“ช่างน่าเสียดายโดยแท้เหตุใดนางถึงต้องเป็ซูฉีฉี” เหลยอวี๊เฟิงส่ายหน้าสีหน้าท่าทางดั่งคนคิดไม่ตกแต่กลับยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะจ้องมองไปที่ม่อเวิ่นเฉิน
“ไสหัวออกไปยิ้มข้างนอก”ม่อเวิ่นเฉินมีสีหน้าบึ้งตึง จ้องเขม็งไปที่เหลยอวี๊เฟิง
เหลิ่งเหยียนยืนอยู่ด้านข้างแก้มของเขาก็กระตุกอยู่เช่นกัน เขาอยากจะหัวเราะแต่ก็มิกล้า
พระชายาผู้นี้ไม่ธรรมดาโดยแท้ผิดก็เพียงแต่ว่านางนั้นคือซูฉีฉี
มิเช่นนั้นคงจะเหมาะสมกับท่านอ๋องของพวกเขาเป็แน่
ซูฉีฉีขอตำราเกี่ยวกับสมุนไพรยาต่างๆ มาจากพ่อบ้านถึงแม้ว่าในจวนอ๋องจะไม่มีตำราลับเฉพาะด้าน ทว่าตำราหนังสือแพทย์ทั่วไปนั้นนับได้ว่าครบถ้วนไม่มีขาด
ซูฉีฉีเพิ่งพูดออกไปได้ไม่นานพ่อบ้านก็สั่งให้คนนำหนังสือสิบกว่าเล่มส่งมาให้นางแล้ว
เพราะว่าซูฉีฉีจะต้องหาทางรักษาม่อเวิ่นเฉินด้วยเหตุนี้นางจึงย้ายออกมาจากโรงซักล้างแล้วและพักอาศัยอยู่เรือนข้างๆ เรือนพักของม่อเวิ่นเฉิน ซึ่งนี่ก็เป็คำขอของซูฉีฉี
นางจะต้องผสมยาถอนพิษโดยอ้างอิงจากพิษที่อยู่ในร่างกายของม่อเวิ่นเฉินอีกทั้งยาถอนพิษนี้ยังต้องทำการทดลอง ด้วยฐานะของซูฉีฉีแล้วนางจึงได้แต่ใช้ตนเองทดลองยาให้กับเขา
ด้วยเหตุที่ว่ายาแต่ละชนิดนั้นมักจะมีตัวต้านฤทธิ์ซูฉีฉีจึงเริ่มจากการขอส่วนผสมของยาพิษที่อยู่ในตัวม่อเวิ่นเฉินมาจากเหลยอวี๊เฟิง
ต้องนับถือในเครือข่ายข่าวสารของสำนักเหลยโดยแท้ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหายาถอนพิษได้ แต่ว่ารายชื่อส่วนผสมของยาพิษนั้นกลับรวบรวมมาได้ครบไม่มีตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวังหลวงของต้าเยียนก็ยังคงเอาออกมาได้อย่างง่ายดาย
นางพยายามผสมยาถอนพิษและในขณะเดียวกันยังต้องใช้เข็มทองในการถ่วงการกระจายของพิษที่อยู่ในร่างกายของม่อเวิ่นเฉิน
ทุกวันต้องเผชิญกับใบหน้าอันเยือกเย็นไร้อารมณ์กับแววตาที่ดิ่งลุ่มลึกยากจะคาดเดาไม่นานซูฉีฉีก็ค่อยๆ คุ้นชิน
อย่างน้อยเขาก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาถ้าหากมองข้ามความเ็าของเขา ก็นับได้ว่าเป็บุรุษรูปงามผู้หนึ่ง
ไม่เคยเอ่ยคำพูดใดมากเกินไป ซูฉีฉีเพียงตั้งใจผสมยาถอนพิษเพียงเท่านั้นสีหน้าของนางสงบนิ่งขณะกำลังตรวจชีพจรให้กับม่อเวิ่นเฉิน
และม่อเวิ่นเฉินก็ยังคงเป็เช่นเดิมไม่หันมองนางแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินว่าซูฉีฉีย้ายจากโรงซักล้างไปที่เรือนหลักของจวนอ๋องแล้วนั้นฮวาเชียนจือเกือบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่จนถึงขั้นอยากจะเผาเรือนที่ตนอยู่เสียตอนนั้นนางทุบตีสาวใช้ข้างกายเสียจนาแปรากฏอยู่ทั่วร่าง ทว่าก็ยังคงมิพอระบายโทสะในใจนาง
แต่เพราะติดที่ม่อเวิ่นเฉินยังคงอยู่ในจวน ทำให้นางมิสามารถประพฤติตัวได้ตามใจนัก
รายชื่อส่วนผสมยาที่ซูฉีฉีแจ้งไปนั้นมักจะมีสมุนไพรหายากอยู่เสมอและเหลยอวี๊เฟิงเองก็เป็ผู้รับหน้าที่เสาะหาตัวยาสมุนไพรให้กับนาง
เขานั้นกลับพึงพอใจในงานนี้ของตนเป็อย่างมาก
เสมือนว่าสำนักเหลยนั้นไม่ต้องมีเขาไปคอยจัดการดูแลแน่นอนว่าจุดนี้ก็เป็สิ่งที่ทำให้ซูฉีฉีอดสงสัยมิได้
สำหรับเื่คืนนั้นที่เขามอบยาให้ทั้งสองคนไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมา เมื่อพบกันในจวนก็เพียงแต่เอ่ยวาจาทักทายเท่านั้นไม่มีการพูดคุยกันต่อ
การลองยาถอนพิษนั้นไม่ใช่เื่ที่ง่ายดายนักและก็ไม่ใช่ภารกิจที่จะสำเร็จได้โดยเร็ววัน สำหรับจุดนี้ม่อเวิ่นเฉินนับว่ามีความอดทนเป็อย่างมาก
ไม่มีการหาเื่ซูฉีฉีแม้แต่น้อย
บัดนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่าม่อเวิ่นเฉินผู้เป็ความภาคภูมิใจของต้าเยียนนั้นได้กลายเป็คนพิการเสียแล้ว
เมื่อเป็เช่นนี้จวนอ๋องนั้นก็นับว่าสงบลงไม่น้อย
ผู้ลอบสังหารที่มักบุกเข้ามาในจวน ในเวลานี้กลับไม่มีแม้แต่เงาของคน
นี่นับว่าช่วยให้การรักษาและขับพิษให้ม่อเวิ่นเฉินสะดวกยิ่งขึ้น
แต่ว่าสิ่งดีๆ นั้นไม่ยืนนานนัก
วันนี้ขณะที่ซูฉีฉีกำลังลองยาเพราะว่าตอนที่นางกำลังผสมยาถอนพิษนั้นได้ใช้ยาพิษที่มีความรุนแรงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าซูฉีฉีจะเตรียมยาถอนพิษไว้ล่วงหน้าแล้วทว่าระหว่างที่โดนพิษอยู่นั้นก็ยังคงเ็ปเป็อย่างมาก
ซูฉีฉีที่พึ่งทดลองยาถอนพิษนั้นมีสีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษก็มิปานนางสวมชุดสีขาว ยิ่งทำให้ตัวนางนั้นดูผอมบางราวกับกิ่งไม้
“พระชายา”เหลิ่งเหยียนขานเรียกนางเสียงเบาอยู่ที่ข้างประตู
เมื่อเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากแล้วซูฉีฉีก็จัดเก็บสมุนไพรที่อยู่ข้างกายก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
“ท่านอ๋องมีรับสั่งให้มาเรียนเชิญท่าน”เหลิ่งเหยียนยังคงมีท่าทีเ็า น้ำเสียงที่พูดก็ยังคงแข็งกระด้าง
ซูฉีฉีมิกล้าชักช้า รีบตามไปโดยทันที
ทว่าเมื่อเดินตามเหลิ่งเหยียนไปเขากลับพานางไปหาพ่อบ้าน ซึ่งพ่อบ้านก็ได้นำคนรับใช้หลายคนยืนรอที่ห้องโถงใหญ่อยู่ก่อนแล้ว
ที่แท้ฮ่องเต้และฮองเฮาได้ออกมา “ตรวจเยี่ยม” ความเป็อยู่ของราษฏรบังเอิญผ่านมาที่เมืองอ้าวซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของติ้งเป่ยโหว
ซูฉีฉีรู้ว่าฮ่องเต้และฮ่องเฮานั้นตั้งใจจะมาดูิ่เหยียดหยามม่อเวิ่นเฉินอีกครั้งอีกทั้งยัง้ามายืนยันว่าข่าวสารที่พวกเขาได้รับนั้นเป็ความจริงหรือไม่ถ้าหากม่อเวิ่นเฉินนั้นได้กลายเป็คนพิการจริงแล้วก็จะไม่มีทางคุกคามราชบัลลังก์ของเขาได้อีก
ในใจของนางก็ได้แต่ถอดถอนหายใจอย่างไร้เสียงดูเหมือนว่านางจะปลีกตัวออกจากปัญหาต่างๆ คงจะเป็ไปมิได้เสียแล้ว
ต่อให้ตอนนี้นางเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของม่อเวิ่นเฉินแล้วอย่างไรคนเืเย็นเช่นเขาไม่นำมันมาใส่ใจแม้แต่น้อย ยิ่งมิต้องพูดถึงตอนนี้ที่มีคนมาย้ำเตือนเขาว่าตัวนางในตอนนั้นแต่งงานกับเขามาได้เพราะเหตุใด
นี่คือการตอกย้ำซ้ำเติม สาดเกลือลงบนแผลโดยแท้ด้วยนิสัยของม่อเวิ่นเฉินแล้ว เขาจะทนได้อย่างไรกัน
นางหวีผมแต่งตัวพลางคิดว่านางจะเอาตัวให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อย่างปลอดภัยได้เช่นไร
ทว่าตอนนี้ต่อให้ซูฉีฉีจะสงบสติอารมณ์ลงได้มากขนาดไหนนางก็ไม่อาจคิดหาหนทางออกที่ดีได้ นางคงได้แต่รอดูเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วจึงค่อยว่ากัน