บทที่ 7: รุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่
หลินเย่วชิงรู้ดีว่าการตื่นขึ้นมาในร่างนี้ไม่ใช่เื่บังเอิญหรือความฝันอีกต่อไป แต่มันคือความจริง... ความจริงที่เธอต้องเผชิญหน้าและเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น ความฝันที่ผ่านมาหลายครั้งเป็เพียงตัวอย่างภาพยนตร์ แต่บัดนี้... การฉายจริงมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
"คุณแม่... ผมหิวแล้ว!"
เสียงเล็กๆ ที่แหบพร่าดังขึ้นจากด้านหลัง ปลุกให้หลินเย่วชิงหลุดจากภวังค์ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับ "หน้าที่" แรกของเธอ เด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกรอบประตูห้อง ดวงตาคู่โตของเขาเป็ประกายด้วยความหิวโหยและความไร้เดียงสา ร่างกายผอมเกร็งจนเห็นซี่โครง แต่แววตากลับเต็มไปด้วยพลังและความหวัง เขาคือ ต้าเป่า (สมบัติล้ำค่าชิ้นใหญ่) ลูกชายคนโตของเธอในยุคนี้
"ต้าเป่า..." เธอเอ่ยชื่อเขาออกมาอย่างแ่เบา หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด "ขอโทษทีนะจ๊ะ แม่มัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย มาเถอะ เราไปทำอาหารเช้ากัน"
เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยใช้มาในชีวิต เดินเข้าไปหาลูกชายแล้วลูบหัวเขาเบาๆ ความรู้สึกของเส้นผมที่หยาบกระด้างแต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาทำให้ความเป็จริงยิ่งตอกย้ำเข้ามาในใจ เธอจูงมือเล็กๆ นั้นไปยังมุมของบ้านที่เรียกว่า "ห้องครัว" ซึ่งมีเพียงเตาดินเก่าๆ และหม้อดินดำๆ ไม่กี่ใบ
ในครัวมีเพียงข้าวสารติดก้นไห ผักกาดที่เริ่มเหี่ยวเฉา และไข่ไก่ฟองเล็กๆ สองสามฟอง... นี่คือทั้งหมดที่หล่อเลี้ยงสามชีวิตเล็กๆ มาตลอด หลินเย่วชิงกลืนก้อนความจุกในลำคอลงไป ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอจะเปลี่ยนมัน... เธอจะเปลี่ยนทุกอย่างนับั้แ่วินาทีนี้
"ต้าเป่า ไปปลุกน้องๆ มาล้างหน้าแปรงฟันนะ วันนี้แม่มีของพิเศษให้กิน" เธอกระซิบกับลูกชาย
"ของพิเศษเหรอครับ?" ต้าเป่าตาโตด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน
หลินเย่วชิงหันหลังให้ประตู ใช้ร่างกายของเธอบังมุมกล้องของโลกใบนี้ แล้วสั่งในใจอย่างรวดเร็ว "ซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็ม 8 ลูก เกี๊ยวกุ้ง 4 ลูก เกี๊ยวหมู 4 ลูก" สิ้นความคิด ของวิเศษจากศตวรรษที่ 21 ก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอราวกับมายากล เธอนำมันไปวางในซึ่งนึ่งไม้ไผ่เก่าๆ แล้วเริ่มก่อไฟในเตาอย่างคล่องแคล่ว
ไม่นานนัก เอ้อเป่า (สมบัติล้ำค่าชิ้นที่สอง) และ เสี่ยวหลิง (กระดิ่งน้อย) ลูกสาวคนเล็กก็วิ่งกรูเข้ามาในครัวด้วยความตื่นเต้น เอ้อเป่าดูซุกซนและร่าเริงกว่าพี่ชาย ส่วนเสี่ยวหลิงยังคงขี้อายแต่ดวงตากลมโตนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"อะไรนะแม่! มีซาลาเปาด้วยเหรอ!?" เอ้อเป่าร้องเสียงดังอย่างไม่อยากเชื่อสายตา กลิ่นหอมกรุ่นของซาลาเปาที่เริ่มร้อนได้ที่นั้นเป็กลิ่นที่พวกเขาไม่เคยได้ััในบ้านหลังนี้มาก่อน
"ใช่แล้วจ้ะ วันนี้เราจะกินซาลาเปากับเกี๊ยวกันให้อิ่มไปเลย!" หลินเย่วชิงประกาศด้วยรอยยิ้ม
เสียงหัวเราะคิกคักและการพูดคุยอย่างตื่นเต้นของเด็กๆ ทำให้กระท่อมที่เคยเงียบเหงาและอับเฉาหลังนี้ดูอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที หลินเย่วชิงรู้สึกถึงความสุขที่เรียบง่ายแต่ท่วมท้นอย่างที่ไม่เคยััมาก่อน นี่คือความหมายของการเป็แม่... คือความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกๆ นั่นเอง
เมื่อซาลาเปาลูกอวบขาวและเกี๊ยวที่นึ่งจนร้อนได้ที่ถูกวางลงบนโต๊ะไม้ เด็กๆ ต่างเบิกตากว้างด้วยความตะลึง
"คุณแม่! นี่... นี่มันซาลาเปาจริงๆ เหรอครับ? ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?" ต้าเป่าถามเสียงสั่น เขาเอื้อมมือที่ยังเปียกน้ำไปแตะซาลาเปาเบาๆ ราวกับกลัวว่ามันจะสลายไป
เอ้อเป่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าอย่างตื่นเต้น "ใช่แล้ว! ข้าจำได้ว่าเคยเห็นที่ตลาดในเมือง แต่มันแพงมากเลยนะ! คุณแม่ไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อเหรอครับ?"
หลินเย่วชิงหัวเราะเบาๆ "แม่มีวิธีของแม่น่ะสิ... เอาล่ะ มากินกันเถอะ ก่อนที่มันจะเย็นนะ"
"คุณแม่ หนูขอเกี๊ยวกุ้งได้ไหมคะ? หนูชอบเกี๊ยว!" เสี่ยวหลิงพูดขึ้นเป็ครั้งแรก เสียงใสแจ๋วของเธอทำให้หัวใจของหลินเย่วชิงอ่อนละทวย
"ได้เลยจ้ะคนเก่ง กินให้อิ่มนะ จากนี้ไปลูกๆ ของแม่อยากกินอะไรบอกได้เลย แม่จะหามาให้"
คำพูดนั้นราวกับคำประกาศิต เด็กทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยความดีใจ ก่อนจะลงมือกินอาหารเช้าที่วิเศษที่สุดในชีวิตอย่างเอร็ดอร่อย หลินเย่วชิงมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น... ด้วยซาลาเปาไม่กี่ลูก เธอก็กลายเป็ดั่งเทพธิดาในสายตาของเด็กๆ พวกเขาต้องผ่านความยากลำบากมามากขนาดไหนกันนะ? น้ำตาแห่งความสงสารและความมุ่งมั่นเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของเธอ
หลังจากมื้อเช้าที่แสนสุข เด็กๆ ก็ออกไปวิ่งเล่นหน้าบ้านอย่างที่ไม่เคยร่าเริงมาก่อน หลินเย่วชิงจึงมีเวลาสำรวจ "ฐานทัพ" ของเธออย่างจริงจัง
เธอเดินสำรวจรอบๆ บ้านอย่างละเอียดเพื่อประเมินความเสียหาย สภาพของมันเลวร้ายกว่าที่เห็นในตอนแรกมากนัก ผนังบ้านที่เป็ดินผสมฟางมีรอยแตกร้าวอยู่หลายแห่ง ลมหนาวสามารถพัดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย หลังคาที่มุงด้วยจากก็มีรูโหว่จนมองเห็นท้องฟ้าได้ พื้นบ้านเป็เพียงดินอัดแข็งที่ชื้นและเย็นเฉียบตลอดเวลา
"ถ้าเข้าหน้าหนาว... เด็กๆ ต้องป่วยหนักแน่" เธอพึมพำกับตัวเอง การซ่อมแซมบ้านไม่ใช่แค่เื่ความสวยงามอีกต่อไป แต่มันคือการรักษาชีวิต!
เธอเดินกลับเข้ามาในบ้าน เริ่มค้นหาทรัพย์สินของเ้าของร่างเดิม และในที่สุดเธอก็พบหีบไม้ใบเล็กที่ซ่อนไว้ใต้แคร่ไม้ไผ่ เมื่อเปิดออกก็พบเงินสดมัดหนึ่งวางอยู่... เกือบ 200 หยวน!
"โอ้โห..." เธออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ในยุคที่คนงานในโรงงานได้เงินเดือนแค่ 20-30 หยวน เงินจำนวนนี้ถือว่ามหาศาลมาก "เธอเก็บเงินทั้งหมดนี่ไว้... แต่ไม่เคยซื้ออาหารดีๆ ให้ลูกกินเลย หรือแม้แต่ดูแลตัวเอง... นี่คงเป็สาเหตุที่ทำให้เธอป่วยหนักจน... จากไป" หลินเย่วชิงถอนหายใจยาว รู้สึกเห็นใจเ้าของร่างคนเดิมจับใจ
"ไม่ต้องห่วงนะ... ฉันจะใช้เงินที่เธอเก็บมาอย่างยากลำบากนี่... สร้างบ้านที่แข็งแรงและอบอุ่นให้ลูกๆ ของเรา" เธอให้สัญญากับดวงิญญาที่อาจจะยังวนเวียนอยู่แถวนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเย่วชิงตัดสินใจลงไปยังหมู่บ้านหลี่ฮัวที่อยู่ด้านล่างเนินเขา เธอหิ้วตะกร้าที่ใส่ซาลาเปาและเกี๊ยวที่เหลือไปด้วยเพื่อเป็ของกำนัล
บ้านของพ่อแม่สามีและพี่ชายของเขาปลูกอยู่ในละแวกเดียวกัน เมื่อเธอเดินเข้าไปในเขตหมู่บ้าน สายตาอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านก็จับจ้องมาที่เธอเป็ตาเดียว
เธอตรงไปยังบ้านของ เหว่ยหวัง พี่ชายคนโตของสามี ขณะที่เธอกำลังจะร้องเรียก หลิวชุนฮวา พี่สะใภ้ใหญ่ที่กำลังตากผ้าอยู่ก็เหลือบมาเห็นพอดี นางเบ้ปากเล็กน้อยในใจคิดว่าน้องสะใภ้สามคงจะมาขอยืมข้าวสารอีกตามเคย
"สะใภ้สาม ไม่ได้เจ็บไข้อยู่หรอกรึ? มีธุระอะไรแต่เช้าเชียว?" นางถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเป็มิตรนัก
หลินเย่วชิงยิ้มอย่างไม่ถือสา "ฉันดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะพี่สะใภ้ วันนี้เลยเอาของมาฝากเล็กๆ น้อยๆ" เธอยื่นตะกร้าให้
หลิวชุนฮวาชะโงกหน้ามองลงไปในตะกร้า เมื่อเห็นซาลาเปาลูกขาวอวบกับเกี๊ยวที่ส่งกลิ่นหอม สีหน้าของนางก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือทันที!
"ตายจริง! น้องสะใภ้สาม ลำบากแย่เลยนะ! เข้ามาในบ้านก่อนสิ มาๆ" นางรีบคว้าตะกร้าแล้วจูงแขนเธอเข้าไปในบ้านอย่างกระตือรือร้น "พี่หวัง! พี่หวัง! น้องสะใภ้มาหาแน่ะ!"
เหว่ยหวัง ชายร่างกำยำผิวคล้ำแดดเดินออกมาจากในบ้าน เขาเป็คนซื่อๆ และใจดี เมื่อเห็นหลินเย่วชิงก็ทักทายอย่างเป็ห่วง "น้องสะใภ้ อาการดีขึ้นแล้วเหรอ? มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า?"
"ฉันอยากจะรบกวนพี่หวังหน่อยค่ะ" หลินเย่วชิงเข้าเื่ทันที "ฉันอยากจะซ่อมแซมบ้านใหม่ให้แข็งแรงขึ้นก่อนที่หน้าหนาวจะมาถึง ตอนนี้มันผุพังไปหมดแล้ว อยากจะหาช่างมาช่วยทำงาน พี่พอจะช่วยฉันได้ไหมคะ?"
เหว่ยหวังขมวดคิ้ว "ซ่อมใหญ่ขนาดนั้นต้องใช้เงินเยอะเลยนะ... เธอมีเงินพอหรือ?"
"เื่นั้นพี่ไม่ต้องเป็ห่วงค่ะ พอดีญาติทางปักกิ่งของฉันเพิ่งส่งเงินมาให้ก้อนหนึ่ง แล้วฉันก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง ตอนนี้ฉันเตรียมของที่ต้องใช้ไว้หมดแล้ว ขาดแค่แรงงานช่างเท่านั้นเอง" เธอพูดอย่างมั่นใจ "ถ้าพี่หวังกับพี่เหว่ยกั๋ว (น้องรอง) พอมีเวลาว่าง ฉันอยากจะจ้างพวกพี่มารับเหมางานนี้เลยค่ะ ค่าแรงฉันให้เต็มที่แน่นอน"
เมื่อได้ยินว่ามีงานแถมยังมีค่าแรงเต็มที่ สองพี่น้องก็มองหน้ากันแล้วพยักหน้าทันที "ได้เลย! ถือว่าช่วยกันซ่อมบ้านให้หลานๆ ได้อยู่สบายขึ้นด้วย" เหว่ยหวังตอบอย่างแข็งขัน
เช้าวันต่อมา ทีมช่างเฉพาะกิจอันประกอบด้วยสองพี่น้องตระกูลเหว่ยก็มาถึงกระท่อมของหลินเย่วชิงั้แ่ฟ้ายังไม่สางดี
"พี่หวัง พี่กั๋ว เชิญดื่มชาก่อนค่ะ" หลินเย่วชิงไม่ได้เสิร์ฟกาแฟที่อาจจะดูแปลกประหลาดเกินไป แต่เธอเลือกชามะลิชั้นดีที่หอมกรุ่นที่สุดจากมิติของเธอ พร้อมกับลูกอมรสผลไม้ที่นำมาให้เด็กๆ และเผื่อแผ่ไปถึงคุณลุงทั้งสองด้วย
หลังจากอธิบายแผนการซ่อมแซมที่น่าทึ่ง ทั้งการเทพื้นปูน การทำฝ้ากันความร้อน และที่สำคัญคือ "ห้องน้ำชักโครก" ซึ่งสองพี่น้องฟังแล้วก็เกาหัวแกรกๆ ด้วยความงุนงงแต่ก็ตื่นเต้น เหว่ยหวังก็ถามขึ้น
"แล้วพวกปูนกับอิฐที่เธอว่า เตรียมไว้ที่ไหนล่ะ?"
หลินเย่วชิงยิ้มอย่างมีเลศนัย "ฉันฝากคนเอามาส่งไว้ที่จุดพักของบนเขาแล้วค่ะ แต่ต้องใช้รถสามล้อไปขนลงมา วันนี้ฉันคงต้องรบกวนพี่สองคนเริ่มรื้อถอนส่วนที่ผุพังไปก่อน เดี๋ยวฉันจะเข้าเมืองไปเอาของที่ไปรษณีย์ที่ญาติส่งมาเพิ่ม แล้วจะแวะไปขนปูนกับอิฐล็อตแรกมาให้"
"ได้เลย! ไม่ต้องห่วง ทางนี้พี่จัดการเอง!"
หลินเย่วชิงฝากลูกๆ ทั้งสามไว้กับคุณลุงของพวกเขา ก่อนจะคว้าตะกร้าเปล่าสองใบใหญ่แล้วเดินลงจากเขาไปอย่างทะมัดทะแมง เธอมุ่งหน้าไปยังจุดลับตาคนในป่าลึก... ที่ที่เธอจะเริ่มสร้างอาณาจักรของเธอขึ้นมา
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เธอก็สั่งของล็อตแรกออกมาจากมิติ... ถุงปูนซีเมนต์สิบถุง อิฐแดงสองร้อยก้อน และท่อประปา! แม้จะหนักอึ้ง แต่ด้วยร่างกายใหม่ที่ได้รับการบำรุงด้วยอาหารชั้นดีจากอนาคตมาสองวันเต็ม เธอก็รู้สึกแข็งแรงกว่าที่เคย
ภารกิจแรกในโลกใบใหม่ของเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว... มันไม่ใช่แค่การซ่อมบ้าน แต่มันคือการสร้างรากฐานแห่งชีวิตใหม่ที่มั่นคงและแข็งแกร่งกว่าเดิม!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้