กล่าวจบ ไม่รออวี้เสวียนจีตอบสนอง ซูเฟยซื่อได้ก้าวไปตบหน้าซูจิ้งเถียนไปหลายครั้ง
เพราะน้ำหนักมือที่ตบออกไป ในชั่วพริบตาหน้าของซูจิ้งเถียนพลันบวมแดง ทั้งมุมปากยังมีคราบเื
สตรีที่งามเลิศไม่เป็สองเมื่อครู่ ถูกตีจนกลายเป็หัวหมูเช่นนั้น
เหตุการณ์วุ่นวายนี้มันเื่อะไรกัน? ซูเฟยซื่อไม่ได้ออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือหรอกหรือ?
มีเพียงอวี้เสวียนจีที่ได้สติกลับมา ประกายเจิดจรัสในดวงตาทอวาบ มุมปากกระตุกเล็กน้อย ช่างน่าสนุกเหลือเกิน
ซูเฟยซื่อช่างหลักแหลม กลยุทธ์ไม้นี้ใช้การถอยแทนการรุก พลิกจากแขกเป็เ้าภาพ เอาอกเอาใจคนของทั้งสองฝ่ายในเวลาเดียวกัน
กล่าวไปสำหรับอัครมหาเสนาบดี ซูจิ้งเถียนถูกตีไม่ใช่เพราะล่วงเกินอวี้เสวียนจี แต่เพราะจวนอัครมหาเสนาบดีกำลังใช้กฎระเบียบครอบครัว ไม่เพียงแต่ไม่เสื่อมเสียต่อหน้าผู้คน ยังจะได้ชื่อเสียงที่ดีเื่จารีตอันเข้มงวด
กล่าวไปสำหรับเขา คำพูดของซูเฟยซื่อสมบูรณ์แบบขนาดนั้น ทั้งได้ตีซูจิ้งเถียนอย่างเ็ปรอบหนึ่ง ย่อมเป็ประโยชน์อย่างมาก
กล่าวไปสำหรับซูเฟยซื่อเอง ก็คิดจะตีซูจิ้งเถียนมานานแล้ว หลายฝ่ามือฟาดลง ซูจิ้งเถียนไม่อาจโต้กลับ ซูเต๋อเหยียนยังต้องขอบคุณนาง ไม่ต้องพูดถึงความสะใจว่ามากมายเพียงไร
สิ่งสำคัญที่สุด หลังจากเื่วันนี้ผ่านไป ไม่ว่าจะเป็ซูเต๋อเหยียน ซ่งหลิงซิว หรือแม้แต่คนในเมืองหลวงล้วนต้องสนใจนาง นางไม่ได้เป็คุณหนูสามแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีผู้เงียบขรึมคนนั้นอีก แต่เป็สตรีที่น่าทึ่งซึ่งประชากรทุกคนยกย่องสรรเสริญ
ช่างเป็กลยุทธ์ที่ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสี่ตัว เขาคงดูถูกนางเกินไปแล้ว
ซูจิ้งเถียนไหนเลยจะเคยถูกคนตีจนมึนงงแทบสลบ รอจนนางได้สติกลับมาจะโต้คืน ซูเฟยซื่อถลึงตาคมกริบใส่นางคราหนึ่ง มองจนอีกฝ่ายสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง “ไม่คิดอยากให้อวี้เสวียนจีตีตายก็อยู่นิ่งๆ เถอะ”
กล่าวจบซูเฟยซื่อก็ตบหน้าซูจิ้งเถียนอีกหลายครั้ง แล้วยั้งฝ่ามืออันหนักหน่วงลงอย่างยากลำบาก “ท่านอ๋องเก้าพันปี หม่อมฉันได้สำเร็จโทษตามกฎระเบียบครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ให้หม่อมฉันช่วยท่านตบหน้าอีกหลายทีไหมเ้าคะ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างเข้าใจเจตนารมณ์การกระทำนี้ของซูเฟยซื่อทันที
เวลานี้ไม่ว่าอวี้เสวียนจีจะตอบอย่างไร ก็ล้วนหลงกลอุบายของซูเฟยซื่อทั้งสิ้น ถ้าตอบตกลงแล้ว เช่นนั้นซูเฟยซื่อได้ช่วยเขาตบหน้าหลายครั้งจบ ก็ไม่มีเื่ของเขาคั่งค้างอีก ยี่สิบไม้กระดานที่เพิ่งกล่าวเมื่อครู่ย่อมเลี่ยงไปได้
ถ้าเขาตอบว่าไม่ ซูเฟยซื่อต้องรีบดึงซูจิ้งเถียนขอบพระคุณที่อวี้เสวียนละเว้นโทษทันที แล้วยี่สิบไม้กระดานใหญ่นั่นยังยกขึ้นมาพูดได้อีกหรือ?
กลยุทธ์ไม้นี้ใช้การถอยแทนการรุก ดูเหมือนเป็การประจบ แต่ในความเป็จริงเพื่อช่วยให้ซูจิ้งเถียนเลี่ยงเคราะห์กรรมครั้งนี้ ทั้งยังเลี่ยงมิให้จวนอัครมหาเสนาบดีต้องขายหน้าด้วย
ไม่คิดว่าจวนอัครเสนาบดียังมีหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ สายตาที่ทุกคนมองซูเฟยซื่อเผยแววสรรเสริญมากขึ้นหลายส่วน
“ฮ่าๆ ๆ อัครมหาเสนาบดีซูได้สอนบุตรสาวที่ดีคนหนึ่งแล้วจริงๆ” เห็นได้ชัดว่าวิธีจัดการของซูเฟยซื่อทำให้อวี้เสวียนจีพอใจมาก เขาโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้พวกนางถอยไป
เห็นแบบนี้ ซูจิ้งเถียนไหนเลยยังใส่ใจภาพลักษณ์อีก รีบหนีเตลิดไปทันที นางแซ่หลี่ที่นั่งข้างกายก็สะอื้นไห้เสียงเบาขึ้นมา
ซูเฟยซื่อโค้งคำนับให้ฝูงชนคราหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน “วันนี้น้องของหม่อมฉันร่ายรำรอบหนึ่งเพียงคิดให้พระสนมชี้แนะเท่านั้น ยังขอให้ทุกคนดูจบแล้วก็ลืมไปเถิด มิต้องแพร่ชื่อเสียงที่ไม่ดีของนางออกไปเ้าค่ะ”
วาจารอบหนึ่งกล่าวได้ใจกว้างมีหน้ามีตา เนื้อหายิ่งให้คนยอมสยบ
การร่ายรำของซูจิ้งเถียนรอบนี้กล่าวให้น่าฟังเป็ช่วยทุกคนให้ครื้นเครง กล่าวให้ไม่น่าฟังคือ ต้องเป็คนเช่นไรจึงร่ายรำให้ผู้คนต้องขบขัน?
คุณหนูสี่จวนอัครมหาเสนาบดีถึงกับทำเื่ลดฐานะเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัล แม้ทุกคนต่างแสดงความชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา ทว่าในใจกลับนึกดูถูกอยู่หลายส่วน
หลังจากคำพูดนี้จบลง สีหน้าของนางแซ่หลี่กับซูจิ้งโหยวยิ่งหม่นหมอง ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าปีนั้นซูจิ้งโหยวใช้วิธีเดียวกันหลอกล่อซ่งหลิงซิว เกรงว่าฝ่ามือนี้ไม่เพียงตบซูจิ้งเถียนเท่านั้น ทว่ายังตบลงบนใบหน้าของซูจิ้งโหยวโดยตรงอีก
เดิมทีวันนี้เป็วันที่พวกนางได้เตรียมโอกาสพิเศษแก่ซูจิ้งเถียน แต่ไม่คิดว่ากลับทำให้ซูเฟยซื่อยิ่งโดดเด่น พวกนางแซ่หลี่เห็นก็โกรธจนแทบคลั่ง
หลังจากซูเฟยซื่อกล่าวจบก็เดินกลับเข้าที่นั่งของตนเอง หางตาแสร้งกวาดผ่านซูเต๋อเหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกล รอยยิ้มมุมปากแวบหนึ่งก็หายไป
นางรู้ว่าการรบในวันนี้นางชนะอย่างสวยงาม
ยิ่งรู้ว่านางแซ่หลี่กับพี่น้องตระกูลซูย่อมไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด
“ในเมื่อยังมีผู้ที่สามารถช่วยคนจากเงื้อมมือของท่านอ๋องเก้าพันปีได้ ก็นับว่าให้ข้าเปิดหูเปิดตาแล้ว” ซูเฟยซื่อเพิ่งนั่งลง วาจารอบนี้ของซ่งหลิงซิว ทำให้นางถึงกับตึงเครียดไป
นางรู้ว่าเื่วันนี้ต้องดึงดูดความสนใจจากซ่งหลิงซิว แต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมซ่งหลิงซิวถึงกล่าวเช่นนั้น หรือวาจารอบนี้จะพยายามกระตุ้นให้อวี้เสวียนจีเกลียดนาง
ทั้งนี้คนหยิ่งยโสเช่นอวี้เสวียนจี ไหนเลยจะยอมให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเอาชนะเขา
ไม่คิดว่าวาจาตอนหลังของอวี้เสวียนจียิ่งทำให้ซูเฟยซื่อใ เขาเผยยิ้มทั้งยังดูไม่โกรธแค้น “ฮ่องเต้ทรงชมเกินไปแล้วจริงๆ ข้าอุปราชเคยพ่ายในมือของคนคนหนึ่ง แต่ตอนนี้คิดไปแล้ว คิ้วตาคุณหนูสามก็มีส่วนคล้ายนางอยู่บ้าง”
“โอ๊ะ? ทำไมข้าถึงไม่รู้เื่นี้ คนที่ท่านอ๋องเก้าพันปีกล่าวถึงเป็...” ซ่งหลิงซิวเลิกคิ้วเหมือนแปลกใจมากว่าผู้หญิงแบบไหนที่สามารถทำให้อวี้เสวียนจียอมรับความพ่ายแพ้อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
“เป็อดีตฮองเฮากู้ที่สิ้นชีพไปแล้ว กล่าวถึงนาง ข้าอุปราชไม่ใช่คู่ต่อสู้จริงๆ” จู่ๆ อวี้เสวียนจีเก็บงำลักษณะที่คล้ายยิ้มไม่ยิ้ม กล่าววาจาจริงจัง
ดวงตาทั้งคู่ยังคงจับจ้องซูเฟยซื่อ มองจนหนังศีรษะของนางชา ในใจเต้นแรงระส่ำระสายไม่เป็จังหวะ
นี่เป็เื่อะไรกัน? ทำไมอวี้เสวียนจีจึงบอกว่าเคยพ่ายแพ้ในมือของนาง? แล้วเพราะเหตุใดขณะกล่าววาจารอบนี้ถึงจ้องมองนาง? หรือเขาจะรู้ทันนางแล้ว?
“งั้นหรือ?” ซ่งหลิงซิวเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำไปไม่ชวนให้สนุกก็หัวเราะแห้งๆ สองครั้ง แล้วหยุดเจรจาในหัวข้อนี้
ซูเฟยซื่อลอบมองอวี้เสวียนจีอย่างระมัดระวัง เพียงเห็นเขากระดกมุมปากเบาๆ เหมือนภาคภูมิใจในชัยชนะ ใจที่แขวนไว้ในที่สุดก็วางลง
ใครบอกว่ามีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่ทำาจิตวิทยาชิงรักหักสวาทได้เท่านั้น ชายสองคนนี้ล้วนแสดงให้นางเห็นแล้ว
ซ่งหลิงซิวใช้นางลบหลู่อวี้เสวียนจี อวี้เสวียนจีกลับใช้ฮองเฮากู้ตีโต้คืน
ใครไม่รู้ว่าตอนนี้ฮองเฮากู้เป็ข้อห้ามของซ่งหลิงซิวกับซูจิ้งโหยว อวี้เสวียนจีเอ่ยขึ้นอย่างสามหาวไม่กลัวข้อห้าม ยังกล่าวว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮองเฮากู้แทบเป็การตบหน้าซ่งหลิงซิวเช่นนั้น
แม้เวลานี้นางยังไม่เข้าใจว่าทำไมขณะที่อวี้เสวียนจีกล่าวถึงฮองเฮากู้จึงมองมาที่นาง แต่ขอเพียงตัวตนของนางยังไม่ถูกเปิดโปงรู้ทันก็ใช้ได้
พิธีชุมนุมการแข่งม้าเริ่มต้นในความคิดของแต่ละคน ดูเหล่าชายหนุ่มขี่ม้าวิ่งตะบึง แววตาซูจิ้งโหยวกลอกมองละลงบนร่างของซูเฟยซื่อโดยตรง “ชุดขี่ม้าทั่วร่างของน้องสามนี้สง่างามหาได้ไม่มากจริงๆ เพียงไม่รู้ว่าน้องสามขี่ม้าเป็ไหม?”
ซูเฟยซื่อเผยรอยยิ้มเ็า อดรนทนไม่ไหวกันแล้วหรือ? กระทั่งเวลาสิ้นสุดพิธีชุมนุมการขี่ม้าก็รอไม่ได้แล้ว?
กำลังจะเอ่ยปาก เสียงดูถูกของซูจิ้งเซียงก็ดังขึ้น “น้องสามผอมแห้งแบบนี้ เกรงว่ากระทั่งหลังม้าก็คงปีนขึ้นไม่ได้”
“หญิงสาวในเหย้าในเรือนเรียนรู้เล่นพิณหมากรุกเขียนหนังสือจิตรกรรมก็พอแล้ว ยังยุ่งกับศิลปะขี่ม้า?” เดิมด้วยเื่ปิ่นมุกบุปผชาติ ต่งชิงหว่านก็ได้ผูกความบาดหมางกับซูจิ้งเซียงแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นซูเฟยซื่อถูกกลั่นแกล้ง ย่อมต้องะโออกมาช่วย