้านต่อ พวกเรายังไม่ทันกลับไป ก็ปิดร้านเสียแล้ว เหลียงฮวนอยู่ในร้านไม่ได้ออกมาเหมือนกัน เหมือนพวกเธอสองคนจะทะเลาะกันเลยค่ะ!”
“เด็กคนนี้นี่ แล้วทำไมไม่รีบบอกแม่เหลียงฮวนเล่า?”
ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงหมดคำจะพูด กระวีกระวาดทำทีตำหนิลูกสาว
ช่วยไม่ได้แล้ว สีหน้าของหลิวฟางน่ากลัวยิ่งนัก ราวกับจะกินคนเข้าไปให้ได้
หลิวฟางอยากกินคนจริงๆ เข้าเมืองไปด้วยกัน ดันทิ้งเหลียงฮวนไว้คนเดียว กลับมาก็ควรถามครอบครัวเหลียงฮวนว่าได้โทรศัพท์หรือยังสิ เป็สาวอายุสิบกว่าแล้ว ทำไมทำอะไรไร้สมองเช่นนี้!
“ฉันนึกว่า นึกว่าพี่สาวเหลียงฮวนจะโทรศัพท์หาคุณน้าแล้ว...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้