เมื่อถูกซ่งฉียวนกอดเอาไว้สองมือของผมก็ไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนเลย สุดท้ายจึงได้แต่ตบไปที่หลังเขาเบาๆแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มองเห็นแล้วก็ดี คืนนี้พักผ่อนให้สบายเถอะอีกสองวันข้าจะพาเ้าเข้าไปในหุบเขาเพื่อฟื้นฟูเส้นลมปราณ”
เขาเหมือนกับถูกผมตบให้ตื่น จึงรีบหดมือกลับไปใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ แล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกโดยอัตโนมัติจากนั้นจึงนั่งลงที่เดิมอย่างระแวดระวัง พร้อมกับพูดเสียงเบาว่า “ท่านอาจารย์ขออภัยขอรับ ข้าตื่นเต้นมากไปหน่อย” เมื่อพูดประโยคนี้จบก็ก้มศีรษะให้ผมอีกหนึ่งครั้ง “ขอบพระคุณอาจารย์มากขอรับที่รักษาดวงตาให้ข้า! ”
ซ่งฉียวนที่อยู่ในหนังสือได้รับความเมตตาจากผู้คนมากมายบนเส้นทางแห่งการฝึกตนเขาจึงเป็คนที่มีบุญคุณที่ต้องตอบแทนแต่มีเพียงบุญคุณของเยี่ยวั่งจือเท่านั้นที่เขาไม่เคยได้ตอบแทนสำเร็จ ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบแทนแต่ไม่สามารถตามหาตัวเจอได้ต่างหาก
นี่จึงถือเป็เื่น่าเสียดายอันใหญ่หลวงในชีวิตของซ่งฉียวน
“ลุกขึ้นเถอะขอเพียงเ้ามีชีวิตที่แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี ได้ทำในสิ่งที่เ้าอยากทำจนสำเร็จก็ถือเป็การตอบแทนบุญคุณแก่ข้าแล้ว”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ แม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกเนื้อตัวชาไปหมดทำไมยิ่งครุ่นคิดก็ยิ่งเหมือนคำที่พ่อแม่พูดกับลูกขนาดนี้? จากนั้นจึงเกาหน้าอย่างกระอักกระอ่วนแต่ไม่คิดว่าพอหลุบตาลงจะปะทะเข้ากับดวงตาอันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของซ่งฉียวนที่ราวกับซาบซึ้งจนเกือบจะร้องไห้เข้าพอดี
หัวใจของผมพลันติดขัดไปชั่วขณะ
ผมจึงรีบวางมือลงแล้วลงจากเตียงอย่างว่องไวจากนั้นจึงบอกกับเขาว่าให้พักผ่อนให้สบาย ก่อนจะรีบเปิดประตูออกมาทันทีแล้วถือโอกาสอุ้มอาจิ่วที่ง่วงนอนจนกะพริบตาปริบๆ อยู่ด้านนอกไปด้วย
เด็กน้อยที่น่ารักนุ่มนิ่มราวกับขนมอี๋ [1] และเชื่อฟังราวกับลูกสุนัขแบบนี้คือซ่งฉียวนจริงๆ หรือ?
ประตูไม้ถูกปิดลงเสียงดังปังดวงตาของซ่งฉียวนที่นั่งอยู่บนเตียงฉายประกายความเฉียบคมและความเคลือบแคลงอยู่แวบหนึ่งทว่าไม่นานก็จมลงสู่ความปีติยินดีที่สามารถกลับมามองเห็นแสงสว่างได้อีกครั้ง
ผมวางอาจิ่วลงบนเตียงไม้แต่ตนเองกลับไม่คิดที่จะนอนเลยด้วยซ้ำ คืนนี้ผมอยากจะไปสำรวจเส้นทางในถ้ำหมื่นกระดูกดูสักหน่อยไม่คิดเลยว่าจนป่านนี้แล้วจะยังหาบ่อโลหิตอสูรไม่เจอ
ที่ตั้งของหุบเหวลึกในหุบเขาิญญานั้นแสนจะอันตรายเมื่อมองลงมาจากที่สูง ก็จะดูเหมือนมีดอันคมกริบที่ชี้ตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าซึ่งต่างจากที่ที่ผมอาศัยอยู่ เพราะบนหน้าผาแห่งนี้หาต้นไม้ใบหญ้าไม่เจอสักต้นสมแล้วที่ชื่อว่าเปลี่ยวร้าง อีกทั้งบนูเาแต่ละลูกล้วนมีถ้ำอยู่เป็จำนวนหลายร้อยหรือไปจนถึงหลายพันแห่งด้วยกันสถานที่แห่งนี้เคยเป็รังของอสูรร้ายเฉวียงฉีมาก่อนภายในถ้ำเ่าั้เต็มไปด้วยโครงกระดูกของอสูร บ้างก็ภูต หรือบ้างก็ผู้ฝึกตนกระจายอยู่เกือบทั่วทั้งถ้ำจึงถูกคนขนานนามว่าถ้ำหมื่นกระดูก
เมื่อมองลงไปยังก้นเหวลึกอันมืดมิดแล้วผมก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ แล้วขยายกระแสจิตกระจายออกไปจนไปสถิตอยู่ที่จุดหนึ่งบนไหล่เขา ก่อนจะเหาะลงไปยังจุดนั้นช้าๆ
เมื่อยืนอย่างมั่นคงอยู่ตรงปากถ้ำไม่ทันไรด้านในก็มีพายุหมุนกำลังแรงสูงลูกหนึ่งพัดเอากลิ่นคาวคลุ้งพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าของผมในทันทีผมรีบสะบัดแขนเสื้อ เพื่อปัดพายุหมุนนั้นให้สลายตัวไป จึงได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
ความจริงแล้วเฉวียงฉีก็คือหนึ่งในสี่ของสัตว์อสูรต่อให้ถูกสะกดจนเหลือเพียงดวงจิต ผมก็ยังไม่กล้าประมาทอยู่ดีจึงย่ำฝีเท้าไปอย่างระมัดระวัง ทว่ายังไม่ทันได้เดินไปไกลนัก ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบที่ใต้ฝ่าเท้าเมื่อเพ่งมองดู กลับกลายเป็ว่าเหยียบไปโดนโครงกระดูกสีขาวที่แข็งกรอบท่อนหนึ่งจนแตกหัก
ผมรีบยกเท้าออกอย่างไม่ลังเลก่อนจะสะบัดมือจุดเปลวไฟสีฟ้าเข้มขึ้นบนกำแพงหินสีดำสนิทและก็เป็อย่างที่คิดเอาไว้ เพราะนอกจากบริเวณใต้ฝ่าเท้าของตัวเองแล้ว ทั่วทั้งบริเวณที่ทอดยาวไปข้างหน้าอีกหลายสิบเมตรล้วนเต็มไปด้วยโครงกระดูกสีขาวที่กำลังสะท้อนแสงสีฟ้าจากเปลวไฟ และทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต้องขวัญผวาในยามดึกดื่นเช่นนี้
ผมสะกดกลั้นความรู้สึกขนลุกขนพองเอาไว้ก่อนจะย่อตัวลงสำรวจโครงกระดูกเหล่านี้ และพบว่าพวกที่วางอยู่ตรงมุมถ้ำจะเป็โครงกระดูกเก่าที่ทั้งดำและเปราะส่วนบริเวณด้านนอกกลับเป็โครงกระดูกสีขาวและยังดูใหม่ บางชิ้นยังมีเส้นเืแห้งกรังติดอยู่ด้วยซ้ำภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ทำให้ผมหยุดตื่นกลัวไม่ได้เลย
หรือว่า... เฉวียงฉีจะฟื้นคืนชีพแล้ว?
ให้ตายเถอะ! หากบรรพบุรุษท่านนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่าว่าแต่ให้ผมใช้เืสัตว์อสูรฟื้นฟูเส้นลมปราณให้กับซ่งฉียวนเลยแม้แต่ทั่วทั้งทวีปนี้ก็ยังต้องสั่นะเื!
ไม่ใช่สิ?หากเดรัจฉานตัวนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆคงไม่มีทางที่จะซ่อนตัวอยู่ในหุบเหวลึกของหุบเขาิญญาเล็กๆ นี้หรอกเพราะเขาจะต้องไปแก้แค้นพวกสี่เผ่าตระกูลสัตว์เทพอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้น แล้วใครกันที่เป็คนก่อให้เกิดโครงกระดูกสีขาวเหล่านี้?
ผมระงับความกลัวที่ค่อยๆ ขยายตัวขึ้นในใจลงและเดินเข้าไปยังด้านในต่ออีกหลายร้อยเมตร ตรงลึกเข้าไปในถ้ำ ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคือบ่อน้ำสีแดงเืบ่อหนึ่งแสงสีแดงเจิดจ้าสะท้อนไปบนผนังด้านในของถ้ำ บรรยากาศช่างแปลกประหลาด บริเวณเพดานของถ้ำนี้มีความสูงมากจนทำให้ผมตื่นกลัวเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง
บนนั้นมีกรงที่มีความยาว ความกว้าง และความสูงอย่างน้อยยี่สิบเมตรแขวนอยู่กรงหนึ่งที่เสาแต่ละต้นมีแสงสีเขียวเข้มเปล่งแสงวิบวับภูตอสูรที่อยู่ในกรงมีรูปร่างคล้ายกับเสือ ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแดง ทว่ากลับมีปีกอยู่คู่หนึ่งและตอนนี้กำลังหลับใหล พร้อมทั้งแยกเขี้ยวอันแหลมคมอยู่บนปาก ดูแล้วช่างน่ากลัวจริงๆ
เอาเถอะตัวใหญ่ขนาดนี้แต่กลับเป็เพียงดวงจิตของเฉวียงฉีเท่านั้นหรือ?
แต่โชคดีเมื่อสิ่งที่ผมกังวลยังไม่ได้เกิดขึ้นผมรู้จักกรงสีเขียวกรงนี้ มันถูกสร้างขึ้นจากเกล็ดและกระดูกของนักรบัเขียวที่ตายไปในตอนนั้นและเสริมด้วยคาถาปิดผนึกอันลึกลับ ซึ่งแข็งแกร่งมากทีเดียวและเนื่องจากกรงนี้ยังไม่ถูกทำลาย ที่แห่งนี้จึงนับว่าปลอดภัย โครงกระดูกสีขาวด้านนอกเ่าั้อาจจะถูกสัตว์ร้ายตัวอื่นกินก็เป็ได้
เมื่อผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้างแล้ว จึงไปสำรวจดูเือสูรร้ายที่มีกลิ่นคาวคลุ้งนั่นภายในบ่อขนาดเวลาผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว ทว่าเืเหล่านี้ยังคงดูสดใหม่ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อยอาศัยเพียงลมหายใจอย่างเดียวก็รู้สึกได้ถึงพลังบริสุทธิ์อันไร้เทียมทานที่แฝงเร้นอยู่ในนั้นเมื่อได้สูดดมกลิ่นคาวบนอากาศเข้าไป เืภายในร่างกายก็เกิดพุ่งพล่านขึ้นมาทีละนิด
เพียงแต่ผมไม่เข้าใจว่าของวิเศษแห่งการฝึกตนที่ดีขนาดนี้ ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ถูกผู้ฝึกตนแย่งชิงไปอีก?
ในเื่ “มหันตภัยแห่งแดนเซียนปีศาจ”ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลนี้เอาไว้ กล่าวแค่ว่าเยี่ยวั่งจือค้นหาวิธีช่วยซ่งฉียวนวิธีนี้ได้จากนั้นก็ทำให้ตัวเอกมีร่างกายเหนืุ์ไปตามความคิดความอ่าน
ผมระงับความสงสัยในใจลงแล้วสำรวจดูทั่วทั้งถ้ำอย่างละเอียดอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่พบสิ่งอันตรายจริงๆและเฉวียงฉีตัวนั้นก็หลับสนิทเช่นกัน ดูท่าแล้วไม่น่าจะสามารถตื่นขึ้นมาได้
บางทีผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้
......
เชิงอรรถ
[1] ขนมอี๋ คือขนมหวานของจีนที่มีลักษณะเป็ก้อนกลมหลากสี เหมือนกับขนมบัวลอยของไทย