“ท่านอาจารย์เหตุใดท่านจึงสวมหน้ากากตลอดเลยขอรับ? ”
สองวันต่อมา ผมกำลังจะสั่งให้สิงโตสองหัวพาซ่งฉียวนมุ่งหน้าไปยังเหวลึกของหุบเขาิญญาจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กที่อยู่ข้างกายถามขึ้น จึงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า “เพราะบนใบหน้าของข้ามีรอยแผลเป็ที่น่ากลัว”
อาจิ่วที่อยู่บนไหล่ผมได้ยินคำพูดนี้ก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จึงรีบกระพือปีกบินออกไปด้านนอก ผมไม่สนใจมันหรอก แล้วพูดต่อว่า “ตอนแรกรอยแผลเป็นี้ลึกจนเห็นกระดูกเป็แนวขวางั้แ่หน้าผากไปจนถึงสันจมูก แม้ตอนนี้จะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังดูอัปลักษณ์อยู่ข้าจึงใส่หน้ากากนี้เอาไว้เพราะไม่อยากทำให้คนอื่นใกลัว”
“ขออภัยขอรับ ท่านอาจารย์ข้าไม่ควรถามเลย” ซ่งฉียวนก้มหน้าลงอย่างอัดอั้นน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ผมกำลังจะบอกว่าไม่เป็ไร แต่ไม่คิดว่าตัวรถจะสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมากะทันหันเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ จึงนั่งไม่อยู่กับที่ ร่างกายโอนเอนจนตกมาอยู่ในวงแขนของผม
เมื่อรถทรงตัวได้แล้วเด็กคนนี้จึงลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ทั้งใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปจนถึงใบหูดูแล้วน่ารักมาก
ซ่งฉียวนมีพลังเหนืุ์มาั้แ่เด็กจึงสามารถบรรลุขั้นปฐมฌานระดับปลายได้ั้แ่อายุเพียงสิบขวบตลอดจนเป็ผู้มีอายุน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งผู้ฝึกตนแน่นอนว่าคงไม่เกิดอาการแม้กระทั่งนั่งไม่มั่นคงบนรถม้าผมเดาว่าเขาคงรู้สึกเสียหน้าที่หล่นลงมาอยู่ในอ้อมกอดของผม นี่อาจเป็สาเหตุที่ทำให้เขาเกิดอาการหน้าแดงหรือเปล่า
ผมแหวกม่านออกเมื่อยื่นตัวออกไปส่องดูกลับเห็นอาจิ่วมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างหนักส่วนร่างกายอันมหึมาของสิงโตสองหัวก็ดูเหมือนกำลังใกลัวจนตัวสั่นเป็ตะแกรงไม่กล้าก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว ผมจึงอดขมวดคิ้วยุ่งไม่ได้ จึงถามอาจิ่วว่า “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? ”
อาจิ่วมองมาที่ผม แววตาเล็กๆ ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความใเขาอึ้งไปครู่หนึ่งจึงตอบกลับมาว่า “นายท่าน ข้า ข้า... เมื่อครู่ข้าเห็นภาพนิมิตของเฉวียงฉีขอรับ” เขาะโขึ้นมาบนไหล่ผม และยังคงรู้สึกขวัญผวาอยู่ “ภาพนิมิตนั้นสูงร้อยเมตรแล้วอ้าปากกว้างจนเกือบจะกลืนรถของพวกเราเข้าไปในท้องทำให้ข้ากับสิงโตสองหัวกลัวจนไม่กล้าขยับตัว หากข้าไม่ปลอบใจสิงโตน้อยตัวนี้มันคงทำให้รถพลิกคว่ำไปแล้ว”
ผมมองลงไปยังด้านล่างและพบว่ารถได้เดินทางมาถึงบนถ้ำที่ผมพบในคืนนั้นจริงๆ แม้ว่าเฉวียงฉีจะถูกสะกดไว้แต่แรงอาฆาตที่ดวงจิตปล่อยออกมานั้นยังคงมีอยู่ ตอนนั้นผมััได้ถึงลมกระโชกแรงที่ดังโหยหวนเนื่องจากพลังบำเพ็ญเพียรแข็งแกร่ง เพียงโบกมือเล็กน้อยลมนั้นก็สลายตัวไปแล้วอย่างไรเสียอาจิ่วกับสิงโตสองหัวก็เป็เผ่าพันธุ์อสูร แน่นอนว่าลมกระโชกแรงนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อพวกเขามากกว่าผมมาก
หลังจากปลอบใจอาจิ่วไปหลายคำผมจึงให้เขาพาสิงโตสองหัวมารอผมที่ด้านนอกูเา ถ้ำนี้ผมกับซ่งฉียวนจะเข้าไปเอง เพราะรู้ว่าการฟื้นฟูเส้นลมปราณในครั้งนี้จะต้องใช้เวลามากอย่างแน่นอนผมจึงตั้งใจให้อาจิ่วรออีกสักสองสามวัน โดยกำชับกับเขาว่าไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะไม่เกิดเื่ใหญ่อะไรขึ้นหรอก
“ฉียวน เ้าเดินตามหลังข้ามาหากเข้าไปในถ้ำแล้วรู้สึกไม่สบายร่างกายตรงไหน ต้องรีบบอกมาทันทีนะ”
“ฉียวนเข้าใจแล้วขอรับ”
เมื่อเห็นเขาพยักหน้าผมจึงรวบรวมสติให้ได้มากที่สุด แล้วเดินตรงไปยังถ้ำที่มืดสนิทตอนนี้เป็เวลารุ่งเช้า แสงแดดกำลังส่องสว่าง จึงทำให้ในนี้ดูไม่น่ากลัวเหมือนเช่นคืนนั้นแต่โครงกระดูกสีขาวที่อยู่บนระหว่างทางเดินดูไม่น้อยลงเลย ในทางตรงกันข้ามมันกลับมีมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเป็สัตว์ป่าตัวไหนกันที่กล้าวิ่งเข้าไปกินของในถ้ำของเฉวียงฉี?
ผมโบกมือปัดไประหว่างกลางของโครงกระดูกสีขาวเ่าั้ให้แหวกออกเป็ทางเดินจากนั้นก็เดินเข้าไปกับซ่งฉียวนได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงจุดที่เฉวียงฉีถูกผนึกเอาไว้
ดวงจิตของเฉวียงฉีที่ถูกคุมขังอยู่ในกรงบนเพดานถ้ำที่สูงนั้นยังคงหลับสนิทเหมือนอย่างเคยผมได้ยินเสียงเด็กน้อยที่อยู่ข้างกายสูดหายใจเข้าอย่างตื่นกลัว ก็อดหัวเราะไม่ได้ก่อนจะลูบศีรษะเขาโดยไม่รู้ตัว “เ้าไม่ต้องตื่นใไป มันถูกผนึกไว้หลายร้อยปีทำให้หนีออกมาไม่ได้ชั่วคราว”
“...ท่านอาจารย์ข้าไม่กลัวเลยขอรับ” ดูเหมือนว่าซ่งฉียวนจะไม่อยากให้ผมดูถูกเขาเขาไม่ยอมรับเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกลัวอสูรร้ายตนนี้
ผมจึงไม่จี้ใจดำเขาอีกและชี้ไปยังสระโลหิตอสูรที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วเข้าไปนั่ง”
ซ่งฉียวนถอดเสื้อนอกออกอย่างว่าง่ายแล้วเหลือเพียงเสื้อสีขาวด้านในตัวเดียว เมื่อเห็นร่างผอมบางของเขาผมก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายเช่นนี้จะสามารถทนต่อการอาบชำระเือสูรอันบริสุทธิ์นี้ได้อย่างไรกัน?
และก็เป็ตามที่คาดไว้เมื่อเขาก้าวเข้าไปในสระอย่างว่าง่ายใบหน้าเล็กที่เคยเรียบนิ่งของเขาแทบจะเปลี่ยนสีไปในทันที ทว่าความเ็ปนี้ทำให้เขาหยุดเดินไปเล็กน้อยเท่านั้นจากนั้นจึงกัดฟัน จนใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ แล้วก้าวเดินเข้าไปอย่างมั่นคงจากนั้นจึงข่มใจนั่งลงไป ในระหว่างนั้นไม่มีเสียงโอดครวญหลุดออกมาให้ผมได้ยินเลยแม้แต่น้อย
ผมแอบชื่นชมอยู่ในใจ ก่อนจะสั่งต่อว่า “นึกถึงเคล็ดวิชาการไหลเวียนลมปราณของตัวเองก่อนหน้านี้ทำซ้ำไปหลายๆ ครั้ง จากนั้น... ระวัง! ”
“ฮาก——”
ผมยังพูดไม่ทันจบก็มองไปเห็นเฉวียงฉีที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก้าดวงตาพยัคฆ์คู่ใหญ่ของมันจู่ๆ ก็เบิกออกกว้างแสงวาวโรจน์อันน่าสะพรึงกลัวฉายชัดอยู่ภายใน เดรัจฉานตนนี้เปล่งเสียงร้องคำรามออกมาทำให้กรงสีเขียวมรกตสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับต่อให้แข็งแกร่งมากเพียงใดก็สามารถร่วงหล่นลงมาได้อยู่ดี
จากนั้นเสียงฮึมฮัมก็ดังเข้ามาที่หูของผม จึงหันไปมองซ่งฉียวนที่อยู่ด้านล่างซึ่งตรงกับกรงขังพอดีเห็นว่ามีเืสดๆ ไหลซึมออกมาจากหูทั้งสองข้างของเขา หัวใจผมสั่นระรัวผมรีบพุ่งตัวเข้าไปดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขน แล้ววางเขาลงตรงมุมหนึ่งของผนังถ้ำอย่างระมัดระวังก่อนจะนำพลังปราณเส้นหนึ่งมาปกป้องหูทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ทว่าเมื่อกำลังจะหันกลับไปแขนเสื้อกลับถูกซ่งฉียวนจับเอาไว้ เมื่อก้มหน้าลงก็สบตาเข้ากับเขาพอดี
คาดว่าหูของเขาคงจะหนวกไปชั่วคราวและสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นก็ทั้งคลุมเครือและตะกุกตะกักแต่ผมก็จับประเด็นจนเข้าใจได้ สิ่งที่เขาพูดคือ ท่านอาจารย์ไม่ต้องสนใจข้ารีบออกไปเถอะ
ผมรู้สึกตื้นตันอย่างสุดซึ้ง จึงยื่นมือไปลูบศีรษะของเขาและตอบว่า “เชื่อใจข้า”
เมื่อมองขึ้นไป้าผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่บนกรงนั่นกลับเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เฉวียงฉีที่ถูกผนึกอยู่ในนั้นกำลังดิ้นรนพร้อมกับคำรามเสียงอึกทึกกึกก้องออกมาเป็ระยะและชนเข้ากับเสาต้นหนึ่งจนหักล้มลงในที่สุด ก่อนจะแยกดวงจิตส่วนหนึ่งออกมาเกิดเป็ร่างอสูรที่มีความสูงห้าสิบเมตร มันแบกเอาปราณอาฆาตที่มีอยู่เต็มตัวพุ่งเข้าใส่ผมทันที
ดูเหมือนว่าเื่ในวันนี้จะไม่จบลงด้วยดีเมื่อมาถึงตอนนี้ผมก็พอจะเข้าใจแล้ว ว่าโครงกระดูกสีขาวที่อยู่นอกถ้ำเ่าั้สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากดวงจิตหลักของเดรัจฉานตนนี้และสิ่งสำคัญที่กระตุ้นความเป็สัตว์อสูรของเขาก็คือเืที่มีอยู่เต็มสระซึ่งเพียงแค่ััก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้คนที่ใฝ่หาเืสัตว์อสูรเ่าั้คงกลายเป็โครงกระดูกสีขาวอันเกลื่อนกลาดนั่นไปหมดแล้วเป็แน่
ผมรับรู้ได้เลยว่านี่จะต้องเป็การต่อสู้ที่ดุเดือดจึงสะบัดพลังปราณอันแรงกล้าพุ่งไปยังปากถ้ำ จนทางเข้าถ้ำนั้นปิดตายสนิท ปิดกั้นที่แห่งนี้จากโลกภายนอกเพื่อไม่ให้อาจิ่วสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติแล้วรีบรุดเข้ามาภายในถ้ำ
ในชีวิตนี้ผมไม่อยากเห็นเขาได้รับาเ็อีกแล้ว
จากนั้นจึงรีบเสกเคล็ดวิชาขึ้นมาบนมืออย่างรวดเร็ว่นี้ความทรงจำบางส่วนของอวี๋เคอกำลังถูกรื้อฟื้นขึ้นมาตอนนี้ผมสามารถใช้คาถาปิดผนึกกับคาถาอื่นๆ ได้เล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถต่อกรกับอสูรร้ายตัวมหึมาที่อยู่ตรงหน้าได้หรือไม่
พลังปราณอันแรงกล้าไหลเวียนโอบอุ้มรอบเคล็ดวิชาจนไปจุติรวมกันเกิดเป็โซ่เรียวยาวเส้นหนึ่งผมควบคุมโซ่แล้วฟาดใส่เฉวียงฉี เพื่อสกัดการเคลื่อนตัวไปยังด้านหน้าของเขาทว่ากลับถูกพลังกระแทกกลับจนะเืถอยหลังไปหลายก้าว
เดี๋ยวก่อน พลังนี้มันมหาศาลไปหรือเปล่า? โลกอันเส็งเคร็งนี่ไม่ได้กำลังล้อเล่นกับผมอยู่จริงๆใช่ไหม?
ผมรู้สึกไม่สู้ดีนักเ้าเดรัจฉานตนนี้ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยคราวนี้ผมบังเอิญเฆี่ยนไปโดนดวงตาพยัคฆ์ของมันพอดี มันจึงร้องเสียงโหยหวนแต่กลับกลายเป็ยิ่งดูเกรี้ยวกราดมากขึ้นหลังจากผ่อนอารมณ์ลงก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตายอีกครั้ง ผมจึงรีบเหวี่ยงโซ่ขึ้นหมุนควงเป็รูปบ่วงอยู่กลางอากาศ แล้วเหวี่ยงเข้าไปคล้องตัวเฉวียงฉีเอาไว้
ก่อนจะนำพลังปราณเคลื่อนตัวไปยังนิ้วทั้งสองแล้วชี้ไปยังปลายทั้งสองด้านของโซ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” โซ่นั้นได้ถูกล็อกตายเอาไว้อย่างแ่าแล้วเฉวียงฉีได้สูญเสียการควบคุมร่างกายจนตัวแข็งทื่อไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อยู่ตรงบริเวณนั้นชั่วขณะ
ผมกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าในวินาทีถัดมาก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะเฉวียงฉีตัวที่อยู่ในกรง้าได้แยกดวงจิตออกมาอีกดวงหนึ่งแล้วพุ่งเข้าใส่ซ่งฉียวนที่อยู่ตรงมุมถ้ำอีกครั้ง!
ผมใมาก ร่างกายจึงไปเร็วกว่าสมองจนกระทั่งตอนที่เข้ามาเอาตัวบังซ่งฉียวนไว้ ถึงได้ตระหนักว่าผมนั้นโง่อีกแล้วเพราะผมสามารถใช้พลังปราณดึงเขาออกมาจากตรงนี้ได้เลย!
ความรู้สึกที่ถูกกรงเล็บของเฉวียงฉีตะปบไปครั้งหนึ่งนั้นไม่สู้ดีเป็อย่างมากผมอดทนต่อความเ็ปแล้วหมุนตัวผายฝ่ามือออกไป เพื่อรั้งซ่งฉียวนให้ถอยห่างออกมาเป็ระยะสิบกว่าเมตรแล้วปกป้องเขาเอาไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงร่ายเคล็ดวิชาด้วยมือข้างเดียวแล้วปลดปล่อยพลังปราณมหาศาลให้หลั่งไหลออกมา เพื่อเชื่อมถึงโลกและ์จนเกือบจะทำให้เวลาทั่วทั้งภายในถ้ำหยุดนิ่งอากาศผสานเข้ากับพลังปราณจนกลายเป็ตาข่ายขนาดใหญ่ แล้วขังเฉวียงฉีตัวที่ถูกผมจับมัดเอาไว้ด้วยโซ่กับเฉวียงฉีตัวที่ติดอยู่ในกรงเข้าด้วยกันก่อนจะผนึกเอาไว้บนยอดถ้ำอย่างแ่า
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้นผมก็รู้สึกเพียงว่าลมหายใจในทรวงอกตีกันรวน และรู้สึกพะอืดพะอมในลำคอ จนทนไม่ไหวต้องกระอักเืออกมา
ในตอนแรกผมอยากจะรักษาพลังเอาไว้เพื่อฟื้นฟูเส้นลมปราณให้กับซ่งฉียวนแต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ได้รับาเ็เท่านั้น ทว่ายังสูญเสียพลังปราณไปมากอีกด้วยเมื่อเงยหน้าขึ้นมองสัตว์ร้ายที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศซึ่งร้องคำรามไม่หยุดผมจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา
พี่ใหญ่ พี่ดูสิ่งที่พี่ทำสิ! จะทำตัวดีๆสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ?
ผมกลอกตามองบนและนึกขึ้นได้ว่ายังมีซ่งฉียวนอีกหนึ่งคนที่ถูกทำให้ขวัญผวาอยู่ด้านหลังผมจึงหันไปดูเขาว่าได้รับาเ็ตรงไหนหรือเปล่า แต่ปรากฏว่ากลับได้เห็นเ้าเด็กบ้าคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ขี้มูกโป่ง
ดวงตาของเด็กน้อยที่ผมเพิ่งจะรักษาจนหายดีได้ไม่ทันไร ตอนนี้บวมเป่งจนกลายเป็ลูกท้อไปแล้วน้ำตาไหลลงมาเปาะแปะเป็หยดๆ ทำให้ทั่วทั้งใบหน้าเล็กดูสกปรกมอมแมมเสื้อตัวในสีขาวที่เพิ่งผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาเมื่อครู่เปรอะเปื้อนไปทั้งเืและโคลนจนดูไม่ออกเลยว่าได้รับาเ็หรือไม่
ผมขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะยื่นมือไปคลายมนตร์ป้องกันที่หูเขาออกแล้วถามว่า “าเ็ตรงไหนหรือไม่? เ้าเจ็บมากเลยหรือ? เหตุใดจึงร้องไห้จนเป็เช่นนี้? ”
เนื่องจากตอนนี้ถูกผมจ้องมอง เขาจึงรีบใช้มือที่เต็มไปด้วยเืเช็ดไปที่ดวงตาแต่น้ำตาก็ไม่ยอมหยุดไหลอยู่ดี อีกทั้งตอนนี้ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
“ท่าน... ท่านอาจารย์ เหตุใด... ท่านจึงดีกับข้า...ถึง... เพียง... นี้? ท่านดีกับข้าเกิน... เกิน... ไปแล้วแม้ทั้งชีวิตข้าก็ยังชดใช้... ไม่หมด”
เมื่อผมได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกมีความสุขแล้วมันเื่ใหญ่โตสักเท่าไรกัน เด็กคนนี้ช่างซาบซึ้งง่ายดายเหลือเกินทั้งหมดนี้ก็คืออาการขาดความรักหรอก!
เมื่อวางมือบนศีรษะของเขา ผมจึงพูดว่า “เพราะข้าคืออาจารย์ของเ้าอย่างไรเล่าตอนนี้ก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว ควรฉวยโอกาสตอนที่เดรัจฉานตนนี้ขยับตัวไม่ได้จะดีกว่าเพราะข้าต้องรีบฟื้นฟูเส้นลมปราณให้กับเ้า ไม่อย่างนั้นหากเวลาล่วงเลยนานเข้าคงรับรองไม่ได้ว่าเขาจะไม่ก่อเื่เลวร้ายอะไรขึ้นมาอีก”