เส้นเอ็นเขียวบนมือของซูจิ้งโหยวปูดขึ้นรางๆ นางส่งสายตาไปให้นางแซ่หลี่อย่างไร้สุ้มเสียง นางแซ่หลี่รู้ความหมายทันที “เถียนเอ๋อร์บอกว่าไม่ได้เจอพระสนมมานานแล้ว ยังได้ฝึกการร่ายรำชุดหนึ่งเป็พิเศษ คิดขอคำชี้แนะจากพระสนม ตอนนี้ได้พบ ทำไมกลับเอียงอายไปแล้ว”
นางแซ่หลี่เป็มารดาแท้ๆ ของซูจิ้งโหยว ซูจิ้งเถียนเป็น้องสาวแท้ๆ ของซูจิ้งโหยว แต่เวลานี้นางกลับเรียกซูจิ้งโหยวเป็พระสนม เห็นได้ชัดว่ากำลังแอบประชดซูจิ้งเซียงไร้มารยาทไม่รู้จักจารีตประเพณี คิดเอื้อมสูงหมายอิงัแนบสนิทหงส์
น้องสาวแท้ๆ ของคนอื่นยังไม่ได้ไปที่นั่น ทำไมเ้าผู้เป็น้องสาวอนุคนนี้ถึงได้ใกล้ชิดแนบสนิทขนาดนั้นเล่า
ที่อยู่ในสนามต่างเป็ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ กับการต่อสู้ชิงดีกันในเรือนแบบนี้พบเห็นไม่แปลกใหม่ พอได้ฟังปุ๊บก็เข้าใจความหมายในวาจาของนางแซ่หลี่ อดไม่ได้ต่างจ้องถลึงตาโตรอชมละครสนุกชุดนี้
น้องสาวยั่วยวนพี่เขย แม่เลี้ยงออกตัวแอบประชด น่าสนุกจริงๆ
“อ้อ? เถียนเอ๋อร์ยังฝึกการร่ายรำชุดหนึ่งแล้วน่ะ มา เต้นให้ข้าชม” ซูจิ้งโหยวแกล้งทำเป็แปลกใจแกมใ ในดวงตากลับเข้าใจชัดเจนทั้งหมด
ดูๆ ไปพวกนางแม่ลูกได้วางแผนไว้แล้ว ต้องฉวยโอกาสพิธีชุมนุมแข่งม้าครั้งนี้ให้ซูจิ้งเถียนยิ่งเปล่งประกาย
ตามคาด ร่างของซูจิ้งเถียนในชุดกระโปรงรัดเอวสีขาว ส่วนกระโปรงและข้อมือย้อมปลายสีชมพู ดูคล้ายเป็ผีเสื้อโบยบินยืนอยู่ท่ามกลางสายลม กระโปรงพลิ้วสะบัด ผีเสื้อเ่าั้ดูราวกับโบยบินอยู่รอบๆ ซูจิ้งเถียน ดุจเทพธิดาร้อยบุปผาในแดน์ชั้นเก้า
นอกจากนี้ การประทินโฉมของนางสง่างดงาม หว่างคิ้วยังใช้ทรายสีแดงเขียนรูปดอกไม้ ผสานรอยยิ้มเอียงอายที่ทำให้ผู้คนหวั่นไหว กล่าวได้ว่าเป็ข้าเห็นก็เอ็นดู
ทันทีที่นางปรากฏตัว แววตาทุกคนต่างหยุดไว้บนร่างนาง เพียงเห็นนางถวายคำนับอย่างสง่างาม “เถียนเอ๋อร์ถวายบังคมฮ่องเต้ พระสนมเพคะ”
“ดี ไม่เสียทีเป็น้องสาวแท้ๆ ของซูจิ้งโหยว มีเอกลักษณ์ท่วงท่าของโหยวเอ๋อร์ตามคาด” ที่เอ่ยปากเป็ซ่งหลิงซิว
การตอบสนองของเขานี้ ทำให้ทั้งซูจิ้งโหยวกับนางแซ่หลี่ต่างพึงพอใจ
ใบหน้าดวงน้อยของซูจิ้งเถียนยิ่งแดงก่ำ “ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่ทรงชม ถ้าเช่นนั้นเถียนเอ๋อร์ก็ขอแสดงความอัปลักษณ์แล้วเพคะ”
หลังจากที่นางพูดจบ กระโปรงบานก็โบกสะบัดขึ้นมาแล้ว ร่างเล็กบอบบางร่ายรำท่ามกลางสายลม ทุกคนในสนามเกือบหลงใหลไปหมดสิ้น
เห็นได้ชัดว่า การร่ายรำชุดนี้ของซูจิ้งเถียนเกิดจากความเพียรพยายามอย่างหนัก
เชื่อว่าพรุ่งนี้ในเมืองหลวงย่อมมีการพูดถึงมุมมองเกี่ยวกับนางหลั่งไหลไม่ขาดสาย สวยงามดุจเทพธิดาบ้าง น่าตื่นตาตื่นใจแก่ที่ประทับทั้งสี่บ้าง ถึงกับมีแเื่นักเขียนที่เขียนบทกวีเพื่อนาง
ซูจิ้งเถียนดำเนินตามวิธีเก่าของซูจิ้งโหยว คิดว่าปีนั้นซูจิ้งโหยวก็ใช้วิธีนี้ยั่วยวนซ่งหลิงซิว จนได้ขึ้นเป็พระสนม
แม้ว่าชีวิตนางในอดีตไม่สามารถหยุดยั้งซูจิ้งโหยว แต่ชีวิตนี้จะไม่อนุญาตให้ซูจิ้งเถียนประสบความสำเร็จ
กลยุทธ์เดียวกัน ไฉนนางต้องถูกล้มล้างสองครั้ง
ซูจิ้งเถียนร่ายรำจนจบ การเคลื่อนไหวสุดท้ายอันหนึ่ง แก้มสองข้างแดงเล็กน้อย บนหน้าผากยังปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อถี่ยิบ ยิ่งเย้ายวนมีเสน่ห์กว่าเมื่อสักครู่ “ถวายร่ายรำไม่ดี พระสนมอย่าได้ทรงตำหนิเพคะ”
ปกติวาจาแบบนี้ล้วนเป็การถ่อมตนที่หลอกลวง ทว่าผู้ที่ได้ยินต้องสรรเสริญนางสักรอบตามทำนองแน่ๆ
ทว่าคำสรรเสริญยกย่องยังไม่ได้ออกจากปากผู้ใด ประกายตาเย็นะเืดุจน้ำแข็งของอวี้เสวียนจีพลันหลุบลง
เขาพิจารณาซูจิ้งเถียนั้แ่หัวจรดเท้าอย่างครุ่นคิดคราหนึ่ง มองจนหนังศีรษะซูจิ้งเถียนชา กระทั่งหายใจไม่คล่อง แล้วเอ่ยปากกล่าว “ร่ายรำได้ไม่ดีจริงๆ ทหาร ท่วงท่าร่ายรำของคุณหนูสี่หยาบกระด้าง ทำให้สายพระเนตรของฮ่องเต้แปดเปื้อน ลากลงไปโบยตีอย่างหนักยี่สิบไม้กระดานใหญ่”
วาจานี้ของอวี้เสวียนจีพูดได้ถูกต้อง ซูเฟยซื่อเกือบจะสำลักน้ำชาคำหนึ่งออกมา
อะไรกัน? ท่วงท่าร่ายรำหยาบกระด้าง?
การร่ายรำของซูจิ้งเถียนนี้เทียบได้กับนางรำในพระราชวัง เหตุใดในสายตาของอวี้เสวียนจีกลับกลายเป็หยาบกระด้างไปเล่า?
นางมองอวี้เสวียนจีอย่างนึกสงสัย กลับพบว่าริมฝีปากแดงของเขาหยักยกขึ้นน้อยๆ สายตาไม่ได้มองซูจิ้งเถียน ทว่ากลับจ้องนางนิ่งๆ
ลักษณะยั่วยวนแฝงแววดูแคลนดุจปีศาจนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังประจานนางต่อหน้าผู้คน เห็นซูจิ้งเถียนขวางหูขวางตา ก็จงใจจัดการซูจิ้งเถียน
อวี้เสวียนจีกับซูจิ้งเถียนไม่มีความคับข้องใจหรือความแค้นต่อกัน หรือเขากำลังทำเพื่อนาง?
อวี้เสวียนจีเคยกล่าวไว้ เขาได้เฝ้าดูจวนอัครมหาเสนาบดี ย่อมรู้เื่ซูจิ้งเถียนกลั่นแกล้งนาง หรือเขาทำแบบนี้เพราะกำลังแก้แค้นเพื่อนาง?
เมื่อครู่เกือบจะฆ่านาง แต่ตอนนี้กลับใช้วิธีเย่อหยิ่งบ้าคลั่งแบบนี้เพื่อช่วยนางอีก
ไม่เข้าใจอวี้เสวียนจีเลยจริงๆ
ไม่ บางทีนางก็อาจจะไม่เคยเข้าใจมาก่อน
ทันทีที่วาจาของอวี้เสวียนจีออกจากปาก ทุกคนล้วนใพากันมองซูจิ้งเถียนด้วยความเห็นใจ
น่าสงสาร นางถูกอวี้เสวียนจีจ้องจับผิด ยี่สิบไม้กระดานใหญ่ฟาดลง เกรงว่าไม่ตายก็พิการ น่าเสียดายคนสวยแบบนี้คนหนึ่งจริงๆ
ทว่าซูจิ้งเถียนยิ่งใจนหน้าเขียวไปหมด ขดตัวลงท่ามกลางลมเย็น ตัวสั่นงันงก
คิดอย่างไรนางก็ไม่เข้าใจว่ามันผิดพลาดที่ตรงไหน การร่ายรำชุดนี้นางเค้นใส่ความคิดไปมากมายจึงฝึกสำเร็จ ผู้ที่ได้เห็นมาก่อนต่างชมไม่หยุดปาก ท่วงท่าร่ายรำหยาบกระด้างอย่างนั้นหรือ?
เป็ไปได้อย่างไรเล่า? อีกทั้งนางก็ไม่ได้ล่วงเกินอวี้เสวียนจีมาก่อน!
เห็นขันทีกำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อลากซูจิ้งเถียนแล้ว ในใจซูจิ้งโหยวพลันกระตุกวูบ
ซูจิ้งเถียนซึ่งเป็น้องสาวแท้ๆ ถูกกล่าวหาว่าท่วงท่าร่ายรำหยาบกระด้างก็ได้รับความอัปยศมากแล้ว ถ้าถูกขันทีลากออกไปอีก ภายหน้านางจะสู้หน้าผู้คนได้อย่างไร?
ซูเต๋อเหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลยิ่งใจรุ่มร้อนดั่งไฟเผา เดิมทีคิดว่าซูจิ้งเถียนควรทำอย่างไรให้ชื่อเสียงระบือทั่วเมืองหลวง ไม่คิดว่ากลับปรากฏฉากนี้ออกมาได้
ถ้าซูจิ้งเถียนถูกลากออกไปจริงๆ สูญเสียบุตรสาวคนหนึ่งเป็เื่เล็ก ทว่าทำลายล้างชื่อเสียงของจวนอัครมหาเสนาบดีทั้งแห่งนับเป็เื่ใหญ่
เขารีบขยิบตาให้ซูจิ้งโหยว ส่งสัญญาณให้ซูจิ้งโหยวกล่าววาจา
เมื่อซูจิ้งโหยวถูกเขามองแบบนี้ ก็ได้แต่ฝืนพยักหน้าเอ่ยปาก “ท่านอ๋องเก้าพันปี น้องสาวข้าท่วงท่าร่ายรำหยาบกระด้าง เป็ข้าสอนไม่ดี วันข้างหน้าต้องสั่งสอนอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้นแน่นอน เพียงแต่เห็นแก่หน้าข้า ยี่สิบไม้กระดานใหญ่นี้ก็แล้วไปเถิดดีกว่าไหมเพคะ”
ซูจิ้งโหยวพูดออกไปแล้ว ดีร้ายอย่างไรก็เป็ถึงพระสนมองค์หนึ่ง ตอนนี้ผู้คนกำลังจ้องมอง มิใช่ว่าอวี้เสวียนจีจะกัดไม่ปล่อยหรอกนะ?!
ไม่คิดว่าอวี้เสวียนจีเหลือบมองซูจิ้งโหยวอย่างดูถูกคราหนึ่ง ในประกายตาดำสนิทคมกริบบาดผู้คน “หน้าเ้า? ขนาดฮ่องเต้ไม่ได้ตรัสอะไร พระสนมเล็กๆ คนหนึ่งเช่นเ้าเอาหน้ามาจากไหน? หรือคิดว่าหน้าของเ้าใหญ่กว่าของฝ่าางั้นหรือ?”
วาจาเดียวทั้งดูถูกทั้งข่มขู่ ขู่จนใบหน้าซูจิ้งโหยวเขียวคล้ำในชั่วพริบตา
แต่ซ่งหลิงซิวที่นั่งอยู่ข้างๆ นางสีหน้าแข็งทื่อไปนานแล้ว ในดวงตาคุกรุ่นไปด้วยความเกลียดชัง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดเอ่ยปาก ทั้งยังไม่คิดจะให้อวี้เสวียนจีทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาตามสบาย เพียงแต่ในมืออวี้เสวียนจีกุมต่งฉางไว้ ยิ่งมีกฎพินัยกรรมของฮ่องเต้องค์ก่อนเป็ที่พักพิง แม้แต่เขาซึ่งเป็ฮ่องเต้ก็มิอาจสั่นคลอนได้
ดังนั้นเขาจึงไม่พูด เนื่องด้วยไม่อยากให้ตัวเองต้องขายหน้าจากความอัปยศนี้
“ลากลงไป” อวี้เสวียนจียกมือน้อยๆ ขันทีลากซูจิ้งเถียนไปข้างนอกทันที
“รอเดี๋ยว” เสียงกังวานสดใสดังขึ้น สายตาของทุกคนต่างถูกดึงดูดไป เป็ซูเฟยซื่อ?!
ตอนแรกมีเพียงซูจิ้งโหยวที่ถูกตอกกลับ จากที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลับมีคนโง่พูดแทรกขึ้นมาจริงๆ
นางยืนขึ้นมาเช่นนี้ หรือคิดอยากถูกตีพร้อมกับซูจิ้งเถียน?
อวี้เสวียนจีส่งสัญญาณให้ขันทีหยุดมือ เหมือนกำลังรอฟังว่าซูเฟยซื่อจะพูดอะไร
ซูเฟยซื่อเดินออกไปท่ามกลางสายตาเห็นใจของฝูงชน กล่าวต่ออวี้เสวียนจีอย่างเคารพยำเกรง “ท่านอ๋องเก้าพันปี ตลอดที่ผ่านมาจวนอัครมหาเสนาบดีมีขนบประเพณีมารยาทเข้มงวด แม้จะกล่าวว่าน้องสี่ยังเด็กเกินไป ทว่าบัดนี้ได้ทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน หม่อมฉันที่เป็พี่สาวรู้สึกขายหน้าสำหรับนางจริงๆ ขอท่านอ๋องเก้าพันปีโปรดเมตตา ให้หม่อมฉันใช้กฎระเบียบครอบครัวลงทัณฑ์แทนบิดา เพื่อมิให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะจวนอัครมหาเสนาบดีได้เ้าค่ะ”