ทะเบียนครัวเรือนของสวี่จือจือได้ย้ายตามเธอมาอยู่ที่หมู่บ้านผานสือั้แ่วันแต่งงานแล้ว
เช้าตรู่ของวันนี้ เธอต้องไปตามกลุ่มคนงานเพื่อไปจับแมลงในไร่ฝ้าย ซึ่งไม่ใช่เื่ง่ายเลย
เมื่อวานเธอทำงานทั้งวัน พอตกเย็นก็ปวดหลังแทบขาด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็ยายแก่แปดสิบเก้าสิบ ต้องเดินหลังโก่งถึงจะไหว แถมยังไม่มีหมวกหรืออะไรมากันแดด กลับไปถึงบ้านหน้าก็แดงเรื่อไปหมด
โชคดีที่ในสวนมีแตงกวาปลูกอยู่ เธอรีบเด็ดมาสองลูก หั่นเป็แว่นบางๆ แปะหน้าไว้ แต่พอมาวันนี้เธอมีประสบการณ์แล้ว หาผ้ามาคลุมหน้า ใส่เสื้อแขนยาวตัวเก่าที่มีรอยปะชุน พรางตัวมิดชิดก่อนออกจากบ้าน แล้วก็เจอลู่จิ่งซานกำลังเดินเข้ามาพอดี
“จะไปไร่เหรอ?” เขาถาม
“อืม” สวี่จือจือพยักหน้า “วันนี้ไปจับแมลงในไร่ฝ้าย”
ของที่ลู่จิ่งเหนียนให้มา ลู่จิ่งซานยังหาจังหวะเหมาะสมที่จะให้สวี่จือจือไม่ได้ คิดว่าจะวางไว้บนตู้ข้างเตียง สวี่จือจือคงจะเห็นเอง แต่พอเขากลับจากทำธุระข้างนอก ถุงผ้าก็ยังอยู่ที่เดิมบนตู้ข้างเตียง
“คุณไปก่อน เดี๋ยวผมตามไปช่วย” เขามองสวี่จือจือแล้วพูด
“ได้สิ” มีคนมาช่วย สวี่จือจือย่อมยินดี แล้วก็ถามต่อ “มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมีท่าทีอึกอักกันล่ะ? นี่ไม่เหมือนลู่จิ่งซานเอาเสียเลย
“ไม่มีอะไร” ลู่จิ่งซานนึกถึงผ้าหลายผืน ใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
สวี่จือจือกลอกตา ไม่พูดก็ไม่พูด!
“เมื่อวานผมมีธุระออกไปข้างนอก” เขาพูด
“หา?” สวี่จือจือเบิกตาโต แล้วรีบโบกมือ “อ้อ ไม่ต้องบอกฉันเื่พวกนี้หรอก”
เขาโตขนาดนี้แล้ว อยากจะทำอะไรก็ไม่ต้องรายงานเธอหรอกมั้ง ถึงจะกลับมาดึกไปหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้อยากรู้สักนิด
ทำไมน่ะเหรอ? ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวน่ะสิ เหมือนกับถุงผ้าที่เขาเอาไปวางไว้บนตู้ข้างเตียง ถึงจะอยากเปิดดูแค่ไหน แต่ก็ควบคุมตัวเองไว้ได้
นอนหลับไม่ดีกว่าเหรอ? ถ้าเกิดเปิดไปเจออะไรที่ไม่ควรเจอ แล้วโดนฆ่าปิดปากขึ้นมาจะทำยังไง?
สวี่จือจือที่ได้เกิดใหม่แล้ว เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าชีวิตสุนัขสำคัญกว่า
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปทำงานก่อนนะ” เธอพูดจบก็รีบวิ่งออกไป
หัวหน้ากองงานเป่านกหวีดเป็ครั้งที่สามแล้ว แถมวันนี้ลู่จิ่งซานก็แปลกๆ ด้วย เธอไม่อยากอยู่กับเขาสองคน
ลู่จิ่งซาน “...”
ขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังของภรรยาที่วิ่งหนีไป สุดท้ายก็หัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา
กำลังจะเข้าบ้านก็เห็นน้องสาวของตัวเองลู่ซืออวี่ ถืออ่างใส่น้ำมองพวกเขาอยู่
ลู่ซืออวี่ประหลาดใจที่เห็นพี่ชายตัวเองยิ้มให้สวี่จือจือ หลายปีมานี้เขาอยู่ในกองทัพ นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านที ปีสองปีถึงจะกลับมาสักครั้ง ไม่รู้ตัวเลยว่าน้องสาวที่ขี้อายั้แ่เด็กโตขึ้นขนาดนี้แล้ว
“พี่” ลู่ซืออวี่พูดเสียงเบา “มีเสื้อผ้าอะไรไหม ฉันจะซักให้”
“ไม่ต้องหรอก” ลู่จิ่งซานลูบจมูก “เธอจะซักในลานหรือไปซักที่แม่น้ำ?”
ถ้าซักในลาน เขาจะได้ช่วยตักน้ำให้
“ฉันไปซักที่แม่น้ำ”
ลู่ซืออวี่พูดอย่างผิดหวัง ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
ลู่จิ่งซานรู้สึกปวดหัว “รีบไปเถอะ” เขาพูดแล้วเหลือบมองเสื้อผ้าในอ่าง “หลิงซานล่ะ? ให้หล่อนไปซักด้วยกันสิ”
เสื้อผ้าเยอะขนาดนั้น คงไม่ได้มีแค่ของลู่ซืออวี่คนเดียวหรอก
“หลิงซานปวดท้อง” ลู่ซืออวี่ก้มหน้าพูด “งั้นฉันไปก่อนนะ”
ถึงตอนนี้เธอจะปวดท้องนิดหน่อยเหมือนกัน แต่พอนึกถึงตรงนี้ ลู่ซืออวี่ก็ก้มหน้าจับอ่างไว้แน่น แต่เสื้อผ้าพวกนี้เป็ของที่น้าเหอเปลี่ยนออก ถ้าวันนี้ไม่ซักพรุ่งนี้น้าเหอก็จะไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว
พอนึกถึงสีหน้าของน้าเหอเมื่อกี้ ลู่ซืออวี่ก็ตาเป็ประกาย ถึงเธอจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของน้าเหอ แต่น้าเหอก็ดีกับเธอไม่ต่างจากหลิงซาน แถมเมื่อกี้ยังให้ลูกอมกับเธอด้วย แต่เธอไม่ได้กิน และเอามันไปให้ลู่หลิงซานที่ปวดท้อง
น้าเหอก็ดีใจกว่าเดิม ชมว่าเธอเป็พี่สาวที่ดี
แต่พอนึกถึงสิ่งที่ลู่หลิงซานพูด ลู่ซืออวี่ก็ก้มหน้าลงอีก กัดริมฝีปากมองลู่จิ่งซาน สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ช่างมันเถอะ ตายก็ตายไป ยังไงในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครสนใจเธออยู่แล้ว
เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในหมู่บ้านกำลังลือกันเื่หนึ่งที่เกี่ยวกับเหอเสวี่ยฉิน
มีเด็กหลายคนไปจับจักจั่นหลังหมู่บ้าน กลับมาดึกมากแล้วเห็นเงาดำๆ พุ่งเข้าไปในสวนหลังบ้านของตระกูลลู่ เด็กพวกนั้นกลับไปเล่าให้ที่บ้านฟังก็ถูกดุด่าไปตามระเบียบ พูดอะไรกันแต่เื่เงาดำๆ ในตอนกลางคืน!
พอตอนเช้ากินข้าวก็เอาเื่นี้มาพูดคุยกันที่หน้าหมู่บ้าน ก็พบว่าไม่ได้มีแค่บ้านของพวกเขาที่เห็น แต่ยังมีอีกหลายคนที่เห็นเงาดำๆ นั้น ถ้าเป็คนของบ้านตระกูลลู่ ทำไมไม่เข้าประตูหน้า กลับต้องปีนกำแพงเข้าไปด้วย?
พอนึกถึงวันแต่งงานของลู่จิ่งซาน เหอเสวี่ยฉินก็หายตัวไปทั้งคืน จนตอนเช้าถึงมีคนไปเจอเธอในห้องใต้ดิน หรือว่าคนนั้นจะเป็ชู้ของเหอเสวี่ยฉิน? เป็ห่วงเหอเสวี่ยฉินเลยต้องปีนกำแพงเข้าไปในตอนกลางคืน?
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันก็เห็นลู่หวยเหรินปั่นจักรยานเหงื่อท่วมตัวกลับมาจากข้างนอก
“หวยเหริน นี่ไปทำอะไรมาเหรอ?” มีคนถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อคืนทำงานกะดึก เพิ่งจะกลับมาเมื่อเช้า ใครจะไปรู้ว่าโซ่จักรยานดันมาขาดซะได้” ลู่หวยเหรินพูดพลางหัวเราะ
“โซ่จักรยานขาดได้ด้วยเหรอ?” มีคนพูดเบาๆ
ทำไมถึงมีเื่บังเอิญแบบนี้ด้วย?
ทุกคนมองลู่หวยเหรินด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แต่ลู่หวยเหรินไม่รู้เื่พวกนี้
สองวันนี้เขาต้องวิ่งไปๆ มาๆ ทั้งต้องดูแลเหอเสวี่ยฉิน ทั้งต้องยุ่งเื่งานรักษาความปลอดภัยที่โรงงานหม้อแปลงไฟฟ้า เหนื่อยแทบตาย ไม่มีอารมณ์จะมาพูดคุยกับคนในหมู่บ้าน รีบเข็นจักรยานกลับบ้านไป
สวี่จือจือรู้เื่เหล่านี้ก็จากปากของหลิวเหมียวสะใภ้ใหม่ที่ไปจับแมลงในไร่ฝ้ายด้วยกันเมื่อวาน
“เธออย่าบอกคนในบ้านนะว่าฉันเป็คนบอก” หลิวเหมียวพูด “เื่นี้ลือกันทั่วหมู่บ้านแล้ว”
สวี่จือจือรู้สึกว่าแม่สามีของเธอนี่ช่างร้ายกาจจริงๆ คงจะทนไม่ไหวจริงๆ สินะ
สวี่จือจือไม่รู้จะใช้คำอะไรมาบรรยายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้เห็นใจสักนิด ถ้าตอนนั้นเธอไม่ต่อต้าน ตอนนี้คนที่ถูกชาวบ้านเอาไปนินทาก็คงเป็เธอแล้ว แอบตั้งตารอเลยว่าถ้าเหอเสวี่ยฉินได้ยินชาวบ้านพูดแบบนี้ จะมีสีหน้าแบบไหนกัน
ส่วนเื่เงาดำเมื่อคืน? สวี่จือจือว่าเธอพอจะรู้ว่าใคร ถึงเธอจะไม่ได้นอนร่วมเตียงกับลู่จิ่งซาน แต่ถึงแม้ลู่จิ่งซานจะปูเสื่อนอนกับพื้น เวลาเขากลับมาก็เบามากอยู่ดี แต่ถึงยังไงก็อยู่ห้องเดียวกัน เธอจะไม่รู้ได้ยังไง?
“งั้นเธอก็ต้องบอกทุกคนนะ” สวี่จือจือจับมือของหลิวเหมียวพูดอย่างจริงใจ “ถึงพ่อสามีของฉันจะเข้าเวรบ่อย แต่ฉันก็ไม่เชื่อว่าน้าเหอจะเป็คนแบบนั้น”
เข้าเวรบ่อย? นั่นก็คือกลับบ้านไม่ได้สิ!
พวกที่แกล้งทำเป็จับแมลง แต่แอบเงี่ยหูฟังอยู่ก็รู้สึกว่าพวกเขาจับประเด็นสำคัญได้แล้ว
“สามีเธอมาแล้ว” หลิวเหมียวเชิดหน้าบอกสวี่จือจือ
บนคันนา ลู่จิ่งซานกำลังเดินเข้ามาด้วยท่วงทีก้าวยาวๆ “คุณไปพักเถอะ เดี๋ยวผมทำเอง”
ไร่ฝ้ายอยู่ไม่ไกลจากริมน้ำ เขาช่วยลู่ซืออวี่ยกเสื้อผ้าไปที่แม่น้ำเสร็จก็เลยมา
สวี่จือจือหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็เชื่อฟังไปนั่งพักใต้ร่มไม้ใหญ่ที่คันนา
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้